ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games - ตอนที่ 77
มาร์นี่วิลฟ์เดินย่ำหิมะไปพร้อมกับรถม้าของเขา
เขาออกจากเมืองแลงคาสเตอร์แล้ว
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถเข้าสู่ฐานที่มั่นลับใต้ดินของแลงคาสเตอร์ได้จากในเมือง เขาแค่กังวลว่าเขาอาจดึงดูดความสนใจจากผู้ไม่เป็นมิตร หลังจากที่เขาเริ่มขายโพชั่นใหม่ในเมือง หากเขาใช้เส้นทางในเมืองไปยังฐานที่มันลับโดยตรง แม้ว่าตอนแรกคนพวกนั้นจะคิดว่าอยู่ ๆ เขาก็หายตัวไป แต่ก็อาจจะมีบางคนค้นพบทางเข้าลับไปยังฐานที่มั่นลับใต้ดินของแลงคาสเตอร์ และนั่นจะทำให้เกิดปัญหา
ดังนั้นทุกครั้งที่เขาทำธุระภายในเมืองเสร็จ เขาจะใช้เวลาเดินทางอ้อมยาว ๆ และเข้าสู่ท่อระบายน้ำใต้ดินของเมืองแลงคาสเตอร์จากด้านนอก ในฐานะหนึ่งในผู้เล่น เขามีแผนที่ของท่อระบายน้ำใต้ดิน ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทาง
แต่หลังจากที่เขาทำสิ่งนี้บ่อย ๆ เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็เริ่มดำเนินไปสู่สถานการณ์ที่เขาไม่ค่อยอยากจะให้มันเกิดขึ้น
เงาจาง ๆ ลอยผ่านมาร์นี่และพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย
“ตามที่คาด มีคนน่าสงสัยกำลังสะกดรอยตามข้าอยู่” เขาถอนหายใจ
วิญญาณเริ่มทำท่าทางต่าง ๆ มาร์นี่มองมันอยู่สักพักจากนั้นเขาก็เลิกคิ้ว “มีคนสะกดรอยตามมากว่า 30 คน ส่วนใหญ่เป็นคนเร่ร่อนและผู้ลี้ภัยที่รับงานสกปรก อืม ดี” เขายิ้มเล็ก ๆ ความอันตรายฉายออกมาผ่านแววตาของเขา
ถ้ามันเป็นกองกำลังศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรสีขาวอันสว่างไสวที่สะกดรอยเขา เขาคงจะหนีไปให้ไกลเท่าที่เขาจะทำได้ และไม่นำสินค้ามาขายที่เมืองแลงคาสเตอร์อีกจนกว่าเขาจะเลเวลสูงกว่านี้
แต่ถ้ามันเป็นเพียงกลุ่มคนเร่ร่อนที่รับงานเสริมเป็นนักเลง นั่นบ่งบอกระดับของคนที่อยู่เบื้องหลังได้
หลังจากที่มาร์นี่แยกทางกับหอการค้ากระดิ่งลมสีเงิน เขาก็ได้ทำการปรับปรุงกองคาราวานของเขา ตอนนี้คนขับรถและผู้คุ้มกันทั้งหมดเป็นผู้เล่น!
แม้ว่าอีวานจะเป็นเพียงคนเดียวที่เปลี่ยนคลาส แต่ผู้เล่นใหม่ที่เหลือก็ยังแข็งแกร่งขึ้นตามเวลา ตอนนี้พวกเขามีเลเวลเฉลี่ยอยู่ที่เลเวล 10 นับประสาอะไรกับผู้ลี้ภัย แม้ว่าพวกเขาจะเผชิญหน้ากับทหาร 30 คน พวกเขาก็ชนะ!
ไม่นานผู้นำของกลุ่มคนที่ไล่ตามมาร์นี่ก็สังเกตเห็นว่า ขบวนรถม้ากำลังเดินคดเคี้ยวไปมาอย่างไร้จุดหมาย เขาจึงรู้ตัวว่าพวกเขาถูกพบแล้ว แทนที่จะลอบติดตามต่อ พวกเขาตัดสินใจใช้ประโยชน์จากจำนวนที่เหนือกว่า ปิดล้อมขบวนรถม้าอย่างรวดเร็ว
แม้ว่ามาร์นี่จะได้รับแจ้งจากวิญญาณคู่หูของเขาแล้วว่ามีคนสะกดรอยตาม และไม่มีอะไรให้ต้องกังวล แต่เมื่อเขาเห็นพวกคนเร่ร่อนที่สวมเพียงผ้าขี้ริ้วตัวสั่นระริกในหิมะ กำลังตะโกนและโพสต์ท่าข่มขู่ด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะทำตัวเป็นคนเลว…มาร์นี่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“ท่านวิลฟ์ ข้าคิดว่าธุรกิจค้าโคคา-โคล่าของท่านดีมาก” หัวหน้ากลุ่มแต่งตัวค่อนข้างดีและมีลูกน้อง 2 คนคอยขนาบข้าง มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสมาชิกคนอื่น ๆ
พวกเขามีจำนวนมากกว่าคนของมาร์นี่อย่างน้อยสามต่อหนึ่ง พวกเขาจึงคิดว่าตนเป็นฝ่ายที่เหนือกว่า ผู้นำของกลุ่มกล่าวต่อว่า “ข้าสงสัยว่าท่านสนใจที่จะเป็นหุ้นส่วนกับข้าหรือไม่? เราจะได้รวยไปด้วยกัน…”
“อ่า ไม่สนใจ” มาร์นี่ขี้เกียจทำตัวสุภาพ เขาตอบกลับอย่างห้วน ๆ
สีหน้าของอีกฝ่ายมืดลงทันที เมื่อเห็นว่ามาร์นี่ยังคงเฉยเมย น้ำเสียงของเขาก็เย็นชา “เจ้าควรคิดให้รอบคอบจะดีกว่า ตอนนี้ข้ายังเต็มใจที่จะพูดกับเจ้าดี ๆ เราสามารถแบ่งพายกันได้ หากเจ้าไม่รู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี ข้าอาจจะต้องใช้วิธีที่ตรงกว่านี้เล็กน้อย เพื่อชักชวนให้เจ้าแบ่งปันความลับทั้งหมดของเจ้ากับข้า!”
“อืม ข้าก็ยังไม่สนใจอยู่ดี” มาร์นี่ตอบ เขาเหมือนจะเห็นควันพวยพุ่งออกมาจากหัวของอีกฝ่าย ไม่รู้ว่ามันมาจากความโกรธหรือความอับอายกันแน่
ไม่ว่ากรณีใด สิ่งนี้บ่งบอกว่าการเจรจาล้มเหลว
“จัดการมัน! เอาสิ่งที่เจ้าต้องการจากร่างกายและรถม้าของพวกมัน!” ด้วยเหตุนี้กลุ่มคนเร่ร่อนและผู้ลี้ภัยก็วิ่งเข้าหาผู้เล่น
“ข้ารู้สึกเห็นใจเจ้าจริง ๆ แต่ข้าต้องเตือนเจ้าก่อน หากพวกเจ้าลงมือกับเรา พวกเจ้าก็ต้องเตรียมใจที่จะถูกฆ่า…” ก่อนที่มาร์นี่จะได้พูดจบ คนเร่ร่อนบางคนก็พุ่งเข้ามาทำร้ายเขา
มาร์นี่ถอนหายใจอีกครั้ง
“เจ้าขอเองนะ” มองเผิน ๆ เหมือนเขาจะยอมแพ้ เขาลดมือทั้งสองข้างลงอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นเขาก็พูดเบา ๆ ว่า “ไอแอมไอรอนแมน”
ทันใดนั้นชุดเกราะสีแดงแซมทองก็บินออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้มารวมตัวกันบนร่างของมาร์นี่ พร้อมกับเสียงกลไกประกอบร่างดังกังวาน กลายเป็นชุดเกราะโลหะคลุมทั้งตัว!
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ผู้โจมตีทั้งหลายตกตะลึง แม้แต่คนที่สั่งการให้พวกเขาโจมตีซึ่งอยู่ไม่ไกลก็ยังอ้าปากค้างด้วยความตกใจ จากนั้นเขาก็มองไปที่ชุดเกราะของมาร์นี่ด้วยความโลภ
“จาร์วิส!” มาร์นี่เรียกเบา ๆ จากนั้นวิญญาณคู่หูของเขาก็ประทับลงมาบนเกราะ กลายเป็นแสงสีฟ้าสว่างวาบออกมาจากรอยแยกของชุด
นี่เป็นเรื่องน่าสนใจที่มาร์นี่ค้นพบจากการทดลอง ถ้านักดาบวิญญาณเลือกสายทักษะดาบปีศาจ วิญญาณคู่หูของพวกเขาจะเข้าสิงอาวุธ และเพิ่มพลังโจมตีให้กับทักษะได้
แต่ความจริงแล้วยังมีสายทักษะหนึ่งในคลาสวอร์ริเออร์ ที่จะทิ้งดาบและโจมตีศัตรูด้วยมือเปล่า ตัวอย่างทักษะที่ใช้กันบ่อย ๆ ก็คือ ‘ซูเพล็กซ์’ ที่เรียนรู้ได้ตอนเลเวล 3
หากผู้เล่นสายดาบปีศาจไม่ได้ติดตั้งดาบ เทคนิคการเพิ่มพลังจะทำได้ยังไง? คำตอบก็คือมันจะเข้าสิงชุดเกราะของผู้เล่น เมื่อเกราะถูกมองว่าเป็น ‘อาวุธ’ มันจะช่วยเพิ่มคุณสมบัติของชุดเกราะได้อย่างมาก และเมื่อใช้ทักษะมือเปล่าเช่นซูเพล็กซ์ พลังโจมตีของทักษะก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก!
นี่คือเส้นทางลับที่มาร์นี่ได้มาจากทดลอง
นอกจากนั้นตอนที่เขาสร้างสัญญากับวิญญาณคู่หูของเขาครั้งแรก ‘จาร์วิส’ เป็นชื่อที่ระบบแนะนำ และเนื่องจากเขาคิดว่ามันฟังดูดี เขาจึงไม่ได้เปลี่ยนชื่อ
“ฝ่ามือเหล็ก! หมัดดาวตก! เขี้ยวมังกร! โอร่าาาา! โอร่า โอร่า โอร่า โอร่า เจ้าตายแล้ว!”
ด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว ร่างในชุดเกราะสีแดงแซมทองปลดปล่อยการโจมตีต่อเนื่องไปยังกลุ่มคนที่พุ่งเข้ามา
หัวหน้าของพวกเขาเห็นเพียงหมัดของมาร์นี่กลายเป็นภาพเบลอแยกออกมาหลายหมัด จากนั้นคนที่เข้ามาใกล้มาร์นี่ก็ตัวระเบิด เลือดกระจาย!
ไม่ใช่แค่มาร์นี่เท่านั้น ผู้เล่นคนอื่น ๆ ก็เคยเป็นผู้ลี้ภัยเหมือนกับศัตรูของพวกเขา แต่เพราะเคยเป็นผู้ลี้ภัยมาก่อน พวกเขาจึงเข้าใจดีว่าชีวิตใหม่ของพวกเขามีค่าเพียงใด พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ใครมาเอามันไปจากพวกเขาเพียงเพราะความสงสาร ดังนั้น พวกเขาจึงฆ่าผู้ลี้ภัยเหล่านี้โดยไม่ลังเล
ทั้งสองฝ่ายเทียบกันไม่ได้เลย ไม่นานฝ่ายศัตรูก็ได้รับความสูญเสียอย่างหนัก
ไม่เว้นแม้แต่บอดี้การ์ดของหัวหน้ากลุ่มที่มีอุปกรณ์สุดหรู พวกเขาไม่อาจสู้ 1-1 กับผู้เล่นได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่พวกเขากลับมีประสบการณ์ต่อสู้จริงเพียงเล็กน้อย ดังนั้นพวกเขาจึงถูกสังหารโดยผู้เล่นที่ผ่านการต่อสู้แลกชีวิตมาแล้วอย่างโชกโชนได้อย่างง่ายดาย
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยว เจ้าไม่สามารถฆ่าข้าได้ ข้า…ข้าสามารถให้เงินเจ้าได้…” ในที่สุดหัวหน้ากลุ่มก็เข้าใจสถานการณ์ของเขา
แต่เมื่อเห็นว่าคำอ้อนวอนของเขาไร้ผล เขาจึงรีบหันหลังหนี ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่รอด มาร์นี่จับเขาไว้ได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถหลบหนีได้ เขาจึงคำรามใส่มาร์นี่อย่างโกรธเกรี้ยว “รอก่อนเถอะ…พ่อของข้าจะล้างแค้นให้ข้าแน่!” พูดจบ ร่างของเขาก็พองออกอย่างรวดเร็วเหมือนลูกโป่ง
มาร์นี่รู้สึกได้ถึงอันตราย เขาพยายามหนีออดมาจากจุดนั้น แต่แล้วร่างของชายคนนั้นระเบิดออก ถ้าไม่ใช่เพราะหน้ากากเต็มหน้าที่เขาสวมอยู่ หน้าเขาอาจถูกเลือดสีดำสาดเข้าเต็ม ๆ ไปแล้ว
“ข้า…ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะชั่วร้ายขนาดนี้” มาร์นี่บ่นพึมพำเสียงเศร้า
หลังจากศัตรูคนสุดท้ายล้มลง อีวานก็เดินเข้าไปดูมาร์นี่แล้วถามออกมาอย่างสงสัย “เอ๊ะทำไม HP เจ้าถึงลดลง”
“อะไร? เชี่ย! ข้าได้รับพิษตอนไหน อ่า…เลือดไอ้เชี่ยนั่นมีพิษ! ให้ตายเถอะ ข้าตายอีกแล้ว…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ มาร์นี่ก็ล้มลงเอาหน้าฟาดพื้น