ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games - ตอนที่ 78
ความตื่นเต้นในเมืองแลงคาสเตอร์ ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเกรย์ฟยอร์ดซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์เลย
หลังจากที่เธอเข้าใจว่าชายฝั่งทะเลมีความสำคัญต่อเผ่ามนุษย์กบ เจ้าหญิงลีอาก็ละทิ้งแผนการซุ่มโจมตีศัตรูจากในหมู่บ้าน เธอได้พูดคุยเรื่องนี้กับผู้นำของฝ่ายต่าง ๆ แล้ว พวกเขาก็ได้ตัดสินใจเปลี่ยนจุดซุ่มโจมตีไปเป็นบริเวณป่า ที่ห่างจากหน้าผาประมาณ 2 กิโลเมตร ตามข้อมูลที่ได้รับจากเอ็ดเวิร์ดที่เคยแทรกซึมเข้าไปในชุมนุมลับดวงตา จากที่ตั้งค่ายของชุมนุมลับดวงตา พวกเขาจะต้องเดินผ่านเส้นทางนี้แน่ ๆ เว้นแต่กองกำลังศัตรูจะตั้งใจเดินอ้อมป่าไปอีก 15 กิโลเมตร
หน่วยสอดแนมที่พวกเขาส่งไปตรวจสอบค่ายของชุมนุมลับดวงตา ถูกค้นพบโดยศัตรูและถูกสังหารทันทีก่อนที่จะได้หลบหนี ตอนนี้สิ่งต่าง ๆ กำลังเดือดมาก
แม้ปัจจุบันผู้เล่นจะยังขาดความสามารถในการส่งข้อความโต้ตอบจากระยะทางไกล แต่หัวหน้าปาร์ตี้ก็สามารถตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันของเพื่อนร่วมปาร์ตี้ได้ผ่านระบบปาร์ตี้ พวกเขาจะใช้รหัสที่เตี๊ยมกันไว้แล้วล่วงหน้าเพื่อแจ้งสถานการณ์ พวกเขาใช้ทักษะบัฟต่าง ๆ กับตัวเองเพื่อส่งข้อความเหมือนข้อความโทรเลข ด้วยข้อความเข้ารหัสนี้ พวกเขาจึงสามารถแจ้งหัวหน้าปาร์ตี้ของตนซึ่งอยู่ห่างออกไปหลาย 10 กิโลเมตรได้ว่าศัตรูกำลังเคลื่อนพล
หลังจากได้รับข่าว ผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่รออยู่ก่อนแล้ว ต่างก็ลงมือทำตามแผนทันที
การเดินทางในยุคนี้ค่อนข้างแย่ คนธรรมดาที่เดินทางในสภาพอากาศแย่ ๆ แบบนี้ควรเดินทางได้ช้าพอ ๆ กับเต่าคลาน การเดินทางที่ดีที่สุดในหิมะ คือการใช้เลื่อนและหาสุนัขฮักกี้มาลากเลื่อนไปบนหิมะ
สำหรับผู้เล่นคลาสวอร์ริเออร์ที่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์เรียกพาหนะใด ๆ ได้ พวกเขาสามารถวิ่งด้วยความเร็วเทียบเท่ากับหัวรถจักร และความเร็วเสียงได้อย่างง่ายดาย สภาพอากาศที่แปรปรวนไม่มีผลต่อพวกเขาเลย
แน่นอนว่าคนของชุมนุมลับดวงตาอยู่ห่างไกลกับเหล่าผู้เล่นระดับเทพของเรามาก แม้แต่แส้ดำที่มีพลังมากที่สุดในค่าย ก็เทียบได้กับผู้เล่นเลเวล 40 หรือสูงกว่านั้นนิดหน่อยเท่านั้น หากไม่มีพรระดับสูง เขาอาจไม่สามารถแม้แต่จะเทียบชั้นกับอัครมุขนายกกระดูกเน่าได้ เมื่อพิจารณาจากทุกด้านแล้ว ความเร็วของเขาเมื่อเดินท่ามกลางหิมะ ก็เร็วเทียบเท่าได้กับรถม้าเท่านั้น
ผู้เล่นเคลื่อนไหวทันทีที่ได้รับสัญญาณจากหน่วยสอดแนม พวกเขาสามารถหาตำแหน่งซุ่มโจมตีดี ๆ ได้อย่างง่ายดาย และรอดักจับกองทัพของชุมนุมลับดวงตาอย่างลับ ๆ
นอกจากนี้ ในสงความครั้งนี้ซีเว่ยยังแจกไอเทม ‘เครื่องดื่มร้อน’ แบบจำกัดเวลาให้กับผู้เล่น แม้ว่าพวกเขาจะต้องนอนอยู่ใต้หิมะอันหนาวเหน็บเป็นเวลาครึ่งวัน เพียงแค่พวกเขาได้จิบ ‘เครื่องดื่มร้อน’ พวกเขาก็จะกลับมาแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าท่ามกลางความหนาวเหน็บได้อย่างรวดเร็ว!
แถมมนุษย์กบที่ปกติจะเป็นปลาเค็ม ก็ยังติดเชื้อความมีชีวิตชีวาและพลังบวกจากผู้เล่น เมื่อเห็นความสามารถอันน่าประหลาดใจที่ผู้เล่นได้แสดงออกมา พวกเขาก็จับกลุ่มกันเดินทางออกจากหมู่บ้าน เพื่อช่วยเหลือผู้เล่นในการซุ่มโจมตีชุมนุมลับดวงตา
แม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านมนุษย์กบ ก็ยังหยิบไม้เท้าคด ๆ ออกมาจากมุมบ้านหอยสังข์ และตามหลังผู้เล่นไปพร้อมกับคล็อกกาโตว์ แม้ว่าเขาจะไม่มีประโยชน์ใด ๆ ในการต่อสู้ แต่เขาก็ยังสามารถร่ายบัฟเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้ให้คนอื่น ๆ ได้
นั่นหมายความว่า ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในหมู่บ้านมนุษย์กบเลยสักคน
สำหรับมนุษย์กบ นี่เป็นสงครามที่พวกเขาต้องทุ่มสุดตัว ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้ต่อสู้กันในหมู่บ้าน พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับหมู่บ้านที่ว่างเปล่า หมู่บ้านของพวกเขาไม่มีอะไรที่มีค่านอกจากปลาเค็ม
และชุมนุมลับดวงตาก็ไม่ได้สนใจปลาเค็มของพวกเขา ชุมนุมลับสนใจเพียงดินแดนของพวกเขา
แต่นี่เป็นโอกาสที่น่ายินดีสำหรับซีเว่ย
เขาลงมาสู่โลกมนุษย์ทันทีและเดินไปรอบ ๆ หมู่บ้านมนุษย์กบ
ความจริงผู้เล่นได้พลิกหมู่บ้านมนุษย์กบไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ก็หาสมบัติอะไรไม่เจอนอกจากปลาเค็ม
แต่ซีเว่ยกำลังมองหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ลึกกว่านั้น
“ฉันเข้าใจแล้ว นี่ไม่ใช่หมู่บ้านธรรมดา” เขาสงสัยอยู่ก่อนแล้ว มนุษย์กบไม่ควรมีความสามารถในการโค่นสัตว์ประหลาดที่มีความยาวเกิน 10 เมตร และยังใช้เปลือกของมันเป็นบ้านได้ ด้วยเหตุนี้ โครงสร้างขนาดใหญ่ที่ใจกลางหมู่บ้านจึงทำให้เกิดข้อสงสัย
ก่อนหน้านี้หัวหน้าหมู่บ้านมนุษย์กบ ได้บอกกับผู้เล่นอ้อม ๆ ว่าผู้ที่ทำสิ่งนี้คือเจ้าแห่งน้ำ เขาช่วยนำทางบรรพบุรุษของมนุษย์กบเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่นี่
เกือบหนึ่งพันปีก่อน มนุษย์กบเหล่านี้จะต้องน่าอนาถยิ่งกว่ามนุษย์ถ้ำยุคดึกดำบรรพ์ พวกเขาจะสร้างหมู่บ้านแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไง? อะไรคือความลับในความสำเร็จของพวกเขา? และอะไรที่ทำให้มนุษย์กบเต็มใจที่จะอาศัยอยู่บนหาดทรายแห่งนี้ด้วยความเต็มใจ?
คำตอบนั้นชัดเจนมาก มีบ้านหลายหลังซึ่งสามารถคงอยู่มาได้นานนับพันปี
“บ้านพวกนี้ไม่ใช่แค่บ้านธรรมดา” ซีเว่ยเคาะกำแพงบ้านหอยและสัมผัสได้ถึงร่องรอยของเวทมนตร์ที่ไหลอยู่ในนั้น “มันน่าอัศจรรย์ ลวดลายบนพื้นผิวของมันเป็นอักษรรูนจริง ๆ …น่าสนใจ เปลือกหอยเต็มไปด้วยพลังเวทมนตร์ มันน่าจะมีพลังซ่อมแซมตัวเองได้ในระดับหนึ่ง และด้วยพลังศรัทธาของมนุษย์กบ ทำให้มันสามารถดึงดูดปลาจำนวนมากมาในพื้นที่น้ำตื้นใกล้ ๆ หมู่บ้าน และบางทีมันอาจจะป้องกันสัตว์ประหลาดจากทะเลได้ด้วย”
บ้านหอยเหล่านี้เป็นของสำคัญ ไม่เพียงจะสำคัญกับบรรพบุรุษมนุษย์กบเท่านั้น แต่ยังสำคัญกับซีเว่ยด้วย
เขาใช้เวลาไม่นานในการหารูปแบบเบื้องหลังเวทมนตร์นี้ เมื่อพิจารณาจากตำแหน่งของเปลือกหอยแต่ละชิ้น เขาก็สามารถหาจุดเชื่อมโยงได้ เขายืนอยู่บนจุดเชื่อมโยงและขยายประสาทสัมผัสของเขาออกไป
ทันใดนั้น การรับรู้ของเขาก็ทะลุผ่านพื้นดินเบื้องล่าง
ใต้พื้นดินลึกประมาณ 1,500 เมตร มีแท่นบูชาอยู่ตรงนั้น มันไม่ใช่ของที่มนุษย์สามารถสร้างขึ้นมาได้ แต่เป็นสิ่งที่คล้ายกับของศักดิ์สิทธิที่เกิดขึ้นหลังจากพิธีกรรมบางอย่าง มันกลายเป็นวัตถุที่มีร่องรอยความศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า
ที่ตรงกลางของแท่นบูชา มีเป้าหมายที่ซีเว่ยกำลังมองหา ร่างของเจ้าแห่งน้ำ!
มันไม่ได้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างที่ซีเว่ยคิดไว้ในตอนแรก มันเป็นร่างกายที่สมบูรณ์!
ไม่ มันยังไม่สมบูรณ์ 100% จากการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เขาพบข้อบกพร่องมากมาย
เมื่อเทียบร่างเทพเจ้ากับลูกแก้ว ร่างของเจ้าแห่งน้ำก็มีรอยแตกไปทั่ว เหมือนลูกแก้วที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ถูกคนนำมาติดกาวและซ่อมแซม
และสิ่งที่คอยเติมเต็มรอยแตกเหล่านั้นเหมือนกาว ก็คือความศรัทธานับพันปีของมนุษย์กบ