ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games - ตอนที่ 42
ลัทธิกระดูกเน่าไม่มีฐานอยู่ในเมืองวิคกิดอร์ แต่พวกเขาก็มีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มของลีอาที่มีกันอยู่ 6 คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขามาถึงวิคกิดอร์
หลังจากได้รับสัญญาณจากเทพเจ้าชั่วร้ายที่เรียกว่าเทพเจ้ากระดูกเน่า พวกเขาก็เดินหน้าตั้งจุดซุ่มโจมตีอยู่ที่ประตูทุกแห่งของเมืองวิคกิดอร์
ลีอาไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าคุณค่าของเธอที่มีต่อลัทธิกระดูกเน่า จะกลายเป็นเรื่องสำคัญอย่างกะทันหัน ขณะที่เธอวางแผนจะออกจากวิคกิดอร์จากตรอกทางตะวันออก พวกเธอก็ได้วิ่งเข้าหาพวกลัทธิที่ซุ่มรออยู่
แม้ว่าทหารองครักษ์จะสามารถระเบิดพลังขับไล่พวกลัทธิไปได้ด้วยระบบของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าพวกลัทธิเหล่านั้นกำลังซื้อเวลาอยู่ ทันทีที่พวกมันเห็นลีอา พวกมันก็ได้ปล่อยแมลงวันซากศพออกไปนำคนของลัทธิกระดูกเน่าคนอื่น ๆ มาที่นี่!
ทันทีที่พวกลัทธิคนอื่น ๆ และบิชอบผู้รั่วร้ายมาถึง ลีอาและคนของเธอก็เสียเปรียบขนาดหนัก
มันไม่เหมือนคาร์โล พวกลัทธิคนอื่น ๆ มีพรจากเทพเจ้ากระดูกเน่าที่สามารถเรียกฝูงซอมบี้มาช่วยต่อสู้ พวกเขาสามารถสร้างบรรยากาศชั่วร้ายและเรียกโครงกระดูกขึ้นมาได้ พวกเขาร่ายเวทย์อย่างรวดเร็วและโจมตีอย่างโหดเหี้ยม แม้ว่าลีอาและองครักษ์จะมีเลเวลถึงสองหลัก แต่พวกเธอก็ไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับพวกลัทธิได้
ในขณะที่องครักษ์ของเธอถูกฆ่าตายทีละคน ลีอาก็โกรธแค้น (แต่ไม่เสียใจเพราะเธอรู้ว่าพวกเขาจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้) ถึงกับสาบานว่าเธอจะล้างแค้นให้พวกเขา แม้ว่าเธอจะต้องตายก็ตาม แต่ก่อนจะได้ต่อสู้แลกชีวิต ทันใดนั้นเธอก็ได้รับเควสจากเทพเจ้าแห่งเกม
<ติ้ง! เริ่มเควสหลัก: รุ่งอรุณแห่งการล้างแค้น>
เควสนี้ทำให้เธอไม่หุนหันพลันแล่นและคิดที่จะทิ้งชีวิตไปง่าย ๆ เธอถอยออกจากการต่อสู้ทันที และรีบหลบหนีไปยังเมืองเล็ก ๆ นอกหุบเขาแห่งความตาย
ในรายละเอียดเควสได้ระบุไว้ว่า องครักษ์ที่ตายเพื่อเธอจะฟื้นขึ้นมาทันทีเมื่อเธอทำเควสสำเร็จ โดยที่พวกเขามีโทษตายน้อยกว่าปกติ จากนั้นเมื่อเธอไปถึงเมืองเริ่มต้น เธอก็จะสามารถเริ่มเควสลูกโซ่เพื่อแก้แค้นลัทธิกระดูกเน่าได้!
ดังนั้นในขณะที่พวกลัทธิกำลังจับตามองลีอาที่โกรธจัดและกัดฟันเหมือนว่าเธอต้องการต่อสู้แลกชีวิตกับพวกเขาอย่างสิ้นหวัง เธอจ้องพวกเขาตาเขม็ง ก่อนจะมองเหม่อไปในอากาศที่ว่างเปล่า จากนั้นเธอก็สงบลงและหันหลังวิ่งหนีทันที
แม้แต่คนในลัทธิเองก็ยังเย้ยหยันเธออยู่ในใจว่า ‘ว้าว ผู้หญิงที่เจ้านายของเราบอกให้จับเป็น กลับละทิ้งองครักษ์ที่ปกป้องเธอด้วยชีวิตเพื่อให้ตัวเองรอด เธอชั่วร้ายมากจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่เทพเจ้าของเราจะเลือกเธอเป็นเครื่องสังเวย…’
ขณะเดียวกันเหล่าองครักษ์ที่ถูกทอดทิ้ง ก็ไม่ได้โกรธหรือผิดหวังที่พวกเขาถูกทิ้งไว้ข้างหลังเลยสักนิด พวกเขาทั้งหมดต้องการสละชีวิตเพื่อเปิดทางให้เธอได้มีโอกาสหลบหนี!
แม้แต่เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์อย่างคนในลัทธิกระดูกเน่าที่แทบไม่เหลือความเป็นมนุษย์ใด ๆ ในตัว ก็ยังร้องเพลงสดุดีแห่งความภักดีเพื่อเป็นเกียรติแก่พวกองครักษ์
พวกเขาไม่รู้เลยว่าทหารองครักษ์ได้รับเควสที่เกี่ยวข้องกับเควสของลีอา ยิ่งพวกเขาสามารถถ่วงเวลาพวกลัทธิได้นานเท่าไหร่ พวกเขาก็จะได้รับรางวัลมากขึ้นหลังจากที่พวกเขาฟื้นขึ้นมา แม้ทหารองครักษ์จะไม่ได้รับผลกระทบจากการตายเหมือนผู้เล่นคนอื่น ๆ แต่การตายของพวกเขายังคงเป็นชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงไปได้
ถึงกระนั้นเมื่อมีรางวัลเป็นเดิมพัน พวกเขาก็ต่อสู้สุดชีวิตซื้อเวลาให้นานขึ้น เพื่อรางวัลที่มากขึ้น
ต่อมาลีอาก็ได้พบกับมาร์นี่ที่เป็นผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม หน้าสำนักงานสาขาของกระดิ่งลมสีเงิน
“นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างงาม หากเจ้าสามารถพาข้าไปที่นั่นได้!” ลีอากระซิบกับมาร์นี่จากในรถม้า
“ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ ข้าก็กำลังจะกลับไปที่นั่นเร็ว ๆ นี้เช่นกัน…” มาร์นี่ตบอกตัวเองเมื่อรู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองเริ่มต้นเช่นกัน “แต่ข้ามีอย่างอื่นที่จะต้องทำก่อนหน้านั้น”
“อะไร?”
“ข้าก็มีเควสของตัวเองเช่นกัน ข้าต้องเผยแพร่ศาสนาเกมของเราในหมู่ผู้ลี้ภัย และรับพวกเขาเข้าร่วมศาสนจักร” มาร์นี่ไม่ได้ซ่อนเควสของตัวเอง เพราะลีอาได้บอกเขาทุกอย่างเกี่ยวกับตัวตนของเธอ และเธอยังไม่อาจขโมยเควสเขาได้เพราะเควสนี้เป็นของเขา
“หืม? เจ้าเป็นมิชชันนารีหรือ” ลีอาสงสัย
มิชชันนารีของคริสตจักรอื่น ๆ มีทั้งหนุ่มหล่อและสาวสวยที่สะดุดตา หรือเป็นคนใจดีและหน้าตาซื่อสัตย์ เพื่อให้พวกเขาสามารถดึงดูดคนเข้าร่วมกับคริสตจักรของตนได้ง่าย ๆ
ในทางกลับกัน มิชชันนารีของเทพเจ้าแห่งเกม คน ๆ นี้กลับ…?
…สมแล้วที่เป็นเทพเจ้าแห่งเกม พระองค์สามารถหาคนที่มีบุคลิกโดดเด่นเช่นนี้ได้จริง ๆ!
“มิชชันนารีหรือ ข้าก็เป็นแค่ผู้เล่นธรรมดา” มาร์นี่หัวเราะขณะที่เขาขึ้นไปนั่นบนที่นั่งคนขับรถม้า เขาค่อนข้างชอบชื่อของผู้เล่น เพราะมันทำให้เขาแตกต่างจากผู้ศรัทธาของเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ที่ทำกับมนุษย์เหมือนกำลังฟาร์มหัวหอมที่กินทั้งต้นทั้งรากจนไม่เหลืออะไร “จุ๊ ๆ เงียบก่อน มีบางอย่างเกิดขึ้นข้างหน้า”
เมื่อได้ยินแบบนั้นรถม้าก็เงียบลงทันที
ไม่นานชายหลายคนในชุดคลุมสีดำก็มาหยุดอยู่หน้ารถม้าของมาร์นี่
“หยุด! มีอะไรอยู่ในรถม้าของเจ้า” หนึ่งในนั้นตะโกนขึ้นมาเสียงดัง
“ข้าเป็นพ่อค้าจากหอการค้ากระดิ่งลมสีเงินและผู้ศรัทธาของเทพธิดาแห่งความรุ่งเรือง!” มาร์นี่ไม่ลังเลที่จะตอบกลับ “เจ้าไม่ได้เป็นยามของเมืองวิคกิดอร์ใช่ไหม เจ้ามีสิทธิอะไรมาตรวจสอบรถม้าของข้า!”
“ไร้สาระ รีบเปิดประตูเร็วเข้า!” ชายคนเดิมยังคงตะโกนเร่ง แต่น้ำเสียงของเขาไม่ได้มีความมั่นใจเหมือนก่อน เขาแค่ดื้อรั้นและไม่อยากจะเสียหน้า
แม้ว่าเทพธิดาแห่งความเจริญรุ่งเรืองจะไม่ใช่เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ แต่ผู้ศรัทธาของเธอก็มีมากมาย ผู้ศรัทธาในเทพเจ้าองค์อื่นบางคนก็เป็นผู้ศรัทธาที่ตื้นเขินของเธอเช่นกัน และอิทธิพลของเธอก็ดีที่สุดในบรรดาเทพชั้นสอง ถ้าไม่ใช่เพราะเธอไม่ได้มีพลังในการต่อสู้ อำนาจของเธอเพียงอย่างเดียวอาจทัดเทียมกับเทพบิดรบนสวรรค์ทั้งเจ็ด
เพราะงั้นเทพเจ้ากะโหลกเองหากไปยุ่มย่ามกับผู้ศรัทธาของเธอ ก็อาจจะได้รับการทุบตีอย่างหนักจากเทพธิดาแห่งความเจริญรุ่งเรือง ไม่ต้องพูดถึงเทพง่อย ๆ เช่นเทพเจ้ากระดูกเน่าซึ่งเป็นเทพลูกสมุนของเทพเจ้ากะโหลกอีกทีเลย…
“ข้าสามารถเปิดประตูให้พวกเจ้าได้ก็จริง แต่มันก็เหมือนเป็นการดูหมิ่นศรัทธาของข้า ดังนั้นหากเจ้าต้องการจะเปิดประตูจริง ๆ เจ้าก็ต้องชดใช้ให้ข้า 500 ริออนต่อคน!” มาร์นี่โต้กลับ
“ดูหมิ่นเท้าข้าสิ! แพงขนาดนี้เจ้าคิดว่ารถม้าเจ้าทำจากทองคำรึ” ชายชุดดำอีกคนบ่น
“อะไร เจ้าไม่รู้รึไงว่าพ่อค้าที่ศรัทธาต่อเทพธิดาแห่งความเจริญรุ่งเรืองมีกฎอยู่ว่า ‘ต้องวางสินค้าไว้ในรถม้าเท่านั้น’! ความสงสัยของเจ้าที่บอกว่าข้าซ่อนสิ่งอื่นอยู่นั้น ถือเป็นการดูหมิ่นศรัทธาของข้า!”
มาร์นี่วางมือบนที่จับประตูรถม้า เขาพร้อมที่จะเปิดมัน “เตรียมเหรียญของเจ้าให้พร้อม ไม่งั้นข้าจะบอกกับหัวหน้าสาขาว่าเจ้าไม่ยอมจ่าย! อ่าจริงสิ พวกเจ้ามาจากคริสตจักรไหนกันแน่”
กลุ่มคนชุดดำเมื่อเห็นว่ามาร์นี่ต้องการโกงเงินของพวกเขา ก็ได้โยนคำสาปแช่งและภาษาหยาบคายใส่มาร์นี่ ก่อนที่พวกเขาจะวิ่งหนีไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง
ไม่ใช่ว่าพวกเขาจ่ายไม่ได้ แต่พวกเขาไม่ต้องการเสียเงินไปแบบโง่ ๆ หากมาร์นี่เรียกเก็บเงินในราคาที่เป็นไปไม่ได้ พวกเขาจะพบว่ามันน่าสงสัยทันที ดังนั้นราคาที่แพง แต่ก็ไม่เกินไปจึงเป็นอะไรที่น่ารังเกียจอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ศาสนาของพวกลัทธิก็ไม่ใช่ศาสนาที่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ อุบัติเหตุใด ๆ ที่นี่อาจทำให้การดำรงอยู่ของลัทธิกระดูกเน่าเสียหาย และจากนั้นชะตากรรมของพวกเขาก็คาดเดาได้เลย
แต่ถึงพวกเขาจะสงสัยมาร์นี่ แต่หอการค้ากระดิ่งลมสีเงินก็อยู่ใกล้ ๆ และดูเหมือนว่าเขาไม่ได้เป็นสมาชิกของคริสตจักรไร้ชื่อเนื่องจากพ่อค้าคนอื่น ๆ ก็รู้จักเขา ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าแหวนของเขาที่ระบุว่าเขาเป็นสมาชิกของกระดิ่งลมสีเงินจะหายไป แต่ตราสัญลักษณ์ของกระดิ่งลมสีเงินและเทพธิดาแห่งความเจริญรุ่งเรืองบนรถม้าก็ยังไม่จางหาย ท้ายที่สุดเทพธิดาองค์นั้นก็ไม่ได้ขยันเหมือนซีเว่ย เธอไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ มันจึงต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่ตราสัญลักษณ์จะหายไป
ด้วยเหตุนี้มาร์นี่จึงผ่านด่านของลัทธิกระดูกเน่า และนำลีอาไปที่ค่ายผู้ลี้ภัยนอกเมืองเตรียมรับกลุ่มผู้ลี้ภัยเป็นผู้เล่นใหม่…
——————————————————————————————————————————————————-