ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 13 บทที่ 362 สัญญาณดี
คนที่สนิทสนมกับป๋ายจื่อที่สุดคือเถียนมามา ฉะนั้นคนแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกติจึงเป็นนาง
เหตุใดคนที่ถูกขับออกจากจวนตั้งแต่เมื่อครึ่งปีก่อนจึงปรากฏตัวที่นี่โดยบังเอิญเช่นนี้?
หลินเมิ้งหยาไม่เคยเชื่อเรื่องความบังเอิญ
อดีตพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความบังเอิญคือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
แต่มีอยู่หนึ่งข้อที่นางมั่นใจ นั่นก็คือเถียนมามาไม่มีวันทำร้ายนาง มิเช่นนั้นเถียนมามาคงอาศัยโอกาสนี้เพื่อยื่นข้อเสนอบางอย่างแล้ว
ความรักราวกับแม่ลูกที่ผ่านมาตลอดหลายปีมิอาจอธิบายได้ด้วยถ้อยคำเพียงสองสามคำ
“แต่เพราะเหตุใดเถียนมามาจึงกลายเป็นเช่นนี้เล่า? นายหญิง ข้าคิดว่าเถียนมามาไม่มีทางทำร้ายท่าน แต่เพราะเหตุใดนางจึงปรากฏตัวออกมาตอนนี้?”
คาดว่าสมองของป๋ายจื่อจะต้องมีแต่เครื่องหมายคำถามอย่างแน่นอน อันที่จริงหลินเมิ้งหยาเองก็เข้าใจไม่มากไปกว่านางเลย
แต่คนที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่ต้องบอกนางก็รู้ว่าใคร
นอกจากสองแม่ลูกคู่นั้นแล้ว ใครจะนึกสนุกสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาได้
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การที่เถียนมามากลับมาย่อมเป็นเรื่องดี เจ้าจงไปตามพ่อบ้านเติ้งมา ข้ามีเรื่องจะสั่งเขา”
ป๋ายจื่อพยักหน้าแล้ววิ่งออกไป พ่อบ้านเติ้งได้รับข้อความตอบกลับจากจวนอวี้ตั้งแต่เมื่อตอนพลบค่ำว่าขอให้หลินเมิ้งหยาพักผ่อนให้สบายใจ เขาจะมารับนางด้วยตัวเอง
ครุ่นคิด บางทีอ๋องอวี้อาจรู้เรื่องที่คนเฝ้าประตูกระทำตัวไร้มารยาทต่อนาง ฉะนั้นจึงคิดจะมาเสริมกำลังให้นางกระมัง?
เพียงคิดได้เช่นนี้ รอยยิ้มพลันผุดขึ้นบนใบหน้าของหลินเมิ้งหยา
แม้พ่อบ้านเติ้งจะเป็นพ่อบ้านประจำจวนอวี้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็เปรียบเสมือนแขกของจวนเจิ้นหนานโหว
เพื่อมิให้เป็นการเสียมารยาท ฉะนั้นเขาจึงพักผ่อนอยู่ที่ห้องรับแขกด้านนอก
ป๋ายจื่อแอบออกไปส่งข่าวให้หลินเมิ้งหยา เวลาเพียงไม่นาน พ่อบ้านเติ้งก็ปรากฏตัวที่หน้าประตูห้องของหลินเมิ้งหยา
“พระชายา ได้โปรดรับสั่งเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ภายใต้แสงเทียน หลินเมิ้งหยากำลังครุ่นคิดบางอย่าง พ่อบ้านเติ้งที่รู้จักนิสัยใจคอของนายหญิงของตนเองดีจึงเดาได้ว่าสกุลหลินแห่งนี้จะต้องถูกพายุโหมกระหน่ำอย่างแน่นอน
“ข้าอยากให้เจ้าไปจับตามองคนคนหนึ่ง ไม่ว่านางทำอะไร ไปที่ไหนหรือพบกับใครจะต้องรีบมารายงานให้ข้าฟังทันที”
พ่อบ้านเติ้งพยักหน้ารับคำสั่ง ตอนที่เข้ามายังจวนหลิน เขาพบว่าแม้พวกคนรับใช้จะกลัวเกรงฮูหยินหลิน แต่เพราะตำแหน่งของพระชายา ดังนั้นพวกเขาจึงกลัวเกรงคุณหนูใหญ่สกุลหลินผู้นี้มากกว่า
ฉะนั้นพระชายาจึงอยู่ที่นี่ได้โดยมิต้องกังวลสิ่งใด ยิ่งไปกว่านั้นคงไม่มีใครกล้าทำอะไรพระชายาอย่างแน่นอน
เมื่อสบายใจแล้ว เขาจึงรีบออกไปปฏิบัติภารกิจตามคำสั่งทันที
ทันทีที่พระจันทร์ลอยขึ้นเหนือนภา พ่อบ้านเติ้งก็หายไปจากจวนหลิน
เรือนแห่งนี้เหลือเพียงป๋ายจื่อและหลินเมิ้งหยาสองนายบ่าว หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายแล้ว พวกนางล้มตัวลงบนที่นอนแล้วพูดคุยกันเหมือนก่อน
“ท่านสั่งให้พ่อบ้านเติ้งไปจับตาดูเถียนมามาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ? นายหญิง ท่านไม่ไว้ใจเถียนมามาอย่างนั้นหรือ?”
ป๋ายจื่อก้มหน้าลงถามเสียงกังวล
ตอนที่นางเพิ่งจะมาเป็นสาวรับใช้ของจวน หากมิใช่เพราะมีเถียนมามาและนายท่านคอยปกป้อง เกรงว่านางคงมิอาจมีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง แต่มิได้อธิบายอะไรมากนัก
ปล่อยให้ป๋ายจื่อส่งเสียงเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องในอดีตอย่างอิสระ ก่อนจะหลับตาลง
ตอนปีใหม่ซ่างกวนชิงและหลินเมิ้งหวู่ถูกท่านพ่อขังเอาไว้
อย่าว่าแต่ออกจากบ้านเลย หากมิใช่เพราะท่านพ่อและท่านพี่ต้องกลับไปยังเขตชายแดน เกรงว่าป่านนี้พวกนางยังคงถูกขังอยู่ในเรือนอย่างแน่นอน
ตอนนั้นนางมั่นใจว่าตนเองได้กลิ่นยาขับเลือด
แต่หากคนที่ใช้งานมิใช่หลินเมิ้งหวู่ เช่นนั้น…หรือจะเป็นซ่างกวนชิง?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็เบิกตากว้าง
เมื่อตอนเช้าก่อนเข้าประตูจวน นางเหลือบไปเห็นหยกที่คอของเจ้าคนหยาบคายคนนั้น
เหตุเพราะสีของหยกงดงามไม่เลว ดังนั้นจึงสะดุดตาของนาง แต่เมื่อลองมาคิดดูตอนนี้มันกลับไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย หากมิใช่เพราะเป็นมรดกตกทอด นางเชื่อว่าคนเช่นเขาไม่มีทางมีของล้ำค่าเช่นนั้นอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น หากเป็นมรดกตกทอด คนแบบนั้นจะต้องนำไปขายทิ้ง
นอกเสียจาก.…
หากเป็นไปตามที่นางคาดเดา เช่นนั้นซ่างกวนชิงและหลินเมิ้งหวู่ก็กำลังรนหาที่ตาย!
“นายหญิง นายหญิง ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ?”
หันไปมองป๋ายจื่อด้วยดวงตากระวนกระวายเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปลอบนางแล้วหลับตาลงอีกครั้ง
ไม่ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับหลินเมิ้งหวู่หรือซ่างกวนชิง แต่คนที่ต้องอับอายขายหน้าคือสกุลหลิน
ตอนนี้คนทั้งเมืองหลวงกำลังจับตามองตำแหน่งและอำนาจทางการทหารของท่านพ่อ กอปรกับฮ่องเต้กำลังประชวรหนัก นางควรจะสร้างผลกระทบจากเรื่องนี้ให้น้อยที่สุด
บางทีนางอาจจะเดาผิดก็ได้
เหตุเพราะนางยังหาตำราแพทย์ของท่านแม่ไม่เจอ ดังนั้นจึงยังต้องอาศัยในจวนเจิ้นหนานโหว คาดว่าสองแม่ลูกคู่นั้นจะต้องไม่ยอมอยู่เฉยอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้นนางก็จะได้เห็นความจริง
หลังจากหลับสนิทตลอดคืน หลินเมิ้งหยาก็เริ่มภารกิจค้นหาตำราแพทย์อีกครั้ง
เรือนของนางไม่มีตำราเล่มนั้น ห้องอ่านหนังสือของท่านพ่อเองก็ไม่มีเช่นกัน ฉะนั้นวันนี้นางจะเริ่มเข้าไปค้นหาในเรือนของหลินหนานเซิง
ทว่าแม้จะค้นหาตลอดทั้งเช้า นางกลับไม่พบสิ่งใด
บนโต๊ะอาหาร หลินเมิ้งหยากินข้าวไม่ลงเลยแม้แต่น้อย สายตาจับจ้องข้าวสวยอย่างเหม่อลอย
“คุณหนูใหญ่ ฮูหยินและคุณหนูรองมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
หวนเอ๋อร์เดินเกรีดกรายเข้ามาช้าๆ ก่อนจะถวายคำนับแล้วเอ่ย
หมดอดทนแล้วหรือ? หลินเมิ้งหยาตวัดสายตากลับมา ก่อนจะเอ่ย
“รีบเชิญเข้ามาเถิด อากาศค่อนข้างหนาว ร่างกายของน้องสาวยังคงอ่อนแอ หากโดนอากาศเย็นเข้าจะป่วยเอาได้”
หวนเอ๋อร์รีบลุกขึ้นแล้วออกไปส่งข่าว ไม่นานใบหน้าเปื้อนยิ้มจอมปลอมของสองแม่ลูกก็ปรากฏในลานสายตาของหลินเมิ้งหยา
หลินเมิ้งหยาลุกขึ้นออกไปต้อนรับ
แม้นางจะมีตำแหน่งเป็นถึงพระชายาซึ่งทรงเกียรติกว่าซ่างกวนชิงมาก แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ที่บ้าน หากใครพบเห็นเข้าแล้วเอาไปพูดว่านางหยิ่งยโสโอหังก็จะถูกตราหน้าว่าอกตัญญูเอาได้
ดูเหมือนสองแม่ลูกจะรู้จักวิธีการถ่อมตนมากขึ้น หลินเมิ้งหวู่รีบก้าวเท้าออกมา ก่อนจะหยักยิ้มอ่อนหวานแล้วถวายคำนับหลินเมิ้งหยา
“พี่สาวได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย เมื่อวานร่างกายของข้าไม่แข็งแรง ฉะนั้นจึงมิได้ออกไปต้อนรับท่าน หวังว่าท่านจะไม่โกรธเคือง”
ส่งเสียงออดอ้อนอ่อนหวาน หากมิใช่เพราะหลินเมิ้งหยารู้จักพวกนางสองแม่ลูกจอมเจ้าเล่ห์คู่นี้ดีแล้วล่ะก็ นางคงคิดว่าหลินเมิ้งหวู่กำลังรู้สึกผิดจริงๆ
แต่แม้หลินเมิ้งหวู่จะเอ่ยเช่นนี้ ทว่าหลินเมิ้งหยากลับสังเกตเห็นความเกลียดชังในดวงตาของนาง
ดูเหมือนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้จะทำให้สมองของหลินเมิ้งหวู่มีรอยหยักมากขึ้น
“น้องสาวกล่าวเกินไปแล้ว ร่างกายของเจ้าย่อมสำคัญที่สุด ข้าแต่งงานออกเรือนไปแล้ว ฉะนั้นเจ้าจึงต้องดูแลท่านแม่ ดูเถิด เหตุใดหน้าของเจ้าจึงขาวซีดเช่นนี้เล่า ป๋ายจื่อ เจ้าจงไปนำยาบำรุงร่างกายของข้ามา ยาเหล่านี้ล้วนเป็นยาบำรุงร่างกายซึ่งดีกับผู้หญิงมาก”
ป๋ายจื่อรีบกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบกล่องยาเล็กๆ ออกมาส่งให้หวนเอ๋อร์ แม้หลินเมิ้งหวู่จะรู้สึกอิจฉา แต่ถึงกระนั้นก็ยังแสดงสีหน้าท่าทางปลื้มอกปลื้มใจ
ซ่างกวนชิงเองก็แสดงท่าทางประหนึ่งแม่ผู้โอบอ้อมอารี สายตาอ่อนโยนจับจ้องมาทางสองพี่น้อง
“เอาล่ะ พวกเจ้าสองพี่น้องอย่ายืนอยู่ที่นี่เลย จริงสิ หยาเอ๋อร์ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเข้าไปหาของในห้องอ่านหนังสือของพ่อเจ้า เจ้าจะบอกแม่ได้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังหาของสิ่งใด? แม่คนนี้รู้สึกละอายใจต่อเจ้ายิ่งนักเกี่ยวกับเรื่องสมัยก่อน ฉะนั้นแม่จึงอยากช่วยเจ้าเพื่อชดเชยสิ่งที่เคยทำลงไป แต่ถ้าหากเจ้าไม่ยินยอม เช่นนั้นก็ถือเสียว่าแม่ไม่เคยถามเจ้าเถิด”
มาแล้วไง! หลินเมิ้งหยาไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
“ข้าเพียงแค่หาของบางอย่างของท่านแม่ข้าเท่านั้นเจ้าค่ะ แม้เรื่องนี้จะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ข้ารู้สึกว่านับวันตัวเองก็ยิ่งอกตัญญู ทุกปีข้าไม่เคยไปไหว้ท่านแม่เลย ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังไม่เคยทำหน้าที่ลูกสาวเลยสักครั้ง แต่ก่อนข้ามีชีวิตเสมือนอยู่ในฝันร้าย มิรู้สึกรู้สาต่อสิ่งใดทว่าตอนนี้ข้ามีโอกาสแล้ว ฉะนั้นข้าจึงอยากสร้างแท่นเพื่อรำลึกถึงท่านแม่ของข้าเจ้าค่ะ”
หลินเมิ้งหยาพูดเรื่องจริงเพียงกึ่งหนึ่ง อันที่จริงซ่างกวนชิงจะต้องได้รับข่าวนี้แล้วอย่างแน่นอน
ทว่าซ่างกวนชิงแสร้งไถ่ถามแต่เพียงเท่านั้น
ซ่างกวนชิงยกนิ้วขึ้นไล้หางตาก่อนจะหยักยิ้มแสดงความยินดี
“เจ้าพูดถูกแล้ว ตอนนั้นท่านพี่พยายามสุดชีวิตเพื่อรักษาชีวิตของเจ้า หากตอนนี้เจ้าต้องการรำลึกถึงนาง เช่นนั้นนางก็จะได้รับการปลอบโยน ที่เรือนของข้ายังมีของบางส่วนของท่านพี่ อีกเดี๋ยวข้าจะสั่งให้คนนำมามอบให้เจ้า”
หลินเมิ้งหยารีบยิ้มกว้างแสดงความดีใจ
“ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ ตอนแรกข้ากลัวว่าท่านแม่จะคิดมาก ฉะนั้นจึงมิได้บอกกับท่านเรื่องนี้ แต่ในเมื่อท่านแม่เอ่ยเช่นนี้ ข้าเองก็สบายใจ”
แม้ภายนอกหลินเมิ้งหยาจะแสดงท่าทางซาบซึ้ง ทว่าเสียงร้องเตือนพลันดังขึ้นในใจ
การที่ซ่างกวนชิงเกรงใจและทำดีกับนางเช่นนี้หาใช่สัญญาณดี
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังเป็นฝ่ายเอ่ยว่าจะส่งมอบสิ่งของของท่านแม่ให้นางก่อนอีกด้วย ฉะนั้นเรื่องนี้จึงน่าสงสัยเป็นอย่างมาก
นางจะต้องระมัดระวังตัวให้มากเพื่อไม่ให้ตกหลุมพรางของสองแม่ลูก
“เอาล่ะ พวกเราไม่รบกวนเจ้าแล้ว เจ้าไปทำงานของเจ้าเถิด”
บางทีอาจเพราะเล่นละครเพียงพอแล้ว สองแม่ลูกจึงลุกขึ้นแล้วบอกลา
หลินเมิ้งหยาส่งพวกนางที่หน้าประตู เมื่อทั้งคู่เดินลับหายไปแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าจึงจางหายไป
เมื่อครู่นางไม่ได้กลิ่นเลือดในร่างกายของหลินเมิ้งหวู่เลยแม้แต่น้อย แต่กลิ่นยาขับเลือดยังคงติดอยู่บนร่างกายของนาง
ประสาทการดมกลิ่นของนางดีกว่าสุนัขเสียอีก ฉะนั้นจึงไม่มีทางเกิดข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน