ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games - ตอนที่ 157
บทที่ 157 ชีวิตใหม่ของคินลี่ย์ [1]
วันนี้ผู้เล่นที่มีสายตาแหลมคม จะสังเกตเห็นร้านใหม่ในเมืองที่มีป้ายชื่อว่า “โกลเด้นโรส” เห็นได้ชัดว่านั่นคือห้องทดลองของนักเล่นแร่แปรธาตุ
เจ้าของที่นี่คือเลดี้คินลีย์ไอนซ์วอเตอร์ ซึ่งมาที่เมืองไร้ชื่อเพื่อตามหาแองโกร่า
ที่แรกแองโกร่าเตรียมจะไล่แขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้ออกไป แต่ก็ถูกหยุดไว้ก่อนเพราะซีเว่ยโยนวิวรณ์ลงมาจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์
ที่แรกซีเว่ยแค่อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุในสมัยนี้ ในฐานะเทพเจ้าแห่งเกม พลังของเขามีความเกี่ยวข้องกับอํานาจการเล่นแร่แปรธาตุ แต่ความจริงแล้วไม่มีอะไรมากไปกว่าการเสกโคคา-โคล่า
การที่ดินลีย์มาปรากฏตัวในเมืองไร้ชื่อตอนนี้ มันเป็นอะไรที่เพอร์เฟคมาก
อย่างที่พูดไปแล้วก่อนหน้านี้ พรศักดิ์สิทธิ์จากเทพเจ้าไม่ได้ถูกแจกจ่ายอย่างเท่าเทียมกันในหมู่ผู้ศรัทธาทุกคน มันจะถูกมอบให้กับผู้นําที่มีศรัทธาระดับสูง และผู้ศรัทธาที่ถูกเลือกเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
แม้ว่านักเล่นแร่แปรธาตุทุกคนจะบูชา อเคมิส” ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุ แต่ศรัทธาของพวกเขาก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคําสอนที่ว่า แก่นแท้ของการเล่นแร่แปรธาตุ สามารถมองเห็นได้ผ่านความคิดที่ไม่ถูกจํากัด” มันไม่ใช่คําสอนแบบเดียวกับศาสนาอื่น ๆ แต่เป็นเหมือนคําขวัญขององค์กรที่เรียกว่าหอคอยแห่งปัญญามากกว่า
ในทางกลับกัน สมาชิกก็ไม่ได้ถูกจํากัดไว้ด้วยกฎเกณฑ์ และไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไรที่สําคัญ ปกติแล้วหอคอยแห่งปัญญาก็เป็นเสมือนเวทีแลกเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ระหว่างนักเล่นแร่แปรธาตุด้วยกันมากกว่า
อาจารย์ของคินลีย์เป็นหนึ่งในสมาชิกของหอคอย และมีตําแหน่งเป็นถึง 1 ใน 3 ผู้ยิ่งใหญ่ของหอคอย แม้ว่าเขาจะไม่ได้รวบรวมผู้มีอํานาจเหมือนผู้นําในศาสนาอื่น ๆ แต่การที่เขาได้ดํารงตําแหน่งนั้นเพียงอย่างเดียวมันก็ไม่ต่างจากการเป็นพระสันตปาปาของศานจักร
ส่วนคินลีย์ที่เป็นลูกศิษย์ของพระสันตะปาปาองค์นั้น ซีเว่ยไม่เชื่อเลยว่าเด็กคนนี้จะไม่มีอะไรพิเศษ
ถ้าลางสังหรณ์ของเขาถูก เธอก็เป็นผู้ถูกเลือกคนหนึ่งเหมือนกัน แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีอํานาจเทียบเท่ากับนักบุญของศาสนาอื่น ๆ ก็ตาม
นอกจากสมมติฐานนี้ ก็ไม่มีคําอธิบายอื่นแล้วว่าทําไมนักเล่นแร่แปรธาตุระดับแนวหน้าของทวีป จึงรับเธอเป็นลูกศิษย์เมื่อหลายปีก่อน
และวันนี้เขาก็พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นความจริง: ซีเว่ยไม่ได้สังเกตเห็นมันในทุนย่า แต่เขาสามารถตรวจจับพลังของเทพเจ้าองค์อื่นได้อย่างชัดเจนเมื่อคินลีย์มาถึงอาณาเขตของเขา
เป็นเรื่องธรรมดาที่พลังของเทพเจ้าองค์อื่นแทบจะไม่สามารถตรวจจับได้หากคน ๆ นั้นเป็นผู้ศรัทธาทั่วไป และไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยคอะไรให้ค้นหา แต่มันต่างออกไปสําหรับผู้ศรัทธาที่พิเศษเช่นเธอ
นั่นก็เหมือนกับตอนที่ลัทธิกระดูกเน่าวางแผนลักพาตัวเจ้าหญิงลีอา เพื่อย้อนรอยหาสถานที่ตั้งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของซีเว่ย มีเพียงเธอเท่านั้นที่ใช้งานได้ เพราะการจับองครักษ์ของเธอนั้นไประโยชน์
ดังนั้นเมื่อคินลีย์ปักหลักอยู่ในเมืองไร้ชื่อ ซีเว่ยจึงมีเวลาศึกษาพลังของนักเล่นแร่แปรธาตุที่ห่อหุ้มตัวเธออย่างช้า ๆ
ซีเว่ยไม่ได้ตั้งใจที่จะสร้างปัญหากับเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุ อันที่จริงอเคมิสนั้นด้อยกว่ามากในเรื่องการต่อสู้เมื่อเทียบกับเทพสมุทร และอยู่ในระดับเดียวกับอัสลาน โดยที่อัสลานมีอํานาจเหนือกว่าในการต่อสู้ แต่ซีเว่ยเป็นแค่ลูกบอลมีหนวด เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอเคมิสแน่นอน
เขาแค่ต้องการศึกษาพลังอํานาจของนักเล่นแร่แปรธาตุ และตรวจสอบพลังศักดิ์สิทธิ์ของอเคมิสในฐานะเทพเจ้าแห่งเกม และดูว่าเขาสามารถได้รับอะไรเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุหรือไม่
ในทางกลับกัน คินลีย์ก็ค่อนข้างพอใจกับสถานการณ์ในปัจจุบันของเธอ
แองโกร่าได้ออกกฎสําหรับเธอไว้ 3 ข้อ
ข้อแรก เธอจะต้องไม่ทรยศต่อเทพเจ้าแห่งเกมและผู้ศรัทธาของพระองค์ และไม่รั่วไหลข้อมูลเกี่ยวกับเทพเจ้าแห่งเกมให้ผู้อื่นรับรู้ในทางกลับกัน ผู้ศรัทธาของเทพเจ้าแห่งเกมจะไม่สามารถทําร้ายเธอได้หากไม่ได้รับวิวรณ์จากเทพเจ้า
ข้อสอง เธอสามารถออกจากเมืองไร้ชื่อได้ทุกเมื่อที่เธอต้องการ แต่เธอต้องผลิตสินค้าจากการเล่นแร่แปรธาตุตราบใดที่เธออยู่ที่นี่ เพื่ออํานวยความสะดวกให้กับผู้ศรัทธาของเทพเจ้าแห่งเกมหรือสอนพวกเขาเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุขั้นพื้นฐานกับทุกคนที่เต็มใจจะเรียนรู้ในทางกลับกันคินลีย์จะสามารถมอบหมายภารกิจให้ผู้ศรัทธาค้นหาวัตถุดิบในการเล่นแร่แปรธาตุมาให้เธอได้
ข้อสาม ทางศาสนจักรไม่มีปัญหา หากเธอต้องการศึกษาสิ่งอํานวยความสะดวกและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่พบในเขตพื้นที่ของศาสนจักรแห่งเกม แต่จําเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากลอร์ดในเขตต่าง ๆ ก่อน และเธอจะต้องไม่เผยแพร่ความรู้ด้านการเล่นแร่แปรธาตุที่เธอได้รับออกไปให้ผู้ศรัทธาในศาสนาอื่นนอกจากผู้เล่น ในทางกลับกัน คินลี่ย์ไม่ต้องใช้เหรียญเกมในการเทเลพอร์ตไปยังพื้นที่อื่น ๆ ที่ติดตั้งไลฟ์สโตน
เมื่อมองย้อนกลับไป กฎข้อแรกนั้นค่อนข้างปกติ ไม่มีศาสนจักรใดต้องการให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับความลับของพวกเขาเมื่อมีคนจากศาสนาอื่นอยู่ในพื้นที่ของพวกเขา เพราะนั่นเป็นวิธีง่าย ๆ ในการเข้าถึงความลับของศาสนจักรอื่น ดังนั้นจึงไม่มีศาสนจักรใดยอมให้คนจากศาสนจักรอื่นอยู่ในพื้นที่ของตน โดยที่ไม่มีข้อตกลงด้านการรักษาความลับ
กฏข้อที่สองนั้นก็ไม่ยากเกินไป เนื่องจากจากในมุมมองของคินลีย์ การซื้อขายระหว่างผู้ศรัทธาของเทพเจ้าแห่งเกมนั้นคล้ายกับการตอบแทนมากกว่า ดังนั้นการผลิตสินค้าเล่นแร่แปรธาตุในขณะที่เธออาศัยอยู่ในเมืองไร้ชื่อ จึงถือเป็นเรื่องปกติ
ความจริงคือผู้เล่นซื้อขายกับเธอด้วยเหรียญเกมจริง ๆ แต่เนื่องจากมีระบบการชําระเงินแบบดิจิทัล หรือระบบโอนเงิน คินลีย์จึงไม่ต่างจากคนยุคเบบี้บูมเมอร์ที่ยังคงใช้เพจเจอร์ในยุคปัจจุบันที่มีแต่คนใช้สมาร์ทโฟน ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถจินตนาการได้ว่าเทคโนโลยีของพวกเขานั้นล้ำหน้ากว่าเธอเพียงใดในเวลาสั้น ๆ
แน่นอนว่าตอนนี้ดินลีย์ยังไม่เข้าใจเรื่องนั้น
ในฐานะนักเล่นแร่แปรธาตุ เดิมที่เธอต้องการห้องทํางานเพื่อการทดลอง แต่สิ่งที่เธอเห็นก็คือตอนนี้อีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะเตรียมห้องทํางานให้เธอ เธอยังสามารถขอให้ผู้ศรัทธาเหล่านี้ทํางานให้เธอได้อีก ทําไมเธอจะไม่เห็นด้วยล่ะ?
ความจริงในความคิดของเธอ มันเหมือนว่าศาสนจักรแห่งเกมกําลังทํางานเพื่อเธอมากกว่า เพราะแม้ว่าเธอจะต้องสอนทักษะการเล่นแร่แปรธาตุให้กับผู้เล่น แต่เธอก็สามารถขอให้พวกเขาช่วยหาวัตถุดิบให้เธอได้ แถมตอนนี้เธอยังเชื่อด้วยว่าผู้คนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าการเล่นแร่แปรธาตุเป็นเรื่องง่าย ไม่เช่นนั้นแล้วทําไมนักเล่นแร่แปรธาตุถึงได้หายากในทวีปนี้?
สําหรับกฏข้อที่สาม เธอจะไม่ปฏิเสธกฏมันแน่นอน เพราะมันเป็นเหตุผลหลักที่ดินลี่ย์มาที่เมื่องนี้
เธอมีลางสังหรณ์แล้วว่า จะต้องมีเวทมนตร์เชิงพื้นที่เมื่อแองโกร่าและผู้ติดตามของเขาหายตัวไปจากทุนย่า ถึงอย่างนั้นสิ่งที่เธอคิดว่าเป็นความลับที่สงวนไว้สําหรับบุคคลระดับสูง กลับถูกวางไว้ตรงที่โล่งใจกลางเมือง และเธอยังสามารถใช้มันได้ด้วย
สําหรับเธอคงไม่มีอะไรน่าปิติยินดีเท่านี้แล้ว! ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่านอกเหนือจากเทคโนโลยี พอร์ทัลที่ถูกเก็บรักษาไว้โดยชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในเมืองใต้ดิน พอร์ทัลที่มีอยู่บนดินก็เป็นของโบราณหรือไม่ก็เป็นพอร์ทัลที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
แม้ว่าเธอจะไม่สามารถนําความรู้ที่ได้รับนี้ไปบอกต่อคนนอกได้ และสิ่งที่เธอได้เรียนรู้ก็ถูกจํากัดไม่ให้แลกเปลี่ยนมันกับนักเล่นแร่แปรธาตุคนอื่น ๆ ได้อย่างเต็มที่ แต่ความสามารถในการเรียนรู้เทคโนโลยีการเล่นแร่แปรธาตุที่น่าอัศจรรย์ของเมืองไร้ชื่อนั้น คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย!