ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games - ตอนที่ 102
ทันทีโจอยากจะพูดอะไรหล่อ ๆ บ้าง เขาก็ลื่นตกจากร่างของยักษ์แห้งแล้ง
ตอนนั้นเองเขาถึงพึ่งจะมารู้ว่า สิ่งที่ราดลงบนตัวเขาไม่ใช่เลือด มันเป็นอะไรบางอย่างที่คล้ายน้ำมันที่ลื่น ๆ และเหนียว
ยักษ์แห้งแล้งยังมีพลังชีวิตเหลืออยู่ ดังนั้นผู้เล่นจึงยังโจมตีมันอยู่และต่อสู้กันเองว่าใครจะได้ลาสช็อตไป
แต่ยักษ์แห้งแล้งกลับสูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้ไปแล้ว มันวิ่งกลับไปที่หน้าผา โดยหวังว่าโจรภูเขาจะช่วยมันจับผู้เล่น
แต่ผู้เล่นตาไว 2-3 คน (ส่วนใหญ่เป็นเรนเจอร์) สังเกตเห็นว่าที่รังโจรด้านข้างหน้าผานั้นว่างเปล่า ในตอนที่ยักษ์แห้งแล้งต่อสู้กับพวกเขา พวกโจรก็พากันปีนขึ้นไปบนหน้าผาผ่านทางลับเพื่อหลบหนีแล้ว
ดูเหมือนพวกเขาไม่ตั้งใจจะช่วยยักษ์แห้งแล้งเลยตั้งแต่แรก
ไม่ยากที่จะเข้าใจสิ่งที่โจรภูเขาเลือก ในสายตาของพวกโจร ยักษ์แห้งแล้งเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ยงคงกระพัน และสามารถทำลายได้แม้แต่นักรบศักดิ์สิทธิ์
มันเป็นความเข้าใจผิด ๆ ที่ทำให้พวกเขากล้าทำสิ่งต่าง ๆ โดยประมาท แต่เมื่อผู้เล่นโค่นยักษ์ลงด้วยการโจมตีที่ดุร้าย ภาพของยักษ์ที่แข็งแกร่งในใจของโจรภูเขาก็ได้แตกเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้ ‘ความกล้าหาญ’ ที่น่าสมเพชของพวกเขาหายไป
เหตุใดจึงไม่มีโจรภูเขาสักคนมาช่วยยักษ์แห้งแล้ง นั่นเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะแม้แต่ซีเว่ยซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งเกมเองก็ไม่สามารถเปิดการใช้งานระบบ ‘ไม่โจมตีบุคคลที่เป็นมิตร’ ได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเจ้าแห่งขุนเขาจึงทำไม่ได้เช่นกัน สำหรับมอนสเตอร์ที่มีขนาดใหญ่อย่างยักษ์แห้งแล้ง ก้าวแต่ละก้าวของพวกมันก็เป็นการโจมตีแบบ AOE แล้ว หากพวกโจรภูเขาพยายามช่วยเหลือยักษ์ พวกเขาอาจจะต้องตายก่อนที่จะมีโอกาสได้โจมตีผู้เล่นด้วยซ้ำ…
ผู้เล่นเข้าใจเหตุผลของพวกโจร แต่ยักษ์แห้งแล้งไม่ใช่
เสียงคร่ำครวญของยักษ์เต็มไปด้วยความเศร้าและความโกรธ เมื่อมันถูกทิ้งโดยพรรคพวกที่มันไว้ใจที่สุด
ยักษ์แห้งแล้งดูเหมือนจะสูญเสียความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่ มันได้ใช้กำลังทั้งหมดวิ่งเข้าชนหน้าผา ร่างของมันที่หนักหลายพันตันกระแทกเข้ากับภูเขาอย่างแรง ทำให้รังโจรขนาดใหญ่ต้องพังทลาย!
หน้าผาไม่ได้มีโครงสร้างที่แข็งแกร่งพอจะทนต่อการทุบตีเช่นนี้ เพียง 10 วินาทีหลังจากรังของโจรภูเขาถูกทำลาย ภูเขาก็เริ่มพังทลายลง เหล่าโจรไม่สามารถหลบหนีภูเขาถล่มได้ พวกโจรเกือบทั้งหมดจึงถูกฝังทั้งเป็นใต้ซากหน้าผา!
ร่างของยักษ์แห้งแล้งก็ถูกขังอยู่ใต้หน้าผาเช่นกัน มีเพียงคอ หัว และไหล่ข้างหนึ่งของมันเท่านั้นที่โผล่ออกมาจากกองหินถล่ม มันนอนอยู่ที่นั่นเหมือนกำลังจะตาย
โจยืนอยู่ต่อหน้ายักษ์ที่กำลังจะตาย เขาได้รับเลือกให้เป็นคนโจมตีมันครั้งสุดท้าย เพราะประสบการณ์ที่เจ็บปวดจากการตายหลาย 10 ครั้งในนั้นน่าเศร้าเกินไป…
โจไม่ได้หัวเราะหรือร้องไชโยเหมือนผู้เล่นคนอื่น ๆ เมื่อเควสเสร็จสิ้น เขาที่ถูกปกคลุมด้วยเลือด (น้ำมัน) ของยักษ์แห้งแล้ง
ดวงตาขนาดมหึมากำลังจ้องมองเขาอยู่
โจรู้สึกได้ถึงความไม่เต็มใจและความเศร้าจากอีกฝ่าย
เขาไม่ได้เยาะเย้ยยักษ์เพื่อระบายความโกรธของเขา แต่โจกลับพูดอย่างจริงจังว่า “ในชาติหน้า เจ้าจงหานายที่ดีกว่านี้ซะ”
จบคำ โจก็แทงดาบเข้าไปในดวงตาของยักษ์แห้งแล้งและฆ่ามัน
เมื่อยักษ์ตาย ผู้เล่นเกือบทุกคนที่ร่วมกันต่อสู้ครั้งนี้ก็ถูกอาบไปด้วยแสงสีขาว พวกเขาเลเวลอัพแล้ว!
แต่ผู้เล่นลืมคิดไปว่ายักษ์แห้งแล้งที่พวกเขาฆ่าจะหายไป ด้วยเหตุนี้ซากปรักหักพังที่เคยทับอยู่บนตัวยักษ์ก็ถล่มลงมาอีกครั้ง ดังนั้นจำนวนผู้เล่นที่ได้รับความเสียหายจึงเพิ่มจำนวนขึ้นหลายคน…
และที่ยากไปกว่านั้นคืออุปกรณ์และของดรอปทั้งหมดที่ยักษ์แห้งแล้งทิ้งไว้นั้น ถูกฝังอยู่ใต้กองหิน พวกเขาต้องลงมือขุดมันออกมา
หลังจากขุดกองไอเทมขึ้นมาจากซากหิน พวกเขาก็รู้สึกขมขื่นเล็ก ๆ
พวกเขาได้รับรางวัลเป็นไอเทมระดับอีลิทเพียงไม่กี่ชิ้น
แต่ความขมนี้ก็ได้สิ้นสุดลงเมื่อพวกเขาดึงดาบระดับตำนานสีทองออกมา ชื่อของมันคือ ‘นิ้วเท้ายักษ์’ ความสุขของพวกเขาพุ่งขึ้นไปถึงจุดสุดยอด
ผู้เล่นเกือบทุกคนกำลังเอะอะว่าไอเทมชิ้นนี้ควรจะเป็นของใคร
เมื่อมองจากผู้เล่นที่ได้รับ ‘ความเสียหายสูงสุด’ และ ‘สร้างความเสียหายได้มากที่สุด’ ผู้เล่นจึงตัดสินใจว่าโจควรจะเป็นเจ้าของอาวุธระดับตำนานชิ้นแรก ที่เทพเจ้าแห่งเกมมอบให้พวกเขา
“อ่า…” เมื่อมองไปที่ผู้เล่นที่หลงใหลในการขุดดิน เทอร์รี่ก็จำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “โจโคโบะ…”
ก่อนที่เขาจะได้พูดจบ จอมก็ปิดปากของเขาทันที “จุ๊ ๆ! เราแอบออกไปกันตอนนี้เถอะ!”
จริง ๆ แล้วจอมเดาถูก มีกรงนกในรังของโจรภูเขา แต่ตอนนี้รังของโจรภูเขาถูกทำลายไปแล้วโดยยักษ์แห้งแล้ง เห็นได้ชัดว่าโจโคโบะในนั้นไม่น่าจะรอด
หลังจากที่เขาผิดสัญญากับผู้เล่นคนอื่น ๆ มาแล้วติดต่อกัน 2 ครั้ง จอมก็รู้สึกว่ามันเป็นการดีที่สุดหากพวกเขาจากไปก่อนที่ผู้เล่นจะรู้ตัว
เดิมทีจอมและเทอร์รี่ออกมาเพื่อสำรวจป่าทริเนีย แต่พวกเขาก็วิ่งไปเจอกลุ่มโจรภูเขา นี่เป็นอุปสรรคเล็กน้อยในการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ของพวกเขา…อย่างน้อยพวกเขาก็แค่ไม่กลับไปที่เมืองจนกว่าสิ่งที่พวกเขาพูดไว้จะถูกลืม
เทอร์รี่พึมพำเห็นด้วยและพยักหน้ารัว ๆ เขาไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะไปไหนกันเพราะเขาขี้เกียจใช้สมอง ดังนั้นเขาก็เลยฝากความคิดทั้งหมดไว้ที่จอม เขารู้ว่าจอมจะไม่ทิ้งเขาแน่ และเราจะต่อสู้ไปด้วยกัน
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะแอบหลบออกไป จอมก็สังเกตเห็นสุนัขชาเป่ยสีเทานั่งอยู่ตัวเดียวบนเนินขนาดเล็ก
เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าใกล้สุนัขและถามมันว่า “เจ้าได้แก้แค้นให้กับเจ้าของ ๆ เจ้าแล้ว เจ้าอยากมาผจญภัยกับเราไหม”
สุนัขชาเป่ยเอียงคอมองไปที่จอม ก่อนจะมองทอร์รี่ที่กำลังยิ้มอยู่ จากนั้นมันก็เริ่มกระดิกหางช้า ๆ
จอมอดยิ้มไม่ได้
“ตั้งชื่อให้มันกันเถอะ” เทอร์รี่เอนตัวเข้าไปใกล้ “เราจะเรียกมันว่า ‘เซอร์กิเวียบีสต์’ เป็นไง!”
สุนัขแยกเขี้ยวขู่และเห่าใส่เทอร์รี่
“มันชอบมาก” เทอร์รี่พูดแบบไม่ดูหน้าสุนัขเลย
“เฮ้อ…” จอมลูบหัวสุนัขด้วยสีหน้าว่างเปล่า “เราไม่รู้จักชื่อเก่าของเจ้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะเรียกเจ้าว่าไพร์ท!”
สุนัขตอบง่าย ๆ ว่า
“โฮ่ง!”
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ได้เวลาไปกันแล้ว…” เมื่อพร้อมแล้ว จอมและเทอร์รี่ก็ออกเดินทางไปพร้อมสุนัขของพวกเขา ระหว่างที่ผู้เล่นคนอื่น ๆ กำลังหมกมุ่นอยู่กับการขุดไอเทมใต้กองหิน
[ติ้ง! ผู้เล่นทุกคนโปรดทราบ ผู้เล่นจอมได้รับสัตว์เลี้ยงตัวแรก ระบบจะปลดล็อก ‘ระบบสัตว์เลี้ยงและพาหนะ’ ในอีก 10 นาที]
[สัตว์เลี้ยงแนะนำที่สามารถช่วยในการต่อสู้ ขนไอเทม และช่วยให้อารมณ์ดีได้ : โจโคโบะเชื่อง]
[สัตว์เลี้ยงแนะนำสำหรับคลาส ‘อัศวิน’ (คลาสในอนาคต) ที่ต้องการพาหนะ : โจโคโบะนักวิ่ง]
จอมตัวแข็งทื่อ เขาค่อย ๆ หันกลับไปอย่างช้า ๆ ตอนนั้นเองที่สายตาของผู้เล่นทุกคนจับจ้องมาที่เขา
เขาเลยทำได้เพียงส่งยิ้มออกไปแบบแห้ง ๆ
“ฮือ ๆ ข้าจบแล้ว…”
————————————-