คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 226 ฮวาเวย หมาจื่อ
ท่านอ๋องหมาจื่อยืนอยู่บนศีรษะทารกสวรรค์สักดิ์สิทธิ์ ร่างครึ่งหนึ่งจมอยู่ในวิญญาณทารก บนร่างทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มีไอดำปกคลุม และยื่นสิ่งที่เหมือนหนวดมาทางจินเฟยเหยา
จินเฟยเหยาเก็บทงเทียนหรูอี้กลับมา มองไอดำที่ปกคลุมไปทั่วแล้วอดแย้มยิ้มไม่ได้ โชคดีจริงๆ ปล่อยไอดำออกมามากมายขนาดนี้ ถ้าเจ้าเปลี่ยนเป็นสีอื่น ข้ายังจัดการลำบากอยู่บ้าง
หลังทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ปีนขึ้นมาทั้งตัว จินเฟยเหยาจึงสังเกตเห็น คิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นร่างสามส่วน ตลอดร่างมีเพียงหัวที่มีขนาดใหญ่ นั่นมิใช่ร่างกายของทารกหรือ มิน่าเล่าจึงเรียกว่าทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
ทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แบกศีรษะขนาดใหญ่ ส่ายไปส่ายมาจนแทบจะยืนไม่มั่นคง ไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งของแบบนี้จะจัดการกับศัตรูอย่างไร มันพลันตบศีรษะอย่างแรง แสงสีดำบนศีรษะลอยขึ้นแล้วแสงแห่งความตายสีดำมืดสายหนึ่งก็ยิงมา
จินเฟยเหยาไม่ล่าถอยแต่กลับรุกคืบ ให้ทงเทียนหรูอี้ออกมากลายเป็นโล่หนาสองชิ้นสกัดแสงแห่งความตายสีดำไว้ ทงเทียนหรูอี้ส่งเสียงดังกึกๆ โล่ทงเทียนหรูอี้ชิ้นหนึ่งในนั้นส่งเสียงแปลกประหลาดออกมา จินเฟยเหยารีบใช้การรับรู้ตรวจสอบดู ขอบของทงเทียนหรูอี้ชิ้นนี้ปรากฏรอยแตกเล็กๆ สายหนึ่ง
แสงแห่งความตายอันร้ายกาจ! จินเฟยเหยาตกตะลึงในใจ ของวิเศษแก่นชีวิตเชื่อมโยงกับจิตใจของตนเอง ถึงแม้ตอนนี้รอยแตกมีขนาดเล็ก ทว่าก็เสียหายไม่เบา
ในเวลานี้เอง แสงสีดำแห่งความตายหยุดลงชั่วคราว จินเฟยเหยาอ้าปากเก็บทงเทียนหรูอี้สองชิ้นหล่อเลี้ยงไว้ในห้วงการรับรู้ จากนั้นนางพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว บุกเข้าไปในขอบเขตไอดำ
“อ๊า! ข้าขอเสี่ยงกับเจ้าแล้ว!” จินเฟยเหยาร้องตะโกนเสียงแหลม เห็นตลอดร่างของนางถูกเปลวเพลิงสีดำห่อหุ้มไว้ ในสายตาของคนอื่นเหมือนนางติดกับดักของทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
อวี้จูยิ่งร้องตะโกนอย่างตื่นตระหนก “ผู้อาวุโส!”
เปลวเพลิงสีดำนี้ พอเห็นก็รู้ว่ามิใช่สิ่งของในแนวทางอันเที่ยงธรรม ถ้าผู้อาวุโสจินถูกเปลวเพลิงสีดำเผาตาย พวกเรายังมีหวังจะหนีรอดออกไปได้หรือ ผู้บำเพ็ญเซียนสตรีที่เดิมทียังตะโกนอย่างยินดี ทุกคนหุบปากอย่างตกใจ ถึงสองสามวันนี้เห็นทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้วรู้สึกว่าน่ากลัวและน่าขยะแขยง แต่คิดไม่ถึงว่าจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ หรือว่าแม้แต่ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมก็ทำอะไรมันไม่ได้!
ขณะที่บรรดาผู้บำเพ็ญเซียนสตรีกำลังสิ้นหวัง ท่านอ๋องหมาจื่อกลับรู้สึกงุนงง เปลวเพลิงสีดำบนร่างของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมคนนี้คืออะไร ทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์น่าจะไม่มีกระบวนท่านี้
“อ๊า!” จินเฟยเหยาพุ่งวูบลงใต้ร่างทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เปลวเพลิงสีดำพุ่งทะยานขึ้นกลางอากาศกลายเป็นสัตว์ร้ายอ้าปากกว้างตัวหนึ่ง สัตว์ร้ายสีดำสนิทเพียงเผยหัวออกมาอ้าปากกัดทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
บนศีรษะของทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ยิงแสงสีดำสายหนึ่งออกมา หัวของสัตว์ร้ายก็ถูกผ่ากลายเป็นสองส่วน หลังแสงแห่งความตายสีดำผ่านพ้นสัตว์ร้ายก็รวมตัวขึ้นใหม่ มันวนเวียนมองดูทารกสวรรค์ศักดิสิทธิ์ราวกับกำลังหาที่งับเหมาะๆ
เห็นการโจมตีไร้ผล ทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์พลันส่งเสียงเด็กร้องไห้อันเศร้าสร้อยออกมา แสงสีดำแห่งความตายโจมตีใส่เปลวเพลิงสีดำที่กลายเป็นสัตว์ร้ายสายแล้วสายเล่า สัตว์ร้ายถูกโจมตีจนพรุนเป็นตะแกรง ทว่าก็ฟื้นกลับเป็นดังเดิมทันที แสงแห่งความตายของทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีประโยชน์
นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องหมาจื่อใช้ความสามารถของทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เห็นกระบวนท่าแสงแห่งความตายไม่ได้ผล เขาก็ใช้กระบี่มังกรทองในมือกรีดนิ้วแล้วป้ายเลือดลงด้านบน จากนั้นยกกระบี่มังกรทองปักลงในกะโหลกศีรษะของทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
ทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ส่ายศีรษะอย่างเจ็บปวดจนเกือบจะสะบัดเขาลงมา วิญญาณแค้นของทารกแปดพันกว่าคนรวมกลุ่มกันทะยานขึ้นกลางอากาศกลายเป็นหน้าผีและพุ่งเข้าใส่สัตว์ร้าย ทั้งสองสิ่งต่อสู้พัวพันกัน เสียงร่ำไห้ของวิญญาณแค้นและเสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่อสู้กันยุ่งเหยิงภายในถ้ำ
ท่านอ๋องหมาจื่อเห็นปราณสีดำสองกลุ่มพัวพันกันกลางอากาศ ริมฝีปากหมูก็โค้งขึ้นนิดๆ แอบกระหยิ่มยินดีในใจ วิญญาณแค้นของทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ของตนเองไม่เหมือนกับวิญญาณแค้นอื่นๆ มีเพียงเคล็ดวิชาเทพพลังหยางบริสุทธิ์และเพลิงวิญญาณนรกที่เป็นหยินสุดขั้วจึงสามารถสะกดข่มได้ อีกทั้งขอเพียงสามารถรวบรวมทารกได้หนึ่งหมื่นคน ต่อให้พบกับเคล็ดวิชาเทพพลังหยางบริสุทธิ์และเพลิงวิญญาณนรกก็จะไม่ถูกสะกดข่มอีก
เคล็ดวิชาเทพพลังหยางบริสุทธิ์มีเพียงผู้บำเพ็ญเซียนบุรุษที่มีพลังหยางบริสุทธิ์จึงสามารถฝึกปรือได้ ในหนึ่งล้านคนไม่แน่ว่าจะปรากฏขึ้นสักคน เขาไม่เกรงกลัวว่าบนร่างของสตรีเหล่านี้จะมีเคล็ดวิชาเทพพลังหยางบริสุทธิ์ ส่วนเพลิงวิญญาณนรกยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง นั่นเป็นเคล็ดวิชาที่เผ่ามารใช้ เผ่ามนุษย์ไม่มีใครใช้เป็น เป็นผู้บำเพ็ญเซียนสตรีขั้นหลอมรวมช่วงต้นตัวเล็กๆ คนหนึ่งก็คิดจะต่อกรกับทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ของข้า ดูสิว่าเจ้าจะตายอย่างไร!
ทว่าเรื่องต่อมากลับเหนือความคาดหมายของเขา ไอสีดำสองกลุ่มพัวพันกัน วิญญาณแค้นของเขากลับหดเล็กลงอย่างช้าๆ หน้าผีที่เกิดจากการรวมตัวของวิญญาณแค้นแปดพันกว่าดวง เริ่มเปลี่ยนจากขนาดใหญ่กลายเป็นขนาดเล็ก คิดไม่ถึงว่าจะถูกสัตว์ร้ายสีดำกลืนกิน
ทว่าในเวลานี้ เปลวเพลิงสีดำดวงหนึ่งก็เหยียบเนื้อติดกระดูกของทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้วกระโดดขึ้นมา ปรากฏตัวด้านหลังท่านอ๋องหมาจื่อทันที ท่านอ๋องหมาจื่อหันหน้ามาเห็นใบหน้ายิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นในเปลวเพลิงสีดำรางๆ
มังกรทองในเสื้อคลุมมังกรทองเหาะวนเวียนโดยอัตโนมัติ ทว่าจินเฟยเหยาไม่ได้นำทงเทียนหรูอี้ออกมา ตรงกันข้ามกลับอ้าแขนโอบกอดมังกรทองโดยตรง เปลวเพลิงสีดำทะยานสู่ฟ้า มังกรทองถูกเปลวเพลิงสีดำกลืนกินในพริบตา
บนเสื้อคลุมมังกรทองของท่านอ๋องหมาจื่อผนึกตัวเป็นผลึกสีดำหนึ่งชั้นทันที พลังปราณอันหนาวเหน็บสุดขั้วทะลักเข้ามาในร่างของเขา
“แกร่ก!” ผลึกสีดำบนเสื้อคลุมมังกรทองส่งเสียงดัง เสื้อคลุมมังกรทองแตกละเอียดไปพร้อมผลึกสีดำ ร่วงกระจายลงบนหัวกะโหลกของทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ มังกรทองในอ้อมอกจินเฟยเหยาก็หายไป ท่านอ๋องหมาจื่อพยุงตัวบนกระบี่พันมังกรทองที่ปักเข้าไปในกะโหลกศีรษะทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ แลเห็นเปลวเพลิงสีดำกลุ่มนั้นมาถึงเบื้องหน้าก็ใช้มือคว้าบนลำคอของตนเอง
ชิ้นผลึกสีดำตามคอของเขาแผ่ขยายออกไปทั่วร่างทันที หนาวเหน็บจนแม้แต่การรับรู้ก็ถูกความเย็นแผดเผา ทำให้สติของเขาเริ่มรางเลือน เหตุการณ์ในชีวิตเริ่มไหลผ่านเบื้องหน้าของเขาไปราวกับโคมม้าวิ่ง
นั่นเป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อใดนะ? น่าจะเป็นตอนที่ตนเองยังเป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณ
ตนเองในตอนนั้นเป็นเพียงผู้บำเพ็ญเซียนอิสระเล็กๆ ที่ไร้คุณสมบัติ ไร้เงินทอง และไร้อำนาจ กลับได้พบกล่องใบหนึ่งโดยบังเอิญ มีกระบี่มังกรทองและเสื้อคลุมมังกรทองใส่ไว้ด้านใน และสิ่งที่ใส่รวมกับของวิเศษสองชิ้นนี้ ยังมีแผ่นไม้ไผ่โบราณที่จดบันทึกเหตุการณ์ของราชวงศ์ต้งหวงม้วนหนึ่ง คือป้ายหยกที่หลอมสร้างทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ที่น่าเสียดายคือ ด้านในกลับไม่มีเคล็ดวิชาและศิลาวิญญาณใดๆ ตนเองยังเป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวเล็กๆ ที่มีชีวิตยากจนข้นแค้นดังเดิม
ทว่าเมื่อตนเองสวมเสื้อคลุมมังกรทองลงบนร่างและสังหารผู้บำเพ็ญเซียนมากมายสำเร็จ ทั้งยังได้วงเวทหลบหนีสวรรค์ชุดหนึ่งมาโดยบังเอิญ ใช้เวลาสิบปีสร้างวังใต้ดินแห่งนี้ขึ้นอย่างเงียบๆ ขอเพียงใช้วงเวทหลบหนีสวรรค์ แม้แต่การรับรู้ของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ก็ยังหาวังใต้ดินแห่งนี้ไม่พบ
ขอเพียงทำตามที่บอกในนั้น ใช้ทารกที่มีสายโลหิตเกี่ยวพันหนึ่งหมื่นคนหลอมสร้างทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ละวันจะได้ของเหลววิญญาณร้ายหนึ่งหยดจากร่างทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ อาศัยสิ่งนี้จึงสามารถฝึกเคล็ดวิชาหมื่นหยินในกระดูกทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้ การบรรลุขั้นกำเนิดใหม่ของตนเองก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด ข้าคือทายาทต้งหวง ต้งหวงในยามนั้นสามารถอาศัยทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ปกครองโลกวิญญาณเป่ยเฉินมานับพันปี ข้าก็สามารถทำได้!
การมีทารกที่เกี่ยวพันทางสายโลหิตไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด ตนเองจับตัวผู้บำเพ็ญเซียนสตรีที่อยู่โดดเดี่ยวมาหลายคนก่อน ใช้คัมภีร์แตกกิ่งก้าน[1]ในป้ายหยกทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทำให้พวกนางตั้งครรภ์ จากนั้นเป็นต้นมา ตนเองก็เริ่มใช้ชีวิตอยู่ในโลกใต้ดินแห่งนี้ สตรีที่จับมายิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที
เห็นตนเองมีสตรีมากมายปานนี้ ทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งมากขึ้นทุกที ตนเองมีความสุขหรือไม่? ความรู้สึกอันเลือนรางสายตาของท่านอ๋องหมาจื่อตกลงบนร่างของราชครูที่ถูกฟันเป็นสองท่อนผ่านผลึกสีดำอันโปร่งใส ไม่! ข้าไม่มีความสุขมาตลอด หลังมีฮวาเวย ข้าจึงมีความสุขอย่างแท้จริง
ฮวาเวย…
ความคิดของท่านอ๋องหมาจื่อหวนกลับไปยังหลายสิบปีก่อน เขาที่เพิ่งเป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวม ออกมาขายสิ่งของในตัวผู้บำเพ็ญเซียนสตรีที่จับมากลับถูกเงาหลังหนึ่งดึงดูดสายตาไว้ เส้นผมยาวสีดำสนิท เรือนร่างบอบบาง นั่นเป็นวันที่เขาได้พบกับราชครูฮวาเวย
อาจจะเป็นวาสนาในชาติก่อนจึงถูกภูติเทพดลใจให้ท่านอ๋องหมาจื่อและผู้บำเพ็ญเซียนบุรุษที่ชื่อฮวาเวยคนนี้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน และเป็นไปได้ว่าฮวาเวยที่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณในตอนนั้นอยากจะหาผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมสักคนมาเป็นโล่ให้กับตนเอง ถึงในสายตาของผู้อื่น ใบหน้าของฮวาเวยหลังใช้ไฟเผาแล้วจะงดงามกว่าเดิม รื่นหูรื่นตากว่าเดิม ทว่าไม่กระทบถึงความงดงามของเขาในสายตาของท่านอ๋องหมาจื่อ
พวกเขาสองคนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกัน จับตัวผู้บำเพ็ญเซียนสตรีด้วยกัน ฟังเสียงร้องไห้ของพวกนางด้วยกันพลางดื่มสุราหยอกล้อกัน
ฮวาเวยริษยาผู้บำเพ็ญเซียนสตรีเหล่านั้นที่สามารถตั้งครรภ์ให้ท่านอ๋องหมาจื่อได้ เขาจึงทรมานพวกนาง ที่สำราญมากที่สุดคือนำทารกเหล่านั้นไปสังเวยด้วยตนเอง
“ท่านอ๋อง เหตุใดข้าจึงไม่ใช่สตรี ข้าก็อยากให้กำเนิดองค์ชายให้ท่านอ๋อง ข้าอยากร่วมเป็นร่วมตายกับท่านอ๋อง อยากจะบรรลุขั้นมหายาน ข้ามด่านเคราะห์ และเหาะขึ้นสู่สวรรค์กับท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ท่านว่าข้างดงามหรือไม่?”
“ฮวาเวย…” ในดวงตาของท่านอ๋องหมาจื่อ ปรากฏโฉมหน้าอันงดงามดั่งดอกไม้ของราชครูฮวาเวย เขาเรียกชื่อฮวาเวยด้วยเสียงอู้อี้ในลำคอ
“ตายเสียเถอะ!” ทว่าสิ่งที่ตอบรับเขา มีเพียงเสียงที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกใดๆ ของจินเฟยเหยา พอท่านอ๋องหมาจื่อถูกจินเฟยเหยาบีบก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ไปตามผลึกที่ผนึกขึ้นจากไฟนรกราวกับบี้มดตัวหนึ่งตาย
จินตันขนาดเท่าเหอเทา[2]เม็ดหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ หลังสั่นเล็กน้อยก็เตรียมจะหลบหนี ถูกจินเฟยเหยายืนมือไปคว้ากลับมา เวลานี้ วิญญาณแค้นของทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ถูกสัตว์ร้ายกลืนกินจนเกลี้ยง ท่านอ๋องหมาจื่อหายไปแล้ว โครงกระดูกอันเป็นประกายของมันก็ร่วงจากที่สูงกลางอากาศและแตกละเอียดกลายเป็นกองเศษกระดูกดังเพล้งราวกับเครื่องลายครามที่แตกหักง่าย
ต้านิวและพั่งจื่อยังไล่ล่าสังหารลูกสมุนของท่านอ๋องหมาจื่อ ลุกสมุนส่วนมากตายหมดแล้ว เหลือเพียงสิบกว่าคนที่ยังดิ้นรนอย่างลำบาก
จินเฟยเหยาถ่ายทอดเสียงไปอย่างเย็นชา “สังหารให้หมด อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!” พอพวกมันสองตัวได้รับคำสั่ง ยิ่งเคลื่อนไหวเร็วขึ้น เกรงว่าคนเหล่านี้จะพาร่างที่บาดเจ็บหลบหนีไปได้ ทั้งสองตัวจึงโยนน้ำพิษที่หอมหวานทั่วร่างออกมาทำให้ลูกสมุนที่ถูกพิษร้องโหยหวนไม่หยุด
ไฟนรกบนร่างล่าถอยไป จินเฟยเหยากำจินตันของท่านอ๋องหมาจื่อแน่นและมองผู้บำเพ็ญเซียนสตรีที่พูดไม่ออกเหล่านั้น นางสูดลมหายใจลึกๆ แล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ! เจ้าหมอนี่ถูกทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นย้อนกลับมากลืนกินตนเอง วิญญาณแค้นด้านในแบ่งเป็นสองพวกและต่อต้านกันเอง ข้ายังนึกว่าจะตายแน่ๆ เสียแล้ว คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่ถูกสิงร่าง โชคดีจริงๆ! สมน้ำหน้าเจ้าหมอนี่ ทำเรื่องชั่วก็ได้รับกรรมชั่วตามสนอง!”
อวี้จูได้สติขึ้นมาเป็นคนแรก ตะโกนลั่นอย่างตื่นเต้น “ผู้อาวุโสจิน! ท่านไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ข้ายังนึกว่าท่านจะช่วยพวกเราไม่ได้เสียอีก!”
“ดียิ่งนัก! พวกเรารอดแล้ว!” ในถ้ำรอบด้านมีเสียงยินดีดังขึ้น บรรดาผู้บำเพ็ญเซียนสตรีทั้งหัวเราะทั้งปีติยินดีราวกับเป็นบ้าไปแล้ว
“ทุกคนไม่ต้องห่วง ข้าจะปล่อยพวกเจ้าออกมาทันที เขาใช้เคล็ดวิชาสำนักมารฆ่าตัวตายแล้ว!” จินเฟยเหยาโบกมือไปรอบๆ ราวกับวีรบุรุษ พลันพบว่าก่อนหน้านี้ใช้พลังวิญญาณมากเกินไปท้องหิวขึ้นมาอีกแล้ว
และไม่ใช่หิวธรรมดา ทว่าหิวจนตอนนางจ้องมองอวี้จูในดวงตาเกิดภาพหลอนว่านางเป็นหมูย่างตัวหนึ่ง แย่แล้ว! ในตัวยังมีของกินอะไรบ้าง! จินเฟยเหยาควบคุมความรู้สึกหิวโหยอย่างเต็มที่เริ่มค้นหาของกินบนร่าง
………………………………
[1] แตกกิ่งก้านสาขา หมายถึง มีลูกมีหลาน
[2] เหอเทา คือ วอลนัต