ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 13 บทที่ 376 หาใช่แต่ก่อนไม่
“คิดจะตบตีคนของข้า น้องสาว เจ้าด่วนตัดสินใจเร็วไปหรือไม่?”
มือเย็นชาดุจน้ำแข็งพลันยื่นไปจับข้อมือของหลินเมิ้งหวู่เอาไว้
ป๋ายจื่อไม่มีความหวาดกลัวต่อคุณหนูรองผู้ที่เคยทำร้ายตนเองเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสุกสกาวราวหยดน้ำคู่นั้นมั่นคงแน่วแน่ แม้จะไม่ได้แสดงอาการขัดขืน แต่ก็เอี้ยวตัวหลบแล้วถวายคำนับแก่หลินเมิ้งหวู่
“หนู่ปี้เสียมารยาทเองเจ้าค่ะ คุณหนูรองได้โปรดอภัยให้ด้วย”
หลินเมิ้งหวู่มิอาจสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของหลินเมิ้งหยาได้ เมื่อเทียบแรงมือกันแล้ว หลินเมิ้งหยาฝึกฝนการตรวจจับชีพจรและฝังเข็มทุกวัน ฉะนั้นมือของนางจึงจับแน่นราวกับคีมหนีบเหล็ก
“ปล่อยข้า!”
สีหน้าของหลินเมิ้งหวู่เผยอาการโกรธระคนตกตะลึง ทว่าหลินเมิ้งหยายังคงมีเพียงสีหน้าเฉยชา
“ขนาดสาวใช้ของข้ายังรู้จักผิดชอบชั่วดี แต่เจ้าเป็นถึงคุณหนูสูงศักดิ์ เหตุใดจึงไม่รู้ความเช่นนี้เล่า?”
หลินเมิ้งหยาสบโอกาสจึงคลายมือออก
ขณะเดียวกัน หลินเมิ้งหวู่ที่บังเอิญออกแรงสะบัดมือมากเกินไปจึงยืนได้ไม่มั่นคง ร่างบางพลันร่วงลงไปกองกับพื้น
หลินหนานเซิงเองก็ บังเอิญ ขยับเท้าถอยหลังพอดิบพอดี หลินเมิ้งหวู่ที่มีท่าทางดั่งคนขาดสติเมื่อครู่จึงล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้น
หลินเมิ้งหยาไม่แม้แต่จะเหลือบมองดวงตาที่มีหยดน้ำตาคลอเบ้าของหลินเมิ้งหวู่
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
“หวู่เอ๋อร์ อย่าได้เสียมารยาท ดูกิริยาวาจาของเจ้าเถิด เหตุใดจึงแสดงท่าทางกระด้างกระเดื่องใส่พี่ชายและพี่สาวของเจ้าเช่นนั้นเล่า ต่อไปในภายภาคหน้าเจ้าจะเอาชนะใจคนในครอบครัวของว่าที่สามีได้เช่นไร!”
ใบหน้าของซ่างกวนชิงบิดเบี้ยว ทั้งนายและบ่าวของเรือนนี้ทำให้พวกนางสองคนต้องกัดฟันจนฟันกรามใกล้จะแหลกละเอียดเต็มที
วิสัยทัศน์ของนางหาได้สั้นเหมือนหวู่เอ๋อร์ไม่
สายตาของนางมิได้สนใจอยากได้อัญมณีเล็กน้อยเหล่านั้น
“ท่านแม่…”
ซ่างกวนชิงตวัดสายตาเพื่อสั่งให้นางหุบปาก
เรื่องการแท้งลูกทำให้ซ่างกวนชิงรู้สึกเสียใจมากพออยู่แล้ว หากมิใช่เพราะยาเทวดาที่ฮองเฮาแอบประทานมาให้ เกรงว่าป่านนี้หลินเมิ้งหวู่คงยังนอนสลบไสลอยู่บนเตียงไม่ฟื้น
ทว่าหลินเมิ้งหวู่กลับไม่ฟังคำพูดของผู้เป็นแม่เลยแม้แต่น้อย อย่างน้อยตอนนี้นางก็มิควรทำอะไรบุ่มบ่ามเพื่อมิให้ถูกจับผิดได้
“น้องสาว เจ้าคงเจ็บน่าดู มาเถิด พี่สาวจะพยุงเจ้าเอง”
หลินเมิ้งหยารีบแสร้งทำเป็นหวังดี มือเรียวยาวดั่งหยกเอื้อมไปดึงร่างหลินเมิ้งหวู่ขึ้นมา
แม้หลินเมิ้งหวู่จะไม่อยากไว้หน้านาง แต่เพราะท่านแม่กำลังจ้องมองการกระทำของนางอยู่ ดังนั้นนางจึงต้องจำใจปล่อยให้หลินเมิ้งหยาช่วยพยุงตนเองลุกขึ้น
“ต้องแบบนี้สิจึงจะถูกต้อง พวกเจ้าเป็นพี่น้องกัน ต่อไปหากเหล่าเหยียและข้าไม่อยู่แล้ว พวกเจ้าจะได้ดูแลซึ่งกันและกันได้ ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องย่อมลึกซึ้งยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าจะพาเถียนมามาไปทำงานที่จวนอวี้? เด็กคนนี้ช่างกตัญญูรู้คุณยิ่งนัก แต่เถียนมามาอายุมากแล้ว อีกทั้งยังมีลูกชายที่กำลังป่วยหนัก หากเจ้าพาพวกเขาไป เช่นนั้นจะเกิดข้อครหาเอาได้ ข้าว่าเจ้าเลือกสาวใช้ที่มีความสามารถสักสองสามคนไปเป็นเพ่ยเจี้ยของเจ้าเถิด คราวก่อนเจ้าพาหรูเยว่ไปเพียงคนเดียว ข้าว่าดูไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไร เจ้าอย่าได้กังวลเรื่องของเถียนมามาเลย ข้าจะเลี้ยงดูพวกเขาอย่างดีที่จวนแห่งนี้”
ซ่างกวนชิงแสดงท่าทางจริงใจใสซื่อ ทว่าหลินเมิ้งหยามิใช่คนโง่เขลา นางรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีเจตนาดี
หากเป็นเมื่อก่อน หลินเมิ้งหยาจำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากซ่างกวนชิงจึงจะพาตัวเถียนมามาไปได้
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ในเมื่อพี่ชายกลับมาแล้ว เช่นนั้นเรื่องในจวนย่อมมีพี่ชายเป็นผู้ตัดสินใจ
ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยสิ่งใด หลินหนานเซิงพลันแย้มยิ้มอ่อนโยนขณะมองหน้าน้องสาวของตนเอง
“เถียนมามาเป็นแม่นมของข้าและหยาเอ๋อร์ เมื่อก่อนนางดูแลเอาใจใส่พวกเราโดยไม่คิดแสวงหาผลประโยชน์แต่อย่างใด เรื่องนี้คงไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านแม่”
สิ่งที่ซ่างกวนชิงเกลียดที่สุดคือลูกสาวและลูกชายที่นังแพศยาคนนั้นทิ้งเอาไว้บนโลกนี้
ยากนักที่จะได้เห็นนังเด็กสติฟั่นเฟือนคนนี้ตายจากไป แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด อยู่ๆ นางก็ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง
ซ้ำยังฉลาดเฉลียวกว่าเดิมเหลือประมาณ
ส่วนหลินหนานเซิงมิต่างอันใดจากหนามยอกอกของนางและลูกสาว
เหล่าเหยียไม่อยากสร้างความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนาง ดังนั้นชีวิตของนางจึงเหลือเพียงลูกสาวคนเดียว หากหวู่เอ๋อร์แต่งงาน นางจะได้รับสินเดิมส่วนหนึ่ง
หากบนโลกใบนี้ไม่มีหลินหนานเซิงแล้วล่ะก็ นางคงสามารถใช้วิธีการของตนทำให้ทรัพย์สินทุกอย่างในสกุลหลินกลายเป็นของนางเอง
ตอนนี้แม้แต่หลินหนานเซิงเองก็หันมาเป็นศัตรูกับนางแล้ว
สักวันหนึ่งนางจะทวงคืนสิ่งเหล่านั้นกลับมา!
“เรื่องนี้เจ้าอย่าได้ลำบากเลย เจ้าเป็นถึงชายชาตินักรบ เรื่องจุกจิกในเรือนมิจำเป็นต้องทำให้เจ้าเหนื่อยใจ ข้าเห็นว่า….”
หลินหนานเซิงเอ่ยขัดซ่างกวนชิงอย่างไม่เกรงใจ บางทีอาจเพราะความเก็บกดจากการโดนกระทำในอดีตทำให้เขาหมดความอดทน
ตอนนี้เขาอยากทำให้ซ่างกวนชิงรับรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ถือครองอำนาจในจวนแห่งนี้
“ก่อนข้ากลับมา ท่านพ่อได้สั่งข้าเอาไว้ว่างานในจวนทั้งหมดขอมอบหมายให้ข้าเป็นผู้ตัดสินใจ หากท่านแม่เห็นว่าข้ายังเด็กเกินไป เช่นนั้นท่านโปรดเขียนจดหมายไปบอกท่านพ่อเถิด ถึงอย่างไรจวนเจิ้นหนานโหวก็ยังอยู่ใต้อำนาจของท่านพ่อ”
คำพูดของหลินหนานเซิงหยุดยั้งข้ออ้างถัดไปของซ่างกวนชิง
เพียงอ้างชื่อท่านพ่อขึ้นมา ซ่างกวนชิงจำใจยอมจำนน
เมื่อก่อนนางสามารถใช้สองพี่น้องมาเป็นข้ออ้างในการเขียนจดหมายหาเหล่าเหยียได้ ฉะนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้นางมีความสุขตลอดสิบกว่าปี
ทว่าตอนนี้สองพี่น้องปีกกล้าขาแข็งขึ้นแล้ว ฉะนั้นซ่างกวนชิงจึงทำได้เพียงยิ้มแข็งทื่อและกลืนคำพูดสุดท้ายของตนเองไป
“ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะไม่รบกวนพวกเจ้าสองพี่น้องแล้ว หวู่เอ๋อร์ พวกเรากลับ”
พาลูกสาวออกจากห้องของหลินเมิ้งหยาด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว ทว่าสายตาของหลินเมิ้งหวู่ยังคงจับจ้องชุดที่ประดับด้วยอัญมณีเหล่านั้น
อัญมณีล้ำค่า ชุดผ้าไหมชั้นดี แม้จะเก่าไปสักเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งของหายากในเมืองหลวง
หากนางมีอัญมณีมากมายขนาดนั้นมาประดับชุดผ้าไหมของตนเอง นางจะต้องเป็นจุดสนใจในงานเลี้ยงคราวหน้าอย่างแน่นอน
“ท่านแม่ เหตุใดท่านต้องยอมปล่อยให้พวกมันเอาของของพวกเราไปด้วย แม้ของเหล่านั้นจะเป็นของนังแม่ที่ตายไปแล้วของพวกมัน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสมบัติของจวนเรา เช่นนั้นทำไมต้องปล่อยให้มันเอาไปด้วย!”
ดึงแขนเสื้อของผู้เป็นแม่เอาไว้ หลินเมิ้งหวู่ถามเสียงออดอ้อน
แม้ลูกสาวจะทำผิดมหันต์ แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว
“หวู่เอ๋อร์ เจ้าวางใจเถิด แม่จะมอบสิ่งที่ดีกว่าของเหล่านั้นให้ อย่ากังวลไปเลย ขอเพียงเจ้ารักษาตัวด้วยตำรับยาที่ท่านป้ามอบให้ แม่เชื่อว่าเจ้าจะต้องกลายเป็นผู้หญิงที่คนทั้งเมืองหลวง ไม่สิ ทั้งต้าจิ้นจับตามอง เมื่อถึงเวลานั้นแม่จะให้เจ้าได้ปรากฏตัวต่อหน้าคนเหล่านั้นอย่างสง่างาม”
เมื่อได้รับคำสัญญาจากผู้เป็นแม่ หลินเมิ้งหวู่จึงเลิกสนใจอัญมณีเหล่านั้น
แย้มยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะก้าวเข้าไปกอดซบร่างของมารดา
ท่านป้าฮองเฮาส่งข่าวมาถึงท่านแม่ด้วยตนเองว่าแต่ก่อนนางเห็นว่าตนเองยังเด็ก ฉะนั้นจึงมิได้พาออกงานเลี้ยงใหญ่โต
คราวนี้หากร่างกายของนางแข็งแรงขึ้นแล้ว ท่านป้าฮองเฮาจะพานางออกงานเลี้ยงทั่วทุกสารทิศ
เมื่อถึงเวลานั้นนางจะกลายเป็นบุปผางามเบ่งบานไม่เหมือนกับหญิงแก่หน้าเหลืองอย่างหลินเมิ้งหยา
เมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่ตนเองจะตกเป็นเป้าสายตาของคุณชายชนชั้นสูง ความเจ็บปวดที่บั้นท้ายพลันเหือดหายไป
ภายในห้องของหลินเมิ้งหยา หลังจากเห็นว่าซ่างกวนชิงและหลินเมิ้งหวู่จากไปแล้ว หลินเมิ้งหยาและหลินหนานเซิงจึงหยักยิ้มมีเลศนัยให้กันและกัน
หลินเมิ้งหยารู้สึกว่าหลินเมิ้งหวู่และซ่างกวนชิงช่างโง่เขลาเหลือเกิน
“เถียนมามา ป๋ายจื่อ รบกวนพวกท่านช่วยจัดเก็บสิ่งของให้เรียบร้อยด้วย ข้ากับท่านพี่ขอออกไปเดินเล่นสักหน่อย หากเก็บเสร็จแล้วให้นำขึ้นรถม้าได้เลย”
ป๋ายจื่อและเถียนมามารีบลงมือทำตามคำสั่ง หลินหนานเซิงรู้ได้ทันทีว่าน้องสาวของเขามีเรื่องต้องการจะพูดด้วย
ทั้งสองเดินไปยังศาลาเล็กด้วยกัน เมื่อก่อนทุกหนทุกแห่งล้วนมีคนจับตามองและเงี่ยหูฟัง แต่ตอนนี้จวนหลินกลับเงียบสงบกว่าเดิมมาก
“ท่านรู้เรื่องที่หลินเมิ้งหวู่ตั้งท้องก่อนแต่งหรือไม่?”
คิดไม่ถึงเลยว่าประโยคแรกของหลินเมิ้งหยาจะเป็นเรื่องอัปยศอดสูเช่นนี้
หลินหนานเซิงที่ใช้ชีวิตตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดตั้งแต่เด็กเบิกตากว้าง มือทั้งสองข้างกำแน่น
เรื่องนี้มิได้ส่งผลอันใดต่อคนในยุคปัจจุบันอย่างหลินเมิ้งหยานัก
แต่สำหรับคนที่นี่ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของสกุลหลินคงย่อยยับ
“นางคิดจะทำอะไร? หรือคิดจะทำลายชื่อเสียงของสกุลหลินให้ย่อยยับกัน? แม้พวกนางจะไม่ชอบพวกเรา แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นหนึ่งในทายาทสกุลหลิน! แต่นาง…นางกลับทำเรื่องอัปยศเช่นนี้ นางสมควรตาย!”
หลินเมิ้งหยาเหลือบมองพี่ชายด้วยสายตาไม่เห็นด้วย แม้จะอยากปล่อยให้เขาทำตามความปรารถนา แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอันสมควร
“ตอนนี้นางแท้งแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังกินยาบางอย่างที่ทำให้นางฟื้นตัวเร็วกว่าปกติ แต่ยาชนิดนี้ส่งผลร้ายแรงต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เมื่อครู่ข้าลองจับชีพจรของนางดู ตอนนี้นางมีร่างกายเหมือนคนปกติ แต่คาดว่านางคงไม่อาจมีลูกได้อีก”
แม้หลินเมิ้งหยาจะไม่รู้ว่านางได้ยานี้มาจากที่ใด แต่มั่นใจได้ว่าไม่ใช่ยาที่ซ่างกวนชิงหามาอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น นางพบสาเหตุที่ตนเองไม่ได้กลิ่นเลือดบนร่างกายของหลินเมิ้งหวู่แล้ว