คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 224 สังเวยสิ่งล้ำค่า
เวลาร้อยปียาวนานจริงๆ เรื่องนี้ทำให้อวี้จูหวาดกลัว รู้สึกว่าตนเองตะโกนไม่ออกขึ้นมากะทันหัน ในใจเกิดความสิ้นหวังขึ้น ทันใดนั้น นางก็นึกถึงจินเฟยเหยาขึ้นมา ต่อให้ผู้อื่นชอบกินอย่างไรก็เป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวม ถึงมาช่วยตนเองไม่ได้ ก็สามารถกลับไปแจ้งข่าวที่สำนักได้
อวี้จูโอบกอดความหวังน้อยนิด พยายามดึงรั้วเหล็กและตะโกนเสียงดัง “ผู้อาวุโสจิน ช่วยด้วย! ท่านรีบมาสิ ที่นี่มีอาหารอร่อยมากมาย หัวปลาผัดน้ำแดง! อุ้งตีนนึ่งซีอิ๊ว! ไก่ผัดชาววัง! หมูหัน…”
เจ้าอีและลู่ลิ่วมองนางอย่างประหลาดใจ หยิบไม้ขึ้นทุบรั้วเหล็กอย่างรุนแรง “หุบปาก! ไม่ดูสภาพตนเองเสียบ้าง อ้วนขนาดนี้แล้ว ยังคิดจะกินอีก!”
อวี้จูกัดริมฝีปาก น้ำตาปริ่มเอ่ยอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “ข้าไม่ได้กินจนอ้วนเสียหน่อย!”
“จะสนใจทำไมว่าเจ้ากินจนอ้วนหรือไม่ มาถึงที่นี่แล้วยังคิดจะใช้ชีวิตอย่างคุณหนูอีก สร้างฐานแล้วยังคิดจะกินอาหาร ผายลม บรรดาสิ่งที่เจ้าพูด บิดายังไม่เคยกิน อยากกินอาหารหรือ ฝันไปเถอะ!” ลู่ลิ่วทุบรั้วเหล็กหลายครั้งอย่างแรง หลังข่มขู่นางอยู่ครู่หนึ่งก็ถูกเจ้าอีลากไป
จินเฟยเหยายืนอยู่ด้านข้าง มองเห็นฉากนี้นางก็ลูบศีรษะ รู้สึกไม่ค่อยอยากไปช่วยคนอย่างกะทันหัน
เมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร… หรือว่าข้าเป็นสุกร? นึกว่าขอเพียงมีอาหารข้าก็จะปรากฏตัว ข้าจินเฟยเหยามิใช่คนเช่นนั้น ก็แค่ของกิน ไม่กินข้าก็ไม่หิวตาย จินเฟยเหยาไม่รู้ว่ามีโทสะอะไร ตบท้องที่ถูกอวี้จูตะโกนจนหิว ทิ้งนางไว้ด้านข้างชั่วคราว
อวี้จูไม่รู้ว่าจินเฟยเหยาติดยันต์ซ่อนกายยืนอยู่ไม่ไกลนัก พอนึกถึงว่าจะไม่ได้พบศิษย์พี่เฟิงอีกก็อดร้องไห้ไม่ได้ นางไม่กลัวถูกฆ่า เพียงแต่เป็นห่วงว่าตนเองไม่อยู่แล้ว ศิษย์พี่เฟิงจะแต่งงานกับสตรีอื่นหรือไม่ คนในสำนักที่อยากแต่งงานกับศิษย์ตำหนักซวีชิงมีมากมาย ถ้าศิษย์พี่เฟิงเห็นว่าตนเองไม่กลับไปเป็นเวลานานแล้วเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นจะทำอย่างไร
นี่มันเวลาใดแล้ว อวี้จูยังคิดเรื่องนี้เต็มสมอง ถ้าให้จินเฟยเหยารู้อาจจะสะบัดก้นจากไป
“อะไรนะ! พวกเจ้าบอกว่าผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมหนีไปแล้ว!” ในเวลานี้ ในตึกน้อยด้านบนลาวามีเสียงบริภาษดังมา เสียงนี้ฟังแล้วแปลกประหลาด ราวกับบุรุษกำลังบีบจมูกพูดจา
หรือว่านี่คือท่านอ๋องที่พวกเขาพูดถึง? ฟังเขาพูดแล้วรู้สึกอึดอัด ไม่มีความแข็งแกร่งเลยสักนิด
จินเฟยเหยาครุ่นคิดแล้วเดินไปทางด้านตึกน้อย ถ้าจะช่วยอวี้จูออกมาก็ต้องเผชิญหน้ากับท่านอ๋อง สืบข้อมูลพลังการบำเพ็ญเพียรของอีกฝ่ายก่อนดีกว่า ถ้าพลังการบำเพ็ญเพียรสูงเกินไปก็กลับสำนักตงอวี้หวงไปเรียกคนมาช่วย
น้ำเสียงดังมาจากชั้นหนึ่งของหอน้อยสามชั้น ก่อนหน้านี้หลี่เอ้อร์กับหวังอู่เพิ่งเข้าไปคาดว่าคงถูกท่านอ๋องด่าทอ หลังจินเฟยเหยาเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นในห้องที่แขวนผ้าม่านโปร่งใกล้ด้านหน้าหอน้อยมีคนอยู่หลายคน
คนที่นั่งยองๆ อยู่ด้านหน้าพอดีเป็นหลี่เอ้อร์และหวังอู่ ส่วนด้านหน้าพวกเขาสองคนดูเหมือนจะมีสตรีที่แต่งกายงามหยาดเยิ้ม ด้านข้างสตรีมีบุรุษสวมชุดมังกรทะยานสีทองเจิดจรัสคนหนึ่งนั่งอยู่ เห็นสตรีผู้นี้ชี้หน้าด่าทอหลี่เอ้อร์และหวังอู่ไม่หยุด นิ้วเรียวงามเดี๋ยวชี้คนนั้นเดี๋ยวชี้คนนี้ ด่าทอหลายประโยคก็เอนอิงบนร่างบุรุษที่สวมชุดมังกรแล้วกระเง้ากระงอด จากนั้นก็ชี้หน้าด่าทอพวกเขาสองคนอย่างเย่อหยิ่งอีกหนึ่งยก
“ราชครู นางหนีไปเอง ไม่ใช่พวกเราปล่อยให้หนีไป” ดูเหมือนหลี่เอ้อร์คิดจะแก้ต่างให้ตนเอง ทว่ากลับถูกสตรีผู้นั้นด่าทออย่างดุร้ายยิ่งขึ้น
นางเอนอิงร่างบุรุษสวมชุดมังกรพลางเอ่ยอย่างหยาดเยิ้ม “ท่านอ๋อง ท่านดูสิ พวกเขาสองคนกล้าโต้เถียง เห็นได้ชัดว่ากลัวผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมคนนั้นจึงจงใจปล่อยตัวไป”
ที่แท้ราชครูสุนัขเป็นสตรี เพียงแต่เสียงระคายหูจริงๆ อยากดูหน่อยว่านางหน้าตาเป็นอย่างไร จินเฟยเหยาเอียงศีรษะคิดจะดูหน้าตาของนางให้ชัดเจนก็ถูกผ้าที่แขวนเกะกะเหล่านั้นบดบังไว้
“เป็นจริงอย่างที่ราชครูกล่าว พวกเจ้าสองคนไม่อยากพบผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมคนนั้นจึงจงใจไม่ลงมือและปล่อยให้นางหนีไป?” บุรุษในเสื้อคลุมมังกรเอ่ยวาจา น้ำเสียงน่าฟังอย่างประหลาด ฟังจากน้ำเสียงแล้ว จินเฟยเหยาอดคาดเดาว่าน่าจะเป็นบุรุษที่มีรูปโฉมไม่แพ้ไป๋เจี่ยนจู๋
หลี่เอ้อร์และหวังอู่รีบร้องว่าถูกใส่ความพร้อมกัน “ท่านอ๋อง โปรดวินิจฉัยด้วย ไม่ใช่แบบนั้นจริงๆ ต่อให้พวกเราสองคนอยากจะปล่อยนางไป นางจะปล่อยพวกเราไปหรือไม่ยังเป็นปัญหา ศิษย์ร่วมสำนักของนางถูกพวกเราจับตัวมา เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่จับตัวพวกเราสองคนมาเค้นถามและให้นำทาง ทว่าแอบจากไปเองเงียบๆ พวกเราไม่พบนางจริงๆ นางหาทางเข้าไม่พบก็จากไป”
“เหลวไหล!” ราชครูยืดตัวตรงพลางร่ำร้อง ชี้ทั้งสองคนแล้วเอ่ยว่า “ข้าให้พวกเจ้าเปิดประตูการป้องกันให้นางเข้ามาชัดๆ พวกเจ้าสองคนทำโจ่งแจ้งเกินไปใช่หรือไม่ ดังนั้นนางจึงไม่กล้าเข้ามา!”
“เปล่านะ พวกเราสองคนปิดล็อกการป้องกัน ขณะที่นางใช้กำลังทำลายการป้องกันจึงเปิดการป้องกันออกตามแรงของนาง เปิดนั้นเปิดแล้ว ทว่านางกลับไม่ได้เข้ามา คาดว่าคงคิดว่าบุกเข้ามาคนเดียวจะไม่ปลอดภัย ดังนั้นจึงกลับไปตามกองหนุนมาก่อน” หลี่เอ้อร์ไม่ยอมรับ คนไม่ยอมเข้ามาเองชัดๆ ยังยืนกรานบอกว่าพวกเขาปล่อยตัวไปทำไม
ท่านอ๋องที่สวมเสื้อคลุมมังกรเอ่ยปากอีก “ให้พวกเจ้าไปทำเรื่องเล็กน้อยก็ทำได้ไม่ดี แค่จับตัวสตรีขั้นหลอมรวมมาให้กำเนิดบุตรก็ทำไม่ได้ ไสหัวออกไปเลย เห็นพวกเจ้าแล้วหงุดหงิด”
“ขอรับ…” หลี่เอ้อร์และหวังอู่รับคำสั่ง รีบวิ่งออกมาจากตึก ปาดเหงื่อแล้วไปหาพวกเจ้าอี
ให้กำเนิดบุตร? จินเฟยเหยาได้ยินแล้วไม่เข้าใจอย่างยิ่ง หรือว่านี่คือค้นหาสตรีที่มีพลังการบำเพ็ญเพียรสูงมาให้กำเนิดทายาทสืบทอดบัลลังก์?
ในเวลานี้เอง ราชครูก็ใช้เสียงอันน่าขยะแขยงเอ่ยอย่างหยาดเยิ้ม “ท่านอ๋อง ได้เวลาแล้ว สังเวยสิ่งล้ำค่าได้”
“ดี” ตามการลุกขึ้นของท่านอ๋อง จินเฟยเหยารีบล่าถอยออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่รู้พลังการบำเพ็ญเพียรของอีกฝ่าย อยู่ห่างๆ ไว้ก่อนดีกว่า
สองคนนี้ออกจากหอน้อยก็เดินมาบนแท่นราบทันที ด้านล่างเป็นลาวาที่เดือดปุดๆ ส่วนจินเฟยเหยาก็มองเห็นโฉมหน้าของสองคนนั้นชัดเจน ในใจเกิดความรู้สึกอยากฆ่าคนขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ราชครูที่นึกว่าเป็นสตรีมาตลอด ที่จริงเป็นบุรุษแต่งหน้าหนาเตอะ เครื่องประดับศีรษะที่ปักบนศีรษะเขาทั้งหมดเป็นสินค้าขยะ ในสายตาของผู้บำเพ็ญเซียน ไม่ว่าเป็นอัญมณีที่งดงามและล้ำค่าเพียงใด ขอเพียงไม่มีพลังวิญญาณทุกสิ่งล้วนเป็นขยะ ชุดอันงดงามราวกับเมฆสีกุหลาบก็ไม่สวมให้ดี จงใจเปิดไหล่ครึ่งหนึ่ง บนร่างราวกับกระดูกถูกดึงออก ยามเดินเหินก็ส่ายไหวไปมา นึกว่าตนเองมีเอวงูน้ำ[1]จริงๆ หรือไร
เปรียบกับสยงเทียนคุนผู้งดงาม เจ้าหมอนี่คือมูลสุนัขกองหนึ่ง จินเฟยเหยาสงสัยอย่างรุนแรง ถ้าล้างแป้งหอมทิ้ง บนคางของเจ้าหมอนี่เกรงว่าคงเป็นหนวดเคราทั้งหมด มิน่าเล่าน้ำเสียงจึงประหลาดแบบนี้ บุรุษปลอมเป็นสตรีเอ่ยวาจาจะไม่ประหลาดได้หรือ
ส่วนท่านอ๋องคนนั้น จินเฟยเหยาต้องขอโทษไป๋เจี่ยนจู๋ที่เมื่อครู่ตนเองคาดเดาว่าท่านอ๋องเป็นบุรุษรูปงามเหมือนเขา ท่านอ๋องคนนี้คือสุกรที่น่าขยะแขยงตัวหนึ่ง ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าหน้ามีรอยแผลฝีดาษ ใบหน้ายังยุบลงไปราวกับเคยถูกวัวกระทืบมาก่อน ทั้งริมฝีปากยังหนาราวกับแขวนไส้กรอกเลือด[2]สองชิ้นไว้ข้างนอก
ตอนนั่งเห็นเพียงเสื้อผ้าผ่านม่านที่แขวนไว้นึกว่าเขามีรูปร่างสูงใหญ่ ที่จริงสูงเพียงห้าฉื่อกว่า ข้อสำคัญคือเติบโตด้านกว้าง นั่งอยู่ตรงนั้นทำให้คนเกิดภาพหลอนว่ารูปร่างสูงใหญ่
โชคดี ราชครูสองเพศมีพลังการบำเพ็ญเพียรเพียงขั้นสร้างฐานช่วงปลาย พลังการบำเพ็ญเพียรของท่านอ๋องคนนั้นไม่ถือว่าสูงนักเพียงแค่ขั้นหลอมรวมช่วงปลาย สำหรับจินเฟยเหยาที่ประมือกับจอมมารหลงที่อยู่ขั้นแปลงจิตมาหกสิบปี พลังการบำเพ็ญเพียรขั้นหลอมรวมช่วงปลายไม่นับว่าเป็นอะไร
จินเฟยเหยาสะกดความรู้สึกอยากฆ่าคนของตนเองไว้ รอดูพวกเขาสังเวยสิ่งล้ำค่า[3]อะไรนั่น ถ้าเป็นของดีนางจะไปเก็บก่อน ขจัดภัยให้ปวงชนก็ต้องได้รับสิ่งตอบแทนบ้าง
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะไปนำเครื่องเซ่นมาเดี๋ยวนี้” ราชครูบิดเอวพลางเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง ก็เหยียบอาวุธเวทที่เป็นรูปดอกเบญจมาศสีเหลืองอุจจาระอันน่าสะอิดสะเอียนเหาะเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง
ท่าทางราชครูคนนี้จะได้รับความโปรดปราน ทว่าสิ่งของที่ใช้สอยกลับไม่ค่อยดี จินเฟยเหยาเดาว่าท่านอ๋องคนนี้ต้องยากจนมากแน่ๆ คิดดูสิจะไม่ยากจนได้หรือ ซ่อนตัวอยู่ใต้ดินและเฝ้าสตรีและผู้บำเพ็ญเซียนที่สวมชุดบ่าวรับใช้ขุนนางตลอดเวลา
อีกทั้งหน้าตาอย่างเขาถ้าปรากฏตัวข้างนอก ข่าวคงแพร่ไปทั่วโลกวิญญาณเป่ยเฉินนานแล้ว ตอนนี้ไม่เคยได้ยินว่ามีคนหน้าตาแบบนี้ แสดงว่าเจ้าหมอนี่ใช้ชีวิตท่านอ๋องจนๆ อยู่ใต้ดินอย่างเดียวโดยไม่ได้หาเงินเลย
จินเฟยเหยาถึงกับคิดอย่างใจร้าย ของล้ำค่าชิ้นนั้น คงไม่ใช่ขาสัตว์ย่างนะ นางอาจจะหิวเกินไปหน่อย สมองจึงคิดถึงเรื่องอาหาร แววดุร้ายในดวงตายิ่งเห็นได้ชัดเจนขึ้น
“เจ้าปิศาจร้าย! ไปตายเสียเถอะ ข้าไม่ต้องการสิ่งของแบบนี้ เอาไปแล้วก็รีบไสหัวไป!” ในถ้ำด้านบนพลันมีเสียงกรีดร้องดังมา จินเฟยเหยาเงยหน้าขึ้นมอง ราชครูกลับหิ้วทารกตัวน้อยๆ เหาะออกมาจากถ้ำแห่งหนึ่ง
พอประตูเหล็กปิด ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานก็พุ่งออกมาราวกับเสียสติไปแล้ว ดึงรั้วเหล็กพลางแหกปากร้องตะโกน “เจ้าพวกสารเลว! ขอเพียงข้ามีชีวิตรอดออกไปได้ ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไป!”
นำเด็กมาสังเวย? จินเฟยเหยาขมวดคิ้ว พวกเขาฝึกวิชาชั่วร้าย!
ราชครูหิ้วทารกคนนั้นกลับมาบนแท่นราบ ทารกร้องไห้งอแงตลอดเวลา เสียงเล็กๆ ราวกับแมวตัวหนึ่ง จินเฟยเหยากำหมัดตัดสินใจว่าจะช่วยทารกคนนี้ ต่อให้นางขยะแขยงก็ทนดูทารกที่เพิ่งเกิดออกมาสิบกว่าวันถูกฆ่าตายไม่ได้
ขณะที่นางเพิ่งก้าวไปข้างหน้าได้เพียงก้าวเดียว ก็ได้ยินราชครูอุ้มเด็กน้อยขึ้นพลางเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง ท่านดูบุตรชายคนนี้หน้าตาเหมือนท่านอ๋อง คาดว่าคงสืบทอดสายโลหิตมามาก”
ท่านอ๋องเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่เข้ากับใบหน้าสักนิด “ข้าดูหน่อย อืม เหมือนข้าอย่างไรอย่างนั้นจริงๆ”
จินเฟยเหยามองทารกคนนั้นอย่างตกตะลึงและเกือบจะกระอักโลหิตออกมา ทารกที่เพิ่งอายุสิบกว่าวันคนนั้นหน้าตาเหมือนท่านอ๋องหมาจื่ออย่างไรอย่างนั้นจริงๆ มีใบหน้าที่เคยถูกวัวกระทืบเช่นกัน อายุยังน้อยๆ ก็มีริมฝีปากบวมหนา สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนคือ หน้าเขาไม่ได้มีหมาจื่อ[4] ทว่าอีกไม่กี่ปี ขอเพียงโตขึ้นอีกหน่อยทารกคนนี้ต้องเหมือนท่านอ๋องหมาจื่อราวกับพิมพ์เดียวกันแน่ๆ
พริบตา เท้าที่จินเฟยเหยาย่างก้าวออกไปก็หยุดลง หมายความว่าอย่างไร หรือว่าข้าต้องช่วยบุตรชายของท่านอ๋องหมาจื่อ? ลังเลจริงๆ จะช่วยหรือไม่ช่วยดีนะ! ช่วยกลับมาแล้วให้ท่านแม่ของเขาพากลับไปเลี้ยงหรือ?
สุดท้าย จินเฟยเหยาเงยหน้าขึ้นมองผู้บำเพ็ญเซียนสตรีคนนั้น ในดวงตาของนางไม่มีความห่วงใย มีเพียงความเกลียดชังอันไร้ที่สิ้นสุดราวกับทารกที่ตกอยู่ในมือราชครูเป็นสิ่งที่เหมือนปิศาจร้าย
ดังนั้น จินเฟยเหยาจึงหลุบตาลง
………………………………….
[1] เอวงูน้ำ หมายถึง รูปร่างเพรียวบาง
[2] ไส้กรอกเลือด เป็นอาหารที่สืบทอดกันมาของคนทางเหนือ ทำจากเลือดของสุกรหรือแพะใส่เกลือเพื่อไม่ให้แข็งตัวแล้วผสมกับเนื้อสุกรหรือแพะสับละเอียด หัวหอม เกลือเพื่อปรุงรส ขิง พริกไทยป่น และเครื่องเทศอื่นๆ แล้วยัดกลับเข้าไปในไส้ที่ล้างสะอาดแล้วให้แน่น ใส่ในหม้อต้มให้สุก
[3] สิ่งล้ำค่า หมายถึง สิ่งของล้ำค่าตรงๆ หรือ บุตร ก็ถูกเรียกว่าเป็นสิ่งล้ำค่าเช่นเดียวกัน
[4] หมาจื่อ คือ ใบหน้าปุปะเหมือนเคยเป็นโรคฝีดาษมาก่อน