ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 13 บทที่ 373 ใต้สระน้ำยามดึกสงัด
นางกำชับเถียนหนิงให้พักผ่อน ก่อนจะหยิบกล่องยาเตรียมออกจากห้อง
“หยาเอ๋อร์ มีบางเรื่องที่ข้าอยากบอก แต่ไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์ต่อเจ้าหรือไม่”
อยู่ๆ เถียนหนิงก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงรีบเล่าให้หลินเมิ้งหยาฟัง
“เมื่อก่อนฮูหยินเคยกำชับท่านแม่ว่าห้ามมิให้ถมดินลงสระน้ำในสวนของจวนเป็นอันขาด แม้ข้าจะไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร แต่เพราะฮูหยินกลัวว่าท่านแม่ข้าจะลืม ฉะนั้นจึงกำชับข้าด้วยอีกคน”
คำบอกเล่าของเถียนหนิงทำให้ดวงตาของหลินเมิ้งหยาเปล่งประกาย
ตอนที่ซ่างกวนชิงเพิ่งแต่งงานเข้ามาอยู่ในจวน นางต้องการตกแต่งสวนดอกไม้ใหม่ทั้งหมด แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากท่านพ่อ
แม้ท่านพ่อจะไม่ชอบยุ่งเรื่องงานหยุมหยิมของผู้หญิง แต่สวนดอกไม้ในจวนกลับไม่เคยถูกแตะต้องมาก่อน
“ขอบใจมาก ข้าเข้าใจแล้ว พี่เถียนหนิงรีบพักผ่อนเถิด หากทุกอย่างเรียบร้อย พรุ่งนี้ช่วงพลบค่ำเราจะกลับไปที่จวนอ๋องกัน”
อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ นางจำได้ว่าคืนที่นางกลับมาที่บ้านหลังแต่งงานวันแรก นางร่วงลงไปในสระน้ำและพบสิ่งผิดปกติที่นั่น
หรือเหตุที่ท่านแม่ไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับสระน้ำในสวนด้านหลังก็เพราะมีบางอย่างซ่อนอยู่ที่นั่น?
หลินเมิ้งหยาตัดสินใจที่จะลงไปสำรวจใต้น้ำคืนนี้
สายลมยามค่ำคืนโหมกระหน่ำ ป๋ายจื่อเดินตามหลังเจ้านายของตนเองด้วยความรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
แม้จะร้องโอดครวญในใจ แต่ฝีเท้ากลับไม่ออกห่างจากผู้เป็นนายแม้แต่เพียงก้าวเดียว
“นายหญิง พวกเรากลับกันเถอะเจ้าค่ะ บรรยากาศที่นี่น่าขนลุกยิ่งนัก”
เมื่อก่อนหลินเมิ้งหยาเคยถูกทำให้หวาดกลัวบริเวณใกล้ๆ นี้ ตอนนั้นอย่าว่าแต่คนในจวนพากันหวาดผวาเลย ฮูหยินชิงยังเชิญนักบวชมาตรวจสอบ ก่อนที่เขาจะบอกว่าสระน้ำแห่งนี้มีสิ่งชั่วช้า ฉะนั้นจำเป็นต้องถมทิ้ง
ต่อมา นายท่านที่ได้รู้เรื่องโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก สุดท้ายสระน้ำนี้จึงยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน
ทว่าไม่มีใครมาเดินเที่ยวเล่นที่นี่อีกต่อไป
ท่ามกลางท้องนภาสีดำสนิท ภูเขาหินปลอมตั้งตระหง่านมิไหวติง ผิวน้ำสะท้อนเงาจันทร์ดวงโต แต่ป๋ายจื่อกลับรู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก
หลินเมิ้งหยามองสระน้ำเสมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ก้มลงหยิบก้อนหินขนาดใหญ่เขวี้ยงลงสระน้ำ
หยดน้ำแตกกระเซ็น สายตาของหลินเมิ้งหยาจับจ้องสระน้ำนิ่ง
“นายหญิงของข้า พวกเรากับกันเถิดเจ้าค่ะ ท่านดูเถิด ที่นี่…น่ากลัวเหลือเกิน”
ร่างของป๋ายจื่อสั่นเทิ้มเพราะความกลัว ทว่าหลินเมิ้งหยากลับไม่รู้สึกเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย มุมปากหยักยิ้มอ่อนหวาน ก่อนนิ้วเรียวยาวจะชี้ไปที่สระน้ำ
“เจ้ามองไม่เห็นหรือว่าน้ำที่นี่ค่อนข้างพิเศษ?”
พิเศษ? ป๋ายจื่อชะโงกหน้าไปมองสระน้ำลึกตรงหน้า
ก็เหมือนกับสระน้ำที่จวนอวี้นี่น่า พิเศษกว่าตรงไหนกัน?
“เหตุที่น้ำในสระของพวกเราในจวนอวี้สามารถไหลได้นั่นก็เพราะพวกชิงหูสร้างบ่อน้ำพุร้อน แต่สระน้ำในจวนหลินไม่เหมือนกัน ข้าจำได้ว่าช่วงฤดูหนาวจัดจะมีแผ่นน้ำแข็งบางๆ ที่ผิวน้ำ เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าสมัยเด็กเคยมีเด็กรับใช้อายุราวสามขวบเกือบตกลงไป?”
ป๋ายจื่อครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้าลง
พอนายหญิงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา นางก็จำได้ทันที
ตอนนั้นจำได้ว่านายท่านและเถียนมามาไม่อนุญาตให้นางและคุณหนูไปเล่นบนแผ่นน้ำแข็งเป็นอันขาด ต่อมาเด็กน้อยสามขวบคนนั้นรอดตายได้เพราะพวกผู้ใหญ่มาช่วยเอาไว้ทัน
“นายหญิง ท่านหมายความว่า…”
หลินเมิ้งหยารีบถอดรองเท้าของตนเองออก ก่อนจะมัดเส้นผมยาวสลวยเอาไว้ด้วยกัน นางมอบสิ่งของทั้งหมดให้กับป๋ายจื่อแล้วเตรียมตัวจะกระโดดลงน้ำ
“หรือ…หรือ…หรือท่านจะลงไปในน้ำ? ไม่ได้ อย่างไรก็ไม่ได้เจ้าค่ะ นายหญิง ท่านเสียสติไปแล้วหรือ?”
ป๋ายจื่อตกใจจนแทบสิ้นสติ สวรรค์โปรด ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ซ้ำยังเพิ่งเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่นายหญิงของนางกำลังจะกระโจนลงน้ำ!
สวรรค์โปรด นางต้องเสียสติไปแล้วแน่นอน!
“ชู่ เบาเสียงหน่อย อย่าเอะอะไป เดี๋ยวทุกคนก็ตื่นหมดหรอก ไม่เป็นไร ข้าเพียงแค่จะลองดูเท่านั้น น้ำในสระน้ำอุณหภูมิน่าจะราวสิบกว่าองศาแต่เพียงเท่านั้น ข้าเชื่อว่าข้างล่างนั่นจะต้องมีอะไรบางอย่าง มิเช่นนั้นอุณหภูมิของน้ำคงไม่สูงถึงเพียงนี้ เจ้าจงรอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะรีบขึ้นมา”
หลังจากสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายและมั่นใจแล้วว่าจะไม่มีทางเป็นตะคริว หลินเมิ้งหยาค่อยๆ เดินลงไปในน้ำ
นางถอดชุดกระโปรงออกแล้ว โชคดีที่นางสวมใส่ชุดจีนเอาไว้ มิเช่นนั้นนางคงไม่กล้าทำอะไรเช่นนี้
“ไอหยา นายหญิงของข้า ท่านรีบกลับมาเร็วเข้า”
ป๋ายจื่อยืนกระวนกระวายอยู่ข้างสระน้ำ ทว่าหลินเมิ้งหยากลับส่งสายตาคมกริบให้นางเงียบเสียงลงเพื่อไม่ให้คนอื่นตื่นตระหนก
มองตามนายหญิงที่เดินไปถึงกลางสระน้ำ ป๋ายจื่อเกือบจะเป็นมดในกระทะร้อนที่กำลังดิ้นทุรนทุราย เท้าของนางเดินย่ำไปมาเพื่อหวังจะคลายความกังวลของตนเอง
น้ำในสระยังคงมีความเย็นอยู่ หลินเมิ้งหยากัดฟันแน่น
พยายามทำให้อุณหภูมิร่างกายชินกับอุณหภูมิของน้ำ
ทั้งหวนนึกถึงบริเวณที่พบสิ่งผิดปกติ นางดำดิ่งลงไปเบื้องล่างและพยายามค้นหาสิ่งที่ตนเองต้องการ
ตอนนั้นก็เป็นเวลากลางคืนเช่นเดียวกัน
นางจำได้ว่าใต้ผืนน้ำมีของบางอย่างที่สามารถเปล่งแสงได้
หลินเมิ้งหยาหันไปมองทั้งด้านซ้ายและขวา ก่อนจะว่ายลงไปให้ลึกขึ้น
ยิ่งลึกเท่าไร น้ำก็ยิ่งอุ่นมากขึ้นเท่านั้น
ดูเหมือนนางจะเดาถูก
หากน้ำในจวนเป็นน้ำนิ่ง เช่นนั้นจะต้องส่งกลิ่นเหม็นจากตะไคร่
ฉะนั้นหากเป็นไปตามที่นางคาดการณ์แล้วล่ะก็ อันที่จริงสระน้ำแห่งนี้เป็นบ่อน้ำร้อน แต่เพราะอุณหภูมิของน้ำค่อนข้างสูง ฉะนั้นท่านแม่จึงปรับปรุงให้กลายเป็นสระน้ำสำหรับชื่นชมทิวทัศน์
อุณหภูมิของน้ำยังคงอบอุ่น ยิ่งไปกว่านั้นหลินเมิ้งหยายังขยับตัวอยู่ตลอดเวลา นางจึงรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก
แต่ปัญหาคืออากาศที่มีจำกัด หากนางยังหาไม่เจอ เช่นนั้นนางต้องขึ้นไปบนผิวน้ำอีกครั้งเพื่อหายใจ
‘ซ่า ซ่า’ เสียงดังขึ้น หลินเมิ้งหยาโผล่ศีรษะขึ้นจากน้ำ ท่าทางราวกับนางเงือกไม่มีผิด
ป๋ายจื่อที่ยืนอยู่ริมสระถอนหายใจยาว นางคิดว่านายหญิงกำลังจะกลับขึ้นมาแล้ว แต่ยังไม่ทันที่นางจะส่งเสียง หลินเมิ้งหยาก็ผลุบหายลงไปในสระน้ำอีกครั้ง
ผิวน้ำกลับมาสงบนิ่ง แต่หัวใจของป๋ายจื่อกลับกระโดดเด้งจนแทบจะทะลักออกจากคอ
การกลับลงมาใต้น้ำครั้งที่สองทำให้หลินเมิ้งหยาเพิ่มความเร็วในการค้นหามากขึ้น
น่าแปลก ทั้งที่นางจำได้ว่าของชิ้นนั้นอยู่ตรงนั้น แต่เหตุใดจึงหาไม่เจอเล่า?
หลินเมิ้งหยายังคงไม่ตัดใจ ว่ายวนหาอีกครั้ง ก่อนจะว่ายไปหยุดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสถานที่ที่นางพบของสิ่งนั้นเมื่อคราวก่อน ในที่สุดนางก็เห็นแสงประกายในความมืด
นั่นไงล่ะ!
หลินเมิ้งหยารีบว่ายเข้าไป ท่วงท่าเสมือนนางเงือกสาวก็มิปาน
เมื่อเห็นของชิ้นนั้น หัวใจของนางพลันรู้สึกเย็นเฉียบ
เพราะเหตุนี้ตอนนั้นนางจึงมองเห็นว่าของชิ้นนี้เหมือนหินรูปร่างคล้ายแม่กุญแจ แต่พอลองมองให้ละเอียดแล้ว มันไม่เพียงล่ามหีบใบหนึ่งเอาไว้ แต่ด้านล่างหีบยังเป็นเต่ามังกรยักษ์ที่ไม่รู้ว่ามีอายุมากขนาดไหน ซ้ำมันยังจ้องตานางด้วยท่าทางดุร้าย!
หลินเมิ้งหยารู้สึกหนักใจเล็กน้อย เหตุเพราะอุปนิสัยของเต่ามังกรค่อนข้างดุร้าย อย่าว่าแต่จับตัวเลย ขนาดเข้าไปใกล้ยังยากลำบาก
ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เต่ามังกรที่ตอนแรกตั้งท่าจะโจมตีกลับไม่ขยับเขยื้อนแม้นางจะเข้าใกล้
ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่หลินเมิ้งหยายื่นมือเข้าไปสัมผัสหัวและกระดอง มันกลับไม่ขยับตัวหนี
แม้จะแปลกใจ แต่หลินเมิ้งหยาก็พยายามสำรวจเต่าตัวนี้
นางพบว่าหีบใบนั้นถูกมัดไว้บนหลังเต่า คราวก่อนที่มองไม่เห็นอาจเพราะสถานการณ์กำลังคับขัน ฉะนั้นนางจึงไม่ทันสังเกตเห็นตัวเต่า
แต่พอตอนนี้ได้เห็นใกล้ๆ นางจึงรู้ว่าเต่ามังกรตัวนี้กำลังแบกของบางอย่างเอาไว้
หีบใบนั้นแปลกยิ่งนัก มันมิใช่เหล็กหรือไม้ แม้จะอยู่ในน้ำเป็นเวลานานแต่กลับไม่เกิดสนิมเลยแม้แต่น้อย
แม้แต่หัวกุญแจที่พันธนาการเอาไว้ก็ยังดูใหม่
หากมิใช่เพราะด้านบนมีสาหร่ายปกคลุมเอาไว้ หลินเมิ้งหยาคงคิดว่ามันคงเปิดไม่ออกแล้วอย่างแน่นอน
ใช้มือดึงหัวกุญแจ ก่อนจะพบว่าไม่มีประโยชน์ ซ้ำบริเวณรอบๆ ยังไม่มีสิ่งใดที่ลักษณะเหมือนกุญแจ แต่เมื่อนางขยับเข้าไปใกล้ นางก็พบว่าหัวกุญแจอันนั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกับของบางอย่าง!
หรือว่า….
หลินเมิ้งหยารีบว่ายน้ำกลับขึ้นไป
“เร็วเข้า ป๋ายจื่อ จงนำตราประทับในชุดออกมาให้ข้า”
กระซิบเสียงเบาพร้อมทั้งโบกมือเรียกป๋ายจื่อ อีกฝ่ายแสดงสีหน้าขมขื่น แต่ถึงกระนั้นก็รีบหยิบตราประทับส่งให้นาง
ตราประทับรูปร่างคล้ายโสม เมื่อสะท้อนเงาจันทร์ดูเป็นของธรรมดา
แต่เมื่อหลินเมิ้งหยาจับมันกดลงน้ำ แสงประกายบางอย่างพลันเล็ดรอดให้เห็น
หลินเมิ้งหยามองของในมือด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะกลับลงไปใต้น้ำอีกครั้ง
ยิ่งเข้าใกล้ใต้น้ำมากขึ้น ตราประทับในมือยิ่งส่องสว่าง ทันทีที่ถึงด้านล่างสุด ตราประทับและหัวกุญแจพลันส่องสว่างวาบ
ค่อยๆ ยื่นตราประทับเข้าไปใกล้ตำแหน่งช่องกุญแจ เมื่อทั้งสองผสานเข้าด้วยกัน หลินเมิ้งหยาอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
หีบบนหลังเต่ามังกรค่อยๆ เปิดออก ห่อผ้าสีดำพลันเผยให้เห็น
หลินเมิ้งหยาเอื้อมมือไปหยิบห่อผ้า ก่อนจะลูบหัวเต่ามังกรด้วยความตื้นตันแล้วว่ายกลับขึ้นไปด้านบน
เหลือบมองของในมือท่ามกลางความมืด เท่าที่คาดเดาจากน้ำหนักแล้วจะต้องมิใช่เพียงหนังสือเล่มเดียวอย่างแน่นอน
มองดูนายหญิงที่จ้องห่อผ้าสีดำในมือเสมือนคนเสียสติ น้ำตาของป๋ายจื่อใกล้จะไหลออกจากเบ้าเต็มที
รีบดึงตัวนายหญิงขึ้นจากฝั่ง ก่อนจะเปลี่ยนชุดให้กับนาง
“นายหญิงของข้า ท่านอย่าทำให้ข้าตกอกตกใจไปมากกว่านี้เลย พวกเรารีบกลับไปกันเถิด เดี๋ยวข้าจะต้มน้ำขิงร้อนๆ ให้ท่านดื่ม”
มองดูเส้นผมเปียกชิ้นของนายหญิง หากนางเจ็บป่วยขึ้นมา เกรงว่าพี่ป๋ายจีและพี่ป๋ายซ่าวจะต้องถลกหนังของนางออกมาอย่างแน่นอน!