คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 258 ท่านพ่อข้า
มือของเด็กน้อยยื่นมา อานุภาพกดดันบีบคั้นมาจากด้านหน้า เวทหนีไฟนรกของจินเฟยเหยาถูกผนึกไว้ชั่วขณะ นางได้แต่หยุดลง จากนั้นคำรามใส่จู๋ซวีอู๋อย่างเดือดดาล “พี่จู๋! การคบหาระหว่างท่านกับข้าเป็นเช่นนี้หรือ คิดไม่ถึงว่าท่านจะสังหารข้าให้ตาย!”
“เจ้ากินหยวนอิงต่อหน้าทุกคน จะถูกผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์ล่าสังหาร เจ้าตามข้าไป ขอเพียงจัดการเทาเที่ยในร่างของเจ้าทิ้ง ข้ารับรองว่าจะไม่มีใครทำให้เจ้าลำบากใจ!” จู๋ซวีอู๋มองนางอย่างสงบนิ่ง ปราศจากท่าทางขี้เล่นในยามปกติ
จินเฟยเหยาก็ตอบอย่างเย็นชา “ท่านรู้แต่แรกว่าในร่างข้ามีเทาเที่ย ท่านกลับแสร้งเป็นไม่รู้มาตลอด อีกทั้งตอนนี้ท่านยังบอกว่าจะกำจัดเทาเที่ยทิ้ง จะกำจัดอย่างไร? ทำลายจินตันของข้า ทำให้ข้าติดอยู่ที่ขั้นสร้างฐานชั่วชีวิตหรือ?”
“ต่อให้อยู่ขั้นสร้างฐานชั่วชีวิตแล้วอย่างไร เจ้าต้องการสิ่งใดข้าก็จะมอบให้ เจ้าคิดจะอยู่อย่างไรก็ได้ทั้งนั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลังจากเทาเที่ยเป็นรูปร่าง จะนำพาความยุ่งยากมากมายเพียงใดมาให้แต่ละโลก!” ราวกับจู๋ซวีอู๋คิดจะถกเหตุผลกับนาง
จินเฟยเหยาไม่รับฟังอีกต่อไป “ข้าต้องการอะไรก็จะให้? สถานที่ซึ่งกินข้าวเพียงไม่กี่มื้อก็คิดจะไล่ข้าออกไป ข้ายังเชื่อถือได้หรือ? สร้างฐานแล้วอย่างไร ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดท่านจึงกล้าอยู่ในรูปโฉมของเด็กน้อยชั่วชีวิต เพราะตัดใจจากเคล็ดวิชาที่ทำให้ร่างกายมีปัญหาไม่ได้มิใช่หรือ”
“ฮึ เรื่องที่ตนเองทำไม่ได้ ท่านยังขอร้องให้ผู้อื่นกระทำได้อย่างไร อีกทั้งต่อให้ข้ากลายเป็นเทาเที่ย ก็เป็นความยินยอมของข้า สร้างความหายนะให้แต่ละโลกแล้วอย่างไร เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ขอเพียงคงอยู่ก็มีเหตุผลของการคงอยู่ พวกท่านเพียงไม่อยากให้เทาเที่ยมีชีวิตอยู่ฝ่ายเดียว มีสิทธิ์อะไรที่พวกท่านสามารถมีชีวิตอยู่ได้ แต่ข้ามีชีวิตอยู่ไม่ได้!” จินเฟยเหยาเชิดหน้าขึ้น มองจู๋ซวีอู๋แต่ไกล หยวนอิงที่กลืนลงไปเมื่อครู่ดูเหมือนจะมีปริมาณมากไปหน่อย ท้องจึงรู้สึกไม่ค่อยสบาย
ทันใดนั้น นางก็ก้มหน้าคายน้ำเปรี้ยวๆ ออกมาเล็กน้อย จินเฟยเหยาเช็ดปาก มีสีหน้าปั้นยากอยู่บ้าง โชคดีที่หยวนอิงกลายเป็นของเหลวเช่นเดียวกับจินตันแล้ว ไม่เช่นนั้นถ้าคายออกมานางมิเสียดายแทบตายหรือ
“เสี่ยวจิน เจ้าอย่าได้ยึดมั่นไม่ยอมตื่นรู้ ข้าจะช่วยเจ้าจริงๆ เจ้ากลับมาก่อนเถอะ!” สายตาจู๋ซวีอู๋แน่วนิ่ง มือของเด็กน้อยด้านหลังยื่นไปหานางแบบบดบังตะวันจันทรา
จินเฟยเหยากัดฟัน ยื่นมือหาจู๋ซวีอู๋พลันตะโกนลั่น “นรกกลืนวิญญาณ!” นรกดำพลิกฟ้าหมอกสีดำผืนหนึ่งพลันปรากฏและปกคลุมจู่ซวีอู๋ไว้ภายใน
จากนั้นจินเฟยเหยาไม่ได้คิดจะใช้นรกกลืนวิญญาณทำอย่างไรกับจู๋ซวีอู๋ และนางก็ไม่มีความสามารถจะทำอะไรเขาได้ ทว่าฉวยโอกาสที่หมอกดำบดบังสายตาและการรับรู้ของเขา รีบสาวเท้าวิ่งหนีไป
นางคิดจะใช้เวทหนีไฟนรกหลบหนีออกไป พอหมุนตัวก็ชนเข้ากับอกของผู้บำเพ็ญเซียนคนหนึ่ง พอเงยหน้าขึ้นมอง เป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ที่ถูกหงควบคุม เจ้าหมอนี่มีหุ่นเชิดมีชีวิตมากเพียงใดกันแน่! อีกทั้งยังมาขวางทางข้าทำไม จินเฟยเหยาอดด่าทอไม่ได้ เอียงกายคิดจะไถลไปด้านข้างของเขา
“ข้ารู้สึกว่ารถเทียมสัตว์เซี่ยงซู่ไม่ค่อยโดดเด่นมาตลอด ได้เจอเจ้าเข้าพอดี ข้าคิดว่ารถเทียมเทาเที่ยน่าจะพอฝืนใจคู่ควรกับข้าได้” หงหรี่ตาพินิจดูจินเฟยเหยาราวกับเลือกสัตว์เลี้ยงในร้านสัตว์ภูติ
“เจ้าตายแล้วไปฝันกลางวันเถอะ” เส้นทางถอยที่จินเฟยเหยาสร้างขึ้นอย่างยากเย็นถูกปิดสกัดไว้ จึงอดด่าทอเสียงดังลั่นไม่ได้ “ถ้าเจ้าว่างขนาดนี้ทำไมไม่ไปจัดการกับคนอื่น มาล้อมข้าไว้ทำไม ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังยุ่ง”
สิ้นเสียงด่าทอ หมอกดำที่แสร้งทำท่าไปอย่างนั้นเองของเวทนรกกลืนวิญญาณก็ถูกจู๋ซวีอู๋โจมตีทำลาย มือที่มีอานุภาพกดดันของเด็กน้อยยื่นมาแล้ว ถ้ายังไม่คิดหาวิธีอีกจะถูกจับตัวกลับไป
“ถอยไป นี่คือสัตว์เทียมรถของข้า” หงพลันตวาดเสียงเย็นชา ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่สองคนสลัดคู่ต่อสู้ทิ้ง แล้วโจมตีเด็กน้อยของจู๋ซวีอู๋โดยไม่สนใจอันตรายด้านหลัง
ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่สองคนลงมือ ต่อให้จู๋ซวีอู๋ร้ายกาจกว่านี้ การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำลายมือของเด็กน้อยที่ยื่นออกมาได้ อีกทั้งยังเข้าไปพัวพันจู๋ซวีอู๋ไว้ จู๋ซวีอู๋แยกร่างไม่ได้จึงติดพันอยู่กับหุ่นเชิดขั้นกำเนิดใหม่สองคน
ส่วนจินเฟยเหยาฉวยโอกาสนี้คิดจะหลบหนี พลันรู้สึกว่าลำคอถูกบางสิ่งคว้าไว้ ไอมารอันเยียบเย็นหลั่งไหลเข้าสู่ภายในร่างของตนเองทำให้นางหวาดกลัวจนต้องร้องตะโกนเสียงดัง “เดี๋ยวก่อน! ท่านจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้ ใต้เท้าหลงคือท่านพ่อของข้า ถ้าเจ้าทำให้ข้ากลายเป็นหุ่นเชิดมีชีวิต เขาจะฆ่าเจ้า!”
“หืม?” หงที่เพิ่งคิดจะทำให้จินเฟยเหยาเป็นหุ่นเชิดจากนั้นเลี้ยงเทาเที่ยจนโตแล้วเอามาเทียมรถพลันนิ่งอึ้งไปทันที
เดิมพันได้ถูกต้อง! จินเฟยเหยารู้สึกว่าไอมารอันเยียบเย็นที่กัดกร่อนตนเองหยุดลง ในใจก็โล่งอก เผ่ามารมีการแบ่งแยกระดับชั้นอย่างชัดเจนจริงๆ ชื่อของจอมมารหลงใช้ประโยชน์ได้
“เจ้าหลอกข้า!” หงตะลึงงันนิดหนึ่ง แล้วกลับคืนสู่ท่าทางปกติทันที ไอมารรุกรานจินเฟยเหยาเพราะอับอายจนกลายเป็นโทสะ
“สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง! ท่านแม่ของข้าเป็นผู้บำเพ็ญเซียนสตรีที่ปล่อยใต้เท้าหลงไปในโลกวิญญาณเป่ยเฉิน ต่อมาพวกเขาสองคนมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน หลังใต้เท้าหลงกลับไปโลกเผ่ามาร ท่านแม่จึงให้กำเนิดข้า ข้ามีหลักฐาน!” จินเฟยเหยารู้สึกได้ว่าหงมีโทสะหลังตนเองถูกหลอกจึงรีบตะโกนเสียงดัง
เผ่ามารและเผ่ามนุษย์ในสนามรบล้วนได้ยินคำพูดของนาง คิดไม่ถึงว่าจินเฟยเหยาจะเป็นบุตรสาวนอกกฎหมายของจอมมารหลง มิน่าเล่านางจึงกินหยวนอิงของผู้บำเพ็ญเซียน อีกทั้งยังมีไฟนรกสีดำ นี่เป็นเวทมนตร์ที่เป็นป้ายยี่ห้อของจอมมารหลงมิใช่หรือ
ผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ ไม่รู้จักจินเฟยเหยาจึงเชื่อคำพูดของนางไปแล้วแปดส่วน ทว่าคนของตำหนักซวีชิงหลังจากชะงักไปนิดหนึ่งก็เข้าใจทันทีว่ายายนี่กำลังพูดจาเหลวไหล
พวกเขาเคยพบนางที่โลกระดับดิน ตอนนี้เป็นยายแก่อายุร้อยกว่าปี ส่วนจอมมารหลงเพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาได้เจ็ดสิบแปดสิบปี เกรงว่าคนที่ปล่อยจอมมารหลงออกมาคงเป็นยายนี่เสียแปดส่วน ตอนนี้จึงแต่งเรื่องโกหกอย่างลื่นไหลเพื่อเอาชีวิตรอด หรือนางไม่รู้ว่า ถ้าคนเชื่อว่านางเป็นบุตรสาวของจอมมารหลงจริงๆ นางยังจะสามารถปรากฏตัวในโลกเผ่ามนุษย์ได้อยู่อีกหรือ!
ปู้จื้อโหยวที่ซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ปลอดภัยแล้วแอบมองดูมีเหงื่อออกเต็มศีรษะ เขาไม่อาจเปิดเผยฐานะให้ทุกคนรู้ได้ ได้แต่แอบมองอยู่ในที่ลับ พอได้ยินคำพูดของจินเฟยเหยาเขาก็รู้สึกหนาวเยือกแผ่นหลัง นึกออกว่าหลังจากที่ท่านลุงของตนเองรู้เรื่องนี้ ถ้ามีโทสะมากไม่แน่ว่าอาจจะบีบให้เขายิ้ม พอนึกถึงรอยยิ้มของจอมมารหลง ปู้จื้อโหยวก็ส่ายศีรษะทันที ชั่วชีวิตนี้เขาไม่อยากเห็นอีก
หงยังไม่ยอมเชื่อ เขาไม่เชื่อว่าใต้เท้าหลงจะโปรดปรานสตรีเผ่ามนุษย์ ถ้าจินเฟยเหยานำหลักฐานออกมาไม่ได้ ต่อให้นางเป็นร่างของเทาเที่ย เขาก็จะสังหารนางเสียที่นี่เพื่อคืนความบริสุทธิ์ให้ใต้เท้าหลง
ดังนั้นเขาจึงใช้น้ำเสียงเยียบเย็นจนสามารถแช่แข็งคนได้เอ่ยว่า “หลักฐานอะไร!”
“ท่านรอเดี๋ยว!” จินเฟยเหยาค้นในถุงเฉียนคุน หยิบเกาะลอยได้เล็กๆ ออกมา ใช้สองมือประคองให้หง “ท่านดู นี่คือเกาะลอยได้เล็กๆ ของใต้เท้าหลง ถ้าท่านคุ้นเคยกับเขา ต้องรู้จักแน่!”
นางนึกว่าหงจะจดจำสิ่งนี้ได้ แต่คิดไม่ถึงว่า นี่เป็นสิ่งที่จอมมารหลงใช้เมื่อวัยหนุ่ม ต่อมาเขาก็ใช้พวกภูเขาเห็ดมาตลอด เกาะลอยได้เล็กๆ แห่งนี้คือของเล่นในวัยเยาว์ หงซึ่งมีฐานะเป็นผู้เยาว์รุ่นหลังจะรู้จักได้อย่างไร
“ไม่เคยเห็น เจ้าตายเสียเถอะ” ในดวงตาของหงเคร่งเครียด เอ่ยตอบเสียงเย็นชา
นึกว่าเจ้าหมอนี่เป็นคนใกล้ชิดของจอมมารหลง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพียงคนแปลกหน้า จินเฟยเหยาได้แต่ตะโกนเสียงดัง “ข้ายังมีหลักฐานอื่นอีก ข้ารู้ว่าหลานชายของเขาคือใคร เขาไม่เพียงมอบไฟนรกให้ข้า ยังสอนเคล็ดวิชาสร้างร่างมารให้ข้า หรือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นหลักฐานไม่ได้ จริงสิ ด้านล่างตันเถียนของเขามีไฝ! นี่…นี่เป็นสิ่งที่ท่านแม่ข้าบอก”
ด้านล่างตันเถียนของใต้เท้าหลงมีไฝ? หงลังเล เรื่องส่วนตัวเช่นนี้ก็รู้ หรือว่าจะเป็นบุตรสาวของใต้เท้าหลงจริงๆ!
“พวกเจ้าสองคนเฝ้านางไว้ ถ้ากล้าหลบหนีก็สังหารทิ้ง!” หงพลันชี้นิ้วไปบนรถเทียมสัตว์ จินเฟยเหยาก็ลอยไปตกบนรถเทียมสัตว์อย่างหนักหน่วง ส่วนสาวน้อยชนชั้นสูงสองคนบนรถเทียมสัตว์ก็รับคำ ทำท่าง้างลูกธนูใส่นาง จินเฟยเหยารู้สึกว่าหัวใจมีโลหิตพลุ่งขึ้นมาราวกับมีบางอย่างคิดจะทะลวงออกจากหัวใจ รู้สึกไม่สบายอย่างยิ่ง
ใช้โลหิตเป็นลูกธนู คิดไม่ถึงว่าจะควบคุมโลหิตของอีกฝ่ายในความว่างเปล่าได้ จากนั้นเปลี่ยนแรงเป็นลูกธนูยาว มิน่าเล่าผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมคนเมื่อครู่จึงตายอย่างง่ายดายและไม่มีคนพบเห็นว่าลงมืออย่างไร ที่แท้ลูกธนูไม่ได้ยิงมาจากภายนอก ทว่าใช้โลหิตในหัวใจสร้างขึ้น
แต่สิ่งที่ทำให้จินเฟยเหยาโล่งอกนิดๆ คือคิดไม่ถึงว่าหงจะเชื่อสิ่งที่นางพูด ที่จริงสิ่งที่นางพูดล้วนเป็นความจริง ใต้เท้าหลงมีไฝด้านล่างตันเถียนจริงๆ วันที่ปล่อยใต้เท้าหลงออกมา เขาเปลือยกายไม่สวมอะไรเลยเป็นเวลานาน อย่าว่าแต่ไฝเลย เกรงว่าแม้แต่ขนาดก็เดาออก แต่จินเฟยเหยาไม่อยากพูดเรื่องนี้ให้หงฟัง ผู้ใดจะรู้ว่าเขาเคยเห็นขนาดของจอมมารหลงหรือไม่ ไม่ว่าจะเคยเห็นหรือไม่เคยเห็น ดูเหมือนถามแล้วจะเป็นเรื่องวอนหาที่ตาย
ตอนนี้หงไม่ว่างมายุ่งกับจินเฟยเหยา ผู้บำเพ็ญเซียนบนเรือเหาะไม่รอให้เรือจอดก็กระโดดลงมาเข้าร่วมการต่อสู้ หุ่นเชิดมีชีวิตจำนวนสี่ร้อยกว่าคนของเขาไม่พอใช้เสียแล้ว
เห็นเขาแสดงความสามารถอันยอดเยี่ยม สะบัดมือโยนหุ่นเชิดมีชีวิตอีกห้าร้อยตัวออกมา คุณภาพของหุ่นเชิดมีชีวิตในครั้งนี้แตกต่างออกไป เป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่เผ่ามนุษย์หนึ่งร้อยกว่าคนและสัตว์ปิศาจขั้นแปดขึ้นไปประมาณสี่ร้อยตัว ในจำนวนนั้นยังมีสัตว์ปิศาจขั้นเก้าสี่สิบห้าสิบตัว ไม่รู้ว่าใครช่วยจับมาให้เขา คิดไม่ถึงว่าจะจับสัตว์ปิศาจเป็นๆ มากมายขนาดนี้มาทำหุ่นเชิด
อลังการจริงๆ จินเฟยเหยากุมหัวใจด้วยสีหน้าขมขื่น มองหงเหาะอยู่กลางอากาศ โยนหุ่นเชิดมีชีวิตเกือบพันตัวได้เหมือนตอนมีชีวิตอยู่ หนึ่งคนกลายเป็นกองทัพ ถ้ามีคนที่มีพลังทำลายล้างแบบนี้มาอีกหลายคน จะให้ผู้อื่นมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร จินเฟยเหยาตำหนิเจ้าหมอนี่ในใจไม่หยุด สามารถแบ่งภาคควบคุมหุ่นเชิดมีชีวิตได้มากมายปานนี้ ต้องมีการรับรู้ที่แข็งแกร่งเพียงใด!
จู๋ซวีอู๋ยืนปักหลักต่อสู้อย่างทรหด ไม่ว่างมาจับตัวจินเฟยเหยาอีก นางจึงปลอดภัยที่สุดอย่างอธิบายไม่ได้
จินเฟยเหยาครุ่นคิด เปลี่ยนจากท่านอนเป็นนั่ง ยื่นมือไปคิดจะตบถุงสัตว์ภูติ สาวน้อยเผ่ามารสองคนมีสายตาดุร้าย ตวาดอย่างเย็นชาว่า “อย่าเคลื่อนไหววุ่นวาย ไม่เช่นนั้นจะสังหารเจ้าทิ้ง!”
“จะดุร้ายทำไม ข้าเพียงแค่คิดจะนำสัตว์ภูติออกมาให้ออกไปรวบรวมพวกจินตันและหยวนอิง ถ้าทิ้งไปเปล่าๆ เสียดายแย่ ก้อนหินที่ไม่ต้องดื่มกินอย่างพวกเจ้าคงไม่เข้าใจความรู้สึกขมขื่นของข้า” จินเฟยเหยากลอกตาใส่พวกนางอย่างอารมณ์ไม่ดีและพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“นางมารอย่างเจ้า คิดไม่ถึงว่าจะกินจินตันดื่มหยวนอิง ทั้งยังใช้คำโกหกหลอกลวงใต้เท้าหง พวกเราไม่เชื่อคำพูดของเจ้า” ราวกับคิดถึงภาพจินเฟยเหยากลืนกินหยวนอิงต่อหน้าทุกคนได้ สีหน้าของสาวน้อยเผ่ามารทั้งสองคนจึงดูย่ำแย่ยิ่งและข่มขู่นางด้วยสายตาดุร้าย
จินเฟยเหยาขมวดคิ้วเอ่ยว่า “พวกเจ้าสองคนบ้าหรือเปล่า ข้าไม่ได้คิดจะกินพวกเจ้าเสียหน่อย อีกอย่างหนึ่งข้าหลอกลวงใต้เท้าหงของพวกเจ้าเรื่องใด สิ่งที่ข้าพูดทั้งหมดเมื่อครู่เป็นความจริง อีกอย่างหนึ่งตามตำแหน่งแล้ว พวกเจ้ายังต้องเรียกข้าว่าใต้เท้าจิน ท่านพ่อของข้าคือใต้เท้าหลง ใต้เท้าหงของพวกเจ้าพบท่านพ่อของข้ายังต้องเรียกอย่างเคารพว่าใต้เท้าหลงเลย มีอะไรน่ากระหยิ่ม”
เห็นสายตาสงสัยอย่างหนักของพวกนางสองคน จินเฟยเหยาก็คุยโวอย่างไม่ละอาย “พวกเจ้าไม่ต้องใช้สายตาแบบนั้นมองข้า เพื่อความปลอดภัยและเพื่อท่านพ่อ ข้าจึงใช้แซ่ของท่านแม่”
จินเฟยเหยาอินกับบทแล้ว พอเอ่ยปากก็ทำเหมือนตนเองเป็นชนชั้นสูงเผ่ามารจริงๆ ยืนกรานว่าเรื่องที่นางพูดจาเหลวไหลเป็นความจริง นอกจากเรื่องนางเป็นบุตรสาวของจอมมารหลง เรื่องอื่นๆ ล้วนพูดได้ใกล้เคียงกับความจริง ทำให้สาวน้อยสองคนนี้เชื่อถือเช่นกัน
แต่การกระทำเมื่อครู่ของนางทำให้คนตกตะลึง สาวน้อยคนหนึ่งในจำนวนนั้นจึงเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ “ยังไม่ได้ตรวจสอบเรื่องราวให้กระจ่าง ห้ามเจ้าเคลื่อนไหววุ่นวาย ไม่เช่นนั้นจะยิงทะลุหัวใจของเจ้า กล้ากลืนหยวนอิงทั้งเป็นต่อหน้าทุกคน เจ้าอันตรายเกินไป ไม่รู้สึกว่าน่าขยะแขยงบ้าง!”
เดี๋ยวก็กินหยวนอิง เดี๋ยวก็กินต่อหน้าทุกคน จินเฟยเหยามีโทสะแล้ว คนชอบกินก็เป็นแบบนี้ เดิมทีก็กินเยอะอยู่แล้วจึงชิงชังที่ผู้อื่นมักจะบอกว่านางกินเยอะที่สุด เหมือนกับคนอัปลักษณ์ที่ไม่ชอบฟังผู้อื่นบอกว่าอัปลักษณ์
นางมองสาวน้อยสองคนนี้แล้วเอ่ยถามด้วยสายตาเย็นชา “ความหมายของพวกเจ้าคือข้าต้องหาสถานที่มีทิวทัศน์งดงาม จากนั้นนำหยวนอิงออกมาล้าง แล้วใส่เครื่องเทศปรุงอย่างพิถีพิถันหรือ? ข้ามีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นหลอมรวมช่วงต้น มันเป็นหยวนอิงของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ ถ้าข้าไม่ฉวยโอกาสกินมันตอนที่มันยังไม่ได้สติคืนมา หรือจะให้ข้าไปพูดคุยและถกเหตุผลกับมันแล้วไล่ตามไปหลายพันหลี่จึงได้กิน!” จินเฟยเหยาไม่ได้บอกว่าถ้ากินช้ากว่านี้ แล้วถูกหยวนอิงชิงร่าง ใครจะกินใครก็ยังไม่รู้เลย
ต่อให้พูดแบบนี้ สาวน้อยทั้งสองคนก็ไม่ให้จินเฟยเหยาเคลื่อนไหววุ่นวาย นางจึงนำพั่งจื่อและต้านิวออกมาไม่ได้ ส่วนในสนามรบตอนนี้สู้กันอย่างคึกคัก เมืองซันจือแตกแล้ว เห็นรอบด้านต่อสู้กันชุลมุน เนื่องจากหงมาอย่างกะทันหัน ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นแปลงจิตจึงไม่ได้มาเมืองซันจือทว่ายังอยู่ในรังเล็กๆ ของตนเอง
ส่วนทางเผ่ามารกลับมีผู้ฝึกบำเพ็ญขั้นแปลงจิตสองคนเคลื่อนไหว หงคือหนึ่งในจำนวนนั้น ส่วนอีกคนกลับอยู่ในเมืองซันจือ ไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง ต้นไม้ของเมืองซันจือกลับถูกทำลายจนเละเทะ ถึงต่อไปเผ่ามารยึดครองที่นี่ได้ บ้านต้นไม้ก็ไม่เหลือแล้ว แต่สิ่งที่เผ่ามารชำนาญที่สุดคือสร้างบ้านศิลา สิ่งที่เหมืองซันจือมีคือศิลาสีขาว ถ้ามีความสามารถ ขุดศิลาวิญญาณมาสร้างบ้านพร้อมกันก็ยังได้
จินเฟยเหยานั่งกุมทรวงอกที่เจ็บชาเป็นบางครั้งบนรถเทียมสัตว์ มองจินตันและหยวนอิงลอยอยู่บนซากศพราวกับดอกไม้บาน ก็รู้สึกแค้นสาวน้อยเผ่ามารสองคนนี้จนกัดฟันกรอดๆ
ทางด้านเผ่ามนุษย์ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ดินแดนถูกทำลายและไม่สามารถรักษาสถานที่เอาไว้ได้ สภาพการณ์ไม่ค่อยมีหวังมากนัก อีกทั้งพอเอ่ยถึงพลังการบำเพ็ญเพียร คนที่เผ่ามารส่งมาเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญขั้นแปลงจิตสองคน ถึงมีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมและขั้นกำเนิดใหม่ก้าวออกมามากเพียงใดก็แค่มารนหาที่ตายเท่านั้น
ผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์ไม่มีทางเลือกจึงเริ่มถอยร่น ผู้บำเพ็ญเซียนทั้งหมดถอยกลับไปอยู่บนเรือเหาะ ส่วนบนเรือขับเคลื่อนคาถาและการป้องกันอันแข็งแกร่งคุ้มกันเรืออย่างแน่นหนา เรือเหาะที่สามารถไปมาอย่างอิสระได้ในชั้นเมฆดำย่อมสามารถต้านทานการโจมตีของเผ่ามารได้ สู้พลางหนีพลาง เรือเหาะที่บรรทุกผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์ก็ค่อยๆ แล่นไปไกลอย่างช้าๆ
จินเฟยเหยามองจู๋ซวีอู๋ถูกคนของสำนักตงอวี้หวงพาจากไปโดยไม่ยินยอมอย่างหมดวาจา อยากจะทวงผลไม้ที่มอบให้เขาตอนตนเองจากไปกลับคืนมาอย่างยิ่ง ถ้านางรู้แต่แรกว่าเขารู้ว่าตนเองมีเทาเที่ยทั้งยังหลอกให้ตนเองไปสำนักตงอวี้หวง ตอนจากมานางคงไม่ทิ้งของกินไว้ให้พวกเขาหรอก
จะว่าไปปู้จื้อโหยวหนีไปที่ใดแล้ว? จินเฟยเหยาโผล่ศีรษะออกไปมองดูรอบด้าน เมื่อครู่เห็นแวบเดียวบนเรือเหาะ ดูเหมือนพลังการบำเพ็ญเพียรของเจ้าหมอนี่เพิ่งขั้นหลอมรวมช่วงกลาง ไม่รู้จริงๆ ว่าหลายปีนี้เขาไปทำอะไร เหตุใดจึงไม่ขยันฝึกบำเพ็ญเลยสักนิด
จินเฟยเหยายังมีหน้าไปว่าคนอื่น นางเจี๋ยตันเร็วกว่าปู้จื้อโหยวตอนนี้ยังเป็นแค่ขั้นหลอมรวมช่วงต้น ยังมีหน้าไปว่าผู้อื่นไม่ตั้งใจฝึกบำเพ็ญอีก
จินเฟยเหยามองไปรอบด้าน ทำเอาสาวน้อยสองคนตึงเครียดอย่างยิ่ง
ความรู้สึกถูกคนบีบคั้นไม่ค่อยดีเลย จินเฟยเหยามองหง เจ้าหมอนี่ดูเหมือนจะบ้าไปแล้ว พาผู้บำเพ็ญเซียนและสัตว์ปิศาจที่ยังเคลื่อนไหวได้จำนวนหลายร้อยไล่ล่าสังหารผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์ที่เป็นขบวนรั้งท้ายอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้อยู่ห่างไกลจากตนเอง
ถ้าตอนนี้ไม่หนี อีกเดี๋ยวรอเขากลับมาก็ไม่มีโอกาสแล้ว ในใจคิดแบบนี้ จินเฟยเหยาอ้าปากอาเจียนลงบนรถเทียมสัตว์อันงดงามหรูหรา ถึงจะเป็นเพียงน้ำเปรี้ยวๆ ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอะไร ก็ยังทำให้สาวน้อยสองคนตกใจ
ฉวยโอกาสในชั่วพริบตาที่พวกนางตกใจ พลังวิญญาณของจินเฟยเหยาปะทุออกมา หลังจากสองอึดใจตลอดร่างก็กลายเป็นไฟนรก สองอึดใจก่อนสาวน้อยสองคนยังจับการไหลเวียนโลหิตของนางได้ ทว่าสองอึดใจต่อมา ก็สูญเสียกลิ่นอายโลหิตสดภายในร่างของจินเฟยเหยาไปในพริบตา เวทธนูโลหิตใช้ไม่ได้ผลเลยสักนิด
จินเฟยเหยาก็ลงมือในเวลาเดียวกัน สองมือประทับลงบนศีรษะของพวกนาง ไฟนรกแล่นปราดไปหาพวกนางสองคนจากศีรษะจรดเท้า เสียงดังแกร่กๆ ไฟนรกแช่แข็งพวกนางสองคนเป็นก้อนผลึก จากนั้นจินเฟยเหยาก็บีบอย่างแรงโดยไม่ลังเลเลยสักนิด สาวน้อยสองคนแตกเป็นชิ้นๆ จินตันสองเม็ดลอยออกมาจากก้อนผลึก
ถึงแม้จินตันของผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามารจะเป็นสีทอง ทว่าบนนั้นกลับมีลวดลายสีดำนิดๆ แตกต่างกับจินตันของผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์อยู่บ้าง จินเฟยเหยาไม่รู้ว่าจินตันของคนเผ่ามารกินได้หรือไม่ ทว่ายังใช้พลังวิญญาณคว้าพวกมันไว้อย่างรวดเร็ว หยิบขวดหยกใบหนึ่งออกมาบรรจุ แล้วโยนใส่ถุงเฉียนคุนอย่างว่องไว จินเฟยเหยาใช้เวทหนีไฟนรกพุ่งออกจากรถเทียมสัตว์ เล็งสถานที่ซึ่งไร้ผู้คนแห่งหนึ่งแล้วหนีออกไป
รอจนหงพบเห็น จินเฟยเหยาก็หนีหายจนเหลือเพียงเงาดำที่ขอบฟ้าแล้ว
ด้วยระยะห่างขนาดนี้ จินเฟยเหยาที่กำลังใช้เวทหนีไฟนรกหลบหนี พลันรู้สึกได้ว่าในท้องเกิดความเจ็บปวดอย่างหนักอีกครั้ง พลังวิญญาณทั่วร่างปั่นป่วนอย่างอธิบายไม่ได้ เวทหนีไฟนรกหายไปทันที ครู่หนึ่งนางก็ร่วงลงจากท้องฟ้าและกระแทกพื้นอย่างหนักหน่วง
โชคดีที่นางเนื้อหนังแข็งแกร่ง ร่วงลงมาจากที่สูงขนาดนั้นยังไม่เป็นไร เพียงแค่รู้สึกไม่สบายทั่วร่าง ปวดศีรษะเวียนหัว พลังวิญญาณภายในร่างสับสนราวกับบ้าคลั่งเหมือนวันที่เจี๋ยตัน
แย่แล้ว! ท่าทางหยวนอิงจะบำรุงมากเกินไป ร่างกายทนรับพลังปริมาณมากขนาดนี้ไม่ไหว เจ้ารักและชื่นชอบการกินมิใช่หรือ! รีบกลืนหยวนอิงลงไปให้ข้านะ!
จินเฟยเหยาแทบจะคำรามใส่ห้วงการรับรู้ด้วยโทสะ ร่างของจินตันเทาเที่ยตัวนั้นดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นนิดหน่อย แก้มป่องแล้ว ท้องก็ดูเหมือนจะใหญ่มาก อ้าปากดูดซับพลังวิญญาณของหยวนอิงอยู่ตลอดเวลา
พลังวิญญาณจำนวนมากเบียดเสียดเข้าไปในห้วงการรับรู้ทำให้มันได้แต่อ้าปากกินไม่หยุด ทว่ายังมีพลังวิญญาณอีกมากที่วิ่งวุ่นอยู่ภายในร่างของจินเฟยเหยาและเริ่มไม่เชื่อฟังขึ้นมาอีก
“เจ้าเปลี่ยนนิสัยได้หรือไม่ ครั้งนี้เกรงว่ากินจนต้องอาเจียนออกมา” ปู้จื้อโหยวไม่รู้ว่ามุดออกมาจากที่ใด ชี้จินเฟยเหยาที่นอนกุมท้องอยู่บนพื้น มีท่าทางอยากจะอาเจียนและกระเซอะกระเซิง แล้วหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา
จินเฟยเหยาตึงเครียด เจ้าหมอนี่โผล่มาจากที่ใด ถ้ามาสังหารคนก็ง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ อีกทั้งพอออกมาก็หัวเราะเยาะตนเอง เกินไปแล้ว!
“เจ้าไม่ช่วยก็ช่างเถอะ คิดไม่ถึงว่าจะหลบอยู่ด้านข้างดูเรื่องน่าขำของข้า! เมื่อครู่ข้าเกือบตายแล้ว เจ้าก็ไม่มาช่วยข้าสักหน่อย เป็นสหายประสาอะไร” จินเฟยเหยาด่าทออย่างอารมณ์ไม่ดี
ปู้จื้อโหยวมีสีหน้าช่วยไม่ได้ “ตนเองก่อเรื่องเอง ยังมาโทษผู้อื่นอีก ข้าก็ให้นกปีกสวรรค์ส่งจดหมายมาให้และบอกให้เจ้ารีบหนีมิใช่หรือ เจ้ากลับดียิ่งนัก เก็บหยวนอิงได้ก็รีบยัดเข้าปาก ไม่เพียงเกือบถูกหงฆ่าตาย ตอนนี้ยังจะกินจนท้องแตกตายอีก ต่อให้หงไม่ฆ่าเจ้า เจ้ากลืนกินหยวนอิงต่อหน้าทุกคนก็จะถูกคนของสำนักตงอวี้หวงพากลับไป”
“อย่าเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย ช่วยข้าแก้ปัญหาเรื่องกินมากเกินไปได้หรือไม่?” จินเฟยเหยามีชีวิตอยู่มาร้อยกว่าปี เป็นครั้งแรกที่พบว่า กินมากเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพ ไม่ว่ากินสิ่งใด ต้องหยุดที่ระดับพอเหมาะพอดีและกินอย่างช้าๆ
ปู้จื้อโหยวยิ่งมองนางก็ยิ่งอยากจะหัวเราะ จึงกุมท้องหัวเราะพลางเอ่ยว่า “ไม่มีวิธี ข้าว่าเจ้าไม่ตายหรอก รอให้ค่อยๆ ย่อยดีกว่า”
“เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะต่อยเจ้า! หัวเราะนั้นช่างเถอะ คิดไม่ถึงว่ายังกุมท้องเลียนแบบข้าด้วย!” จินเฟยเหยาเกือบถูกเขาทำให้มีโทสะตาย น่าเสียดายที่ท้องบวมจนเจ็บปวด ทั้งยังรู้สึกเหมือนตนเองพองขึ้นราวกับเป่าลม
“ให้ข้าลากเจ้าไปดีกว่า ตอนนี้เจ้าเป็นของดี คนมากมายต่างอยากจะนำเจ้าไปเฝ้าประตูสำนัก ถ้าอยู่ที่นี่ต่อไป เจ้าอาจจะต้องย้ายไปอยู่ในบ้านสัตว์” ปู้จื้อโหยวเห็นนางบวมราวกับหัวสุกร ก็กลั้นยิ้มเอ่ยวาจา
จินเฟยเหยาไม่มีแรงพูด ปล่อยให้เขาจัดการตามสบาย ดังนั้นปู้จื้อโหยวจึงนำกระสวยบินชิ้นหนึ่งออกมาก่อน แต่หลังจากมองดูรูปร่างของจินเฟยเหยาก็ถอนใจคราหนึ่งแล้วส่ายศีรษะ จากนั้นจึงค้นได้พัดปาเจียวหอมเล่มหนึ่งภายใต้สายตาเดือดดาลของนาง
โยนพัดปาเจียวหอมขึ้นกลางอากาศ พัดขยายจนมีความยาวสามจั้งกว่าและลอยขึ้นเบาๆ จากนั้นปู้จื้อโหยวจึงยกจินเฟยเหยาโยนลงบนพัดปาเจียวหอม แล้วเหยียบพัดไปทันที
หลังจากเร่งความเร็วบินมาหลายชั่วยาม ปู้จื้อโหยวพลันเอ่ยถามจินเฟยเหยาที่กำลังหลับตาชักนำพลังวิญญาณบวกกับย่อยหยวนอิงว่า “พวกเราจะไปที่นั่นได้อย่างไร? วันนี้ข้าเพิ่งมาถึงโลกระดับเทพ ยังไม่ได้พักผ่อนก็ต้องหนีตายมากับเจ้า ช่างโชคร้ายจริงๆ”
จินเฟยเหยาลืมตามองเขา นวดท้องพลางเอ่ยว่า “ไปที่ใดก็ได้ ข้าไม่รู้จักทาง แผนที่ของสถานที่บ้าๆ นี้เหมือนเด็กสามขวบวาดขึ้น จะมีแผนที่หรือไม่มีก็เหมือนกัน โลกระดับเทพส่วนในวุ่นวายเกินไป พวกเราไปโลกระดับเทพส่วนนอก ที่นั่นมีสัตว์ปิศาจมากมายดินแดนกว้างใหญ่ คงไม่ถูกคนหาตัวพบได้ง่ายๆ ถ้าเจ้าพอมีเส้นสาย ช่วยข้าหาน้ำพุความฝันหน่อยว่าอยู่ที่ใด ข้ามีธุระต้องไปที่นั่นสักครา”
“เรื่องเยอะจริง…” ปู้จื้อโหยวลูบเส้นผม เหาะไปข้างหน้าต่อ