ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games - ตอนที่ 137
บทที่ 137 อย่ารังแกพวกเขา!
ตอนแรกซีเว่ยเคยจินตนาการว่า การโจมตีของมนุษย์เงือกนั้นจะเหมือนกับซอมบี้ในหนังวันสิ้นโลก นั่นคือฝูงมนุษย์เงือกจะคลานขึ้นมาจากมหาสมุทร ใช้จํานวนที่มากกว่าเข้าท่วมทับผู้เล่น ที่อ่อนแอและทําอะไรไม่ถูก และในทางกลับกัน ผู้เล่นที่ได้รับแรงสนับหนุนจากผลตอบแทนมากมายที่เขาตั้งไว้ จะทําสงครามกับมนุษย์เงือกครั้งยิ่งใหญ่ เหมือนผู้กอบกู้ที่ไม่ย่อท้อและเต็มไปด้วยบทละครโศกนาฏกรรม
เพราะสุดท้ายแล้ว ผู้เล่นที่อยู่ไกลก็ยังมาไม่ถึง และผู้เล่น 33 คนที่เสียสละตัวเองต่อสู้กับสึนามิก็ยังไม่ฟื้น ตอนนี้จึงหลือผู้เล่นเพียง 100 กว่าคนจาก 200 คนในปัจจุบันที่จะยืนหยัดบนชายหาดเพื่อขับไล่ฝูงมนุษย์เงือก
แต่ความจริงก็คือ
“มนุษย์เงือกตัวนั้นเป็นของข้า ได้โปรดพี่ชาย อย่าขโมยฆ่ามันเลย~”
“หุบปาก เจ้ารอคลื่นลูกต่อไปเถอะ”
“แต่ข้ายังฆ่าไม่ได้เลยตั้งแต่เมื่อวาน…”
“โอ้ ข้าเดาว่าเจ้าต้องเป็นคลาสซอร์ดมาสเตอร์ใช่ไหม คราวหน้าอย่าลืมเลือกคลาสระยะไกลล่ะ เข้าใจไหม”
ผู้เล่นที่เปลี่ยนคลาสเป็นซอร์ดมาสเตอร์ถึงกับน้ำตาไหล
ไม่ว่าจะเป็นเพราะตาสมุทรบนเกาะมนุษย์เงือกต้องใช้เวลาในการเปิดให้เต็มที่ หรือเพราะเทพสมุทรมองว่าซีเว่ยอ่อนแอเกินไป พวกมนุษย์เงือกเลยไม่ได้ทําการบุกโจมตีครั้งใหญ่ พวกเขาเข้าโจมตีโดยมีจํานวนมนุษย์เงือกไม่กี่ 10 ตนในแต่ละระลอก
สําหรับผู้เล่น มนุษย์เงือกที่มีค่าเฉลี่ยเลเวลน้อยกว่า 5 นั้นเป็นเพียงขนมชิ้นเล็ก ๆ ผู้เล่นปล่อยการโจมตีระยะไกลออกไปฆ่าพวกมันได้ก่อนที่พวกมันจะมาถึงชายฝั่งซะอีก ทําให้มีมนุษย์เงือกไม่กี่ตัวรอดชีวิตมาถึงชายหาด
และนั่นก็ทําให้คลาสซอร์ดมาสเตอร์อยู่ยาก
ไม่ว่าพวกเขาจะเล่นสายเบอร์เซิร์กหรือเกิ้งโยค การโจมตีพื้นฐานของพวกเขาล้วนเป็นดาบ ไม่ต้องพูดถึงการยิงลําแสงจากดาบ ของแบบนั้นพวกเขาแทบไม่มี แม้สายรันบุจะมีการลอบโจมตีระยะไกลเช่นการปาทรายและขว้างอิฐ แต่มันก็ต้องเล็งและปาด้วยมือตัวเอง ด้วยเหตุนี้ความแม่นยํา จึงแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับเวทมนต์ของเมจที่ล็อกเป้าหมายอัตโนมัติ และลูกศรของเรนเจอร์ที่ปรับวิถีโจมตีได้
ทุกครั้งที่ศัตรูโจมตี นับประสาอะไรกับการกินเนื้อและซุป แม้แต่กระดูกปลาพวกเขาก็ไม่ได้กิน
บางคนอาจสงสัยว่า ถ้าพวกเขาไม่สามารถแย่งสัตว์ประหลาดได้ ทําไมไม่ PVP คนอื่นก่อนแล้วค่อยฆ่าสัตว์ประหลาดล่ะ
เหตุผลนั้นง่ายมาก แม้ว่าซอร์ดมาสเตอร์จะมีขีดกําจัดความสามารถที่สูงกว่าจนคลาสอื่นเทียบไม่ติด แต่ผู้เล่นก็ยังไม่เข้าใจมัน ตอนนี้พวกเขาเลยไม่สามารถเอาชนะใครได้
ไม่ต้องพูดถึงการ PVP…
ในขณะที่ผู้เล่นที่ออกไปผจญภัยในพื้นที่ห่างไกลกลับมา และคนที่ต่อสู้กับสึนามิจนตายฟื้นคืนชีพมาแล้ว แนวป้องกันมนุษย์เงือกจึงผ่อนคลายลงในวันที่ 3 ของกิจกรรม ตอนนี้ผู้เล่นได้ผลัดกันกลับไปทําเควสประจําวันตามปกติแล้ว
นอกจากนี้ยังเป็นที่สังเกตุว่า ผู้เล่นที่ได้รับฉายา ‘วีรบุรุษผู้กล้าที่ต่อสู้กับมหาสมุทร’ ที่ไม่ได้เพิ่มค่าสถานะใด ๆ นอกจากการมีชื่อเท่ ๆ ลอยอยู่เหนือหัว พวกเขาต่างก็ใส่มันเดินไปรอบๆ เพื่ออวดให้ผู้เล่นคนอื่นๆ อิจฉาเล่น
ในขณะเดียวกัน
“ลูกตา ลูกตา…ทําไมถึงเป็นลูกตาตลอด? ไม่ต้องพูดถึงครีบเลย แม้แต่เงือกสักอันยังไม่มี!” โจอี้บ่นในขณะที่เขาเดินลุยทะเลเพื่องมหาของดรอปกับปาร์ตี้ “นี่ข้าล่ามนุษย์เงือกมาทั้งเช้าแล้วนะ!”
แม้ว่าลูกตาจะสามารถแลกรางวัลได้เหมือนกัน แต่รางวัลนั้นก็ไร้ประโยชน์หรือไม่ก็มาพร้อมกับผลข้างเคียง แม้แต่หินเสริมแกร่งที่แลกได้ก็ยังเป็นเกรดต่ำ ทําให้ลูกตาเป็นเหมือนขยะ
และซีเว่ยก็ได้คาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้ว ด้วยความสงสารอย่างมาก เขาจึงได้ทําระบบแลกเปลี่ยนไอเทมดรอปขึ้นมา ลูกตา 5 ลูกสําหรับเหงือก 1 ชิ้น และเหงือก 5 ชั้นสำหรับครีบ 1 ชิ้น แต่ในทางกลับกัน นั่นหมายความว่าครีบ 1 ชิ้นจะมีค่าเท่ากับลูกตา 25 ลูก
“โชคร้าย มือเจ้าดําเกินไปแล้ว” ผู้เล่นอีกคนที่เฝ้าดูโจอี้นับของดรอปก็ได้แต่ถอนหายใจ “เกิด อะไรขึ้น? เจ้าปาร์ตี้กับใครมาก่อนรึเปล่า”
“วัลแคนและซอนหยานพาเราไปเคลียร์ห้องใต้ดินของผีดิบครั้งหนึ่ง”
“เข้าใจล่ะ” ผู้เล่นพยักหน้าประมาณว่า ‘โฮ่โฮ่ เจ้าจบเห่แล้ว’ ทันที “ไม่น่าแปลกใจที่สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเจ้า เจ้ากล้าปาร์ตี้กับเจ้ามือดํานี่เอง….”
“เจ้าล้อเล่นรึเปล่า? อย่างข้าเนี่ยนะจะ…”
โจอี้ไม่เชื่อเรื่องโชคลาง เขาถามกลับอย่างสบาย ๆ ก่อนจะเบิกตากว้าง
ตอนนั้นผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่อยู่บนชายหาดดูเหมือนจะพากันตื่นตระหนกและวุ่นวาย
“เกิดอะไรขึ้น?” โจอี้ถามอย่างสงสัย
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีเรือที่สามารถพาผู้เล่นไปเกาะมนุษย์เงือกสามารถแลกได้แล้ว เราจะได้ออกไปฟาร์มสัตว์ประหลาดกันได้ซะที” ผู้เล่นคนนี้ก็ดูกระตือรือร้น ราวกับว่าเขาจะควักลูกตาของมนุษย์เงือกทุกตนที่เขาสามารถเข้าถึงได้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความอยากรู้อยากเห็น (หรืออยากร่วมสนุก) ก็ยังเป็นธรรมชาติของมนุษย์ โจอี้และผู้เล่นคนอื่น ๆ จึงขึ้นไปบนชายหาด หลังจากหยิบลูกตาลูกสุดท้ายขึ้นมา พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังกลุ่มคนที่กําลังมุงดูอะไรบางอย่าง
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้เห็นชัด ๆ ว่ามันคืออะไร สายตาของโจอี้ก็สังเกตเห็นคู่หูจอมและ เทอร์รี่กําลังลุกลี้ลุกลนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
นี่เป็นครั้งแรกที่โจอี้เห็นพวกเขา หลังจากที่เขาเปลี่ยนใจมาเลื่อมใสเทพเจ้าแห่งเกมและแยกทางกันที่ทางเข้าหมู่บ้าน
พวกเขาดูไม่เรียบร้อย มีเกล็ดหิมะเกาะอยู่บนใบหน้า และมีของเหลวหนา ๆ สีฟ้าบางส่วนกระจายไปทั่วร่างกาย เขาไม่รู้ว่ามันเกิดจากหิมะละลายหรือเป็นคราบอะไรบางอย่าง
โจอี้จําสิ่งที่วัลแคนบอกเขาเกี่ยวกับเด็ก ๆ ในตอนนั้นได้ เมื่อพวกเด็ก ๆ พาผู้เล่นไปกําจัดยักษ์ แห้งแล้งเพื่อรับโจโคโบะ แต่เหล่าโจโคโบะดันตายเพราะอุบัติเหตุ พวกเขาจึงโดนผู้เล่นบางคนตําหนิ
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ในปัจจุบันไม่ถูกต้อง โจอี้จึงไม่สนใจว่าเขายังเป็นเพียงผู้เล่นใหม่ที่เลเวลยังไม่ถึง 10 และเบียดตัวเข้าไปในฝูงชน
เขายืนต่อหน้าเด็กทั้ง 2 เพื่อกันผู้เล่นและตะโกนว่า “อย่ารังแกพวกเขา พวกเจ้ามีอะไรก็มาลงที่ข้านี่!”
“เจ้าเป็นใคร?” ผู้เล่นคนหนึ่งถามอย่างไม่พอใจ
“ข้าเป็นพ่อพวกเขา!” โจอี้ตอบทั้งที่กําลังหวาดกลัว
จากนั้นเขาก็ถูกเทอร์รี่และจอมส่งซิกให้ก้มลงมองอย่างไม่มีความสุข
หลังจากมองดี ๆ โจอี้ก็รู้ว่าคนที่ผู้เล่นกําลังมุ่งดูนั้นไม่ใช่เทอร์รี่และจอม แต่เป็นคนแคระเทาที่เตี้ยเกินไปจนคนด้านหลังมองไม่เห็น
“เอ่อ…” ไอรอนเฟล คนแคระเทาจ้องไปที่กลุ่มผู้เล่น เมื่อเขาได้ยินคําพูดและการกระ ทําแปลก ๆ ของคนเหล่านี้ เขาก็ถามจอมเบา ๆ ว่า “ผู้เล่นของเทพเจ้าแห่งเกมทุกคน เป็นพวกเง่าทั้งหมดเลย”