ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games - ตอนที่ 39
หลังจากที่เขามอบหมายเควสให้ผู้เล่นทั้งสองตรวจสอบชุมนุมลับดวงตา และส่งพวกเขาออกไป แองโกร่าก็เริ่มใช้ความคิด
ก่อนอื่นเขาไม่ควรหวังว่าพวกตัวตลกสองตัวนี่จะทำเควสสำเร็จ การที่พวกเขาวิ่งไปเจอหน่วยสอดแนมมันก็เป็นเพียงความบังเอิญล้วน ๆ และการที่พวกเขาจับหน่วยสอดแนมได้มันก็เพราะมีผู้เล่นคนอื่น ๆ คอยช่วยอยู่ หากมีคนบอกว่าพวกเขาสามารถแทรกซึมเข้าไปในชุมนุมลับดวงตาได้สำเร็จ แองโกร่าจะเป็นคนแรกที่ไม่เชื่อ
มันก็ดีพอแล้วหากพวกเขาไม่ลากศัตรูมาที่นี่
ไม่ว่ายังไง เขาจะต้องมอบหมายเควสนี้ให้กับผู้เล่นคนอื่น
“ข้ามีเหรียญเกม แต่คะแนนประสิทธิภาพมีปัญหานิดหน่อย” แองโกร่าเกาหัวด้วยความทุกข์ใจ
หลังจากผู้เล่นมาถึงเมือง การเพาะปลูกของเมืองก็รวดเร็วมากขึ้น อาหารส่วนเกินเขาก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินเกมได้มากมาย ซึ่งนั่นทำให้แองโกร่าร่ำรวยขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาเลยกำลังวางแผนที่จะปลูกพืชระดับที่สูงขึ้น
100 เหรียญเกมมันเป็นเพียงจำนวนเล็กน้อยสำหรับเขาในตอนนี้ แต่คะแนนประสิทธิภาพนั้นไม่ง่ายที่จะได้รับ
คะแนนประสิทธิภาพเชื่อมโยงกับความเจริญรุ่งเรืองของเมือง และการที่จะเพิ่มค่าความเจริญรุ่งเรืองของเมือง ก็จำเป็นจะต้องมีการก่อสร้างบ้านเรือนและอาคารให้มากขึ้น เมื่อคุณภาพชีวิตของประชากรมีเสถียรภาพ และมีบ้านว่าง ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองก็แทบจะหยุดชะงัก
นั่นคือเหตุผลที่คะแนนประสิทธิภาพนั้นมีค่ามากและต้องใช้จ่ายอย่างรอบคอบ
แองโกร่าแตะคางระหว่างใช้ความคิด ตอหนวดของเขาเริ่มขึ้นเมื่อเขาเกือบจะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ มันให้ความรู้สึกหยาบเล็กน้อยเวลาสัมผัส
“ข้าต้องเลือกผู้เล่นที่น่าเชื่อถือสักคนมาทำเควสนี้…”
ในขณะนี้ผู้เล่นที่แองโกร่าคิดว่าน่าเชื่อถือนอกจากมาร์นี่ที่กำลังจะจากไป ก็คือเอ็ดเวิร์ดและสมาชิกในปาร์ตี้ของเขา แม้ว่ามาร์นี่จะดูโง่เป็นครั้งคราวและเขามักจะสรรหาวิธีฆ่าตัวตายแบบแปลก ๆ อยู่บ่อย ๆ แต่เขาก็มีมารยาทดีที่สุดในหมู่ผู้เล่น เขาเป็นอดีตหัวหน้ากองคาราวานพ่อค้า ความจริงเขาเหมาะกับการทำงานเป็นหมู่คณะและยังมีความสามารถในการแสดงอีกด้วย
สำหรับปาร์ตี้ของเอ็ดเวิร์ด พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มคนกลุ่มแรกที่ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกมเท่านั้น แต่พวกเขายังเป็นผู้เล่นอันดับต้น ๆ อีกด้วย ทั้งในแง่ของเลเวลและความสามารถในการต่อสู้ ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขายังมีเครลิคที่มีทักษะชุบชีวิตอยู่ในปาร์ตี้ด้วย
ที่สำคัญ แม้ว่าเอ็ดเวิร์ดจะอายุน้อยกว่าแองโกร่านิดหน่อย แต่เขาก็มีความเป็นหัวหน้า เขาสงบและมีสมอง มันเป็นคุณสมบัติที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ได้โยนทิ้งหลังจากที่พวกเขาได้รับระบบมา และนั่นก็ทำให้พวกเขากลายเป็นพวกบ้าเหมือนในตอนนี้…
“วีลา เจ้าช่วยไปเรียกเอ็ดเวิร์ดและ…”
แองโกร่าหันไปหาวีลา เขาตั้งใจจะให้เธอไปพาปาร์ตี้ของเอ็ดเวิร์ดมา แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเขามองขึ้นไปบนหัวเธอ “บนหัวเจ้า…”
มันมีชื่อของเธอเขียนด้วยตัวอักษรสีขาวลอยอยู่ตรงนั้น
“ดูเหมือนว่าข้าจะมีมันหลังจากกลายเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงของเทพเจ้าแห่งเกม” เธอยิ้มหวานให้กับท่าทางอึ้ง ๆ ของแองโกร่า
เมื่อเขาได้สติ แองโกร่าก็ยิ้มออกมาเช่นกัน
“จะรออะไรล่ะ? มาฉลองกันเถอะ!”
“เอ๊ะท่านลอร์ด ท่านไม่มีงานทำเหรอ” เธอเอียงคอถาม
“เอาไว้ก่อน การฉลองให้เจ้าสำคัญกว่า!” แองโกร่าพูดอย่างจริงจัง
“อือ…” ใบหน้าของเด็กสาวขึ้นสีแดง เธอดูเขินอายเล็กน้อย
“ใช่แล้ว! หากเจ้าสามารถเป็นผู้เล่นได้ นั่นหมายความว่าไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งไม่ให้ชาวเมืองคนอื่น ๆ กลายเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงได้! พวกเขาทั้งหมดสามารถเป็นผู้เล่นได้! ด้วยสิ่งนี้ เมืองของเราก็จะปลอดภัยและมีพลังมากขึ้น!” แองโกร่าพูดออกมาอย่างตื่นเต้นโดยไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของวีลา “เพราะงั้นเราถึงต้องฉลอง!”
“โอ้ แสดงว่าเรากำลังฉลองเรื่องนั้นสินะ…”
“หืม? อะไรเหรอวีลา? ทำไมสีหน้าเจ้าดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”
“ไม่มีอะไรท่านลอร์ด วันนี้เราจะไปฉลองในโรงแรมกันใช่ไหม”
“แน่นอน มีที่ไหนให้ฉลองได้ในเมืองนี้อีกเล่า”
“ดี” หญิงสาวแสยะยิ้มร้าย “บังเอิญว่ามีหลายอย่างในนั้นที่ข้ายังไม่ได้ลองกิน”
“…”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง แองโกร่าเริ่มกังวลเรื่องกระเป๋าเงินของเขาเมื่อเห็นรอยยิ้มหวาน ๆ ของวีลา
☆
ในที่สุด มาร์นี่ก็ออกจากเมือง
“หอการค้าเพิ่งสร้างสาขาย่อยในเมืองวิคกิดอร์…” เขาอ่านแผนที่เพื่อวางแผนการเดินทางขณะที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับรถม้า “แม้จะมีรถม้าแต่ก็ต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับ 2 วัน…ไม่สิ ถ้าข้ารีบ ข้าอาจกลับไปได้ในหนึ่งวัน”
มาร์นี่ถอนหายใจขณะที่เขาเก็บแผนที่
แม้กระทั่งตอนนี้ เมื่อเขาคิดถึงเรื่องเทพเจ้าแห่งเกมและระบบ มาร์นี่ก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง
เขาไม่เหมือนกับสาวกคนอื่นที่มีความรู้จำกัด พวกเขาไม่รู้ถึงความมหัศจรรย์ของระบบ แต่มาร์นี่ซึ่งอายุเกือบจะ 30 ได้เดินทางจากเหนือจรดใต้และเดินทางข้ามผ่านพื้นที่ส่วนใหญ่ของจักรวรรดิมาแล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดว่าเทพเจ้าแห่งเกมเป็นเทพเจ้าที่ชั่วร้ายในทีแรก แต่เขาก็เชื่อว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะศรัทธาเทพเจ้าเช่นนั้น ความสามารถที่พวกเขาแสดงออกมาก็เป็นเพียงกลอุบายที่ผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกมใช้เพื่อหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าร่วมศาสนา แต่แล้ว มุมมองของมาร์นี่ก็ต้องเปลี่ยนไปหลังจากที่เขาได้สัมผัสกับมันด้วยตัวเอง
ระบบสามารถช่วยให้ผู้คนสามารถเรียนรู้ทักษะดาบ เวทมนตร์ และศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ได้ในทันที หากบอกเขาว่านี่เป็นพรศักดิ์สิทธิ์ที่เทพเจ้าประทานให้กับมนุษย์ เขาก็เชื่อ
ต้องบอกว่ามีความแตกต่างระหว่างระบบและพรศักดิ์สิทธิ์ พรศักดิ์สิทธิ์มีหลายรูปแบบแตกต่างกันออกไป แต่ระบบของผู้เล่นมีเพียงสำเนาเดียว ทุกคนเริ่มต้นเท่าเทียมกัน (มาร์นี่ไม่รู้ว่าระบบนักบุญหญิงฝึกหัดของเอลีน่าไม่เหมือนกัน)
“แม้แต่เทพบิดรบนสวรรค์ทั้งเจ็ดก็ไม่อาจให้พรศักดิ์สิทธิ์ได้มากมายเช่นนี้…ข้านึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเทพเจ้าแห่งเกมนั้นทรงพลังเพียงใด…” มาร์นี่รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเมื่อเขานึกถึงเทพเจ้าทรงพลังที่อยู่เบื้องหลังเขา “ดูเหมือนว่าข้าจะต้องทำเควสที่เทพเจ้ามอบให้ให้สำเร็จ!”
[รับผู้ลี้ภัยเข้าร่วมกับศาสนจักรของเทพเจ้าแห่งเกม]
นั่นคือเควสลับที่เทพเจ้าแห่งเกมได้มอบให้กับเขา
บอกตามตรง มาร์นี่ไม่ได้จริงจังกับเควสนี้เท่าไหร่นัก ผู้ลี้ภัยโดยพื้นฐานแล้วเป็นคนไม่เรื่องมาก ตราบใดที่เขาให้ขนมปังพวกเขาสักชิ้น ด้วยเงื่อนไขที่ว่าพวกเขาต้องหันมาศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม พวกเขาก็จะทำโดยที่คิ้วของพวกเขาไม่ขมวดเลยสักนิด
“ไม่สิ…” แม้มาร์นี่จะมีความสุขเมื่อเขาจินตนาการไปถึงตอนที่เขาอวดรางวัลเควสให้กับผู้เล่นคนอื่นดูเมื่อกลับไป แต่ในไม่ช้ามาร์นี่ก็สงบลง “มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะกลายเป็นผู้เล่น…ชาวเมืองทั้งหมดก็เป็นสาวกเช่นกัน แต่ไม่มีใครที่เทพเจ้าแห่งเกมยอมรับ ผู้ศรัทธาที่ตื้นเขินไม่สามารถเป็นผู้เล่นได้ ดังนั้นเควสนี้จะต้องทำให้พวกเขากลายเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงงั้นสินะ”
“ดูเหมือนว่าเวลาครึ่งวันจะไม่พอ ข้าคงต้องอยู่ห่างจากเมืองเริ่มต้นสักพัก”
————————————————————————-