คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 262 มนุษย์เพลิงผู้รักชื่อเสียงและเงินทอง
สั่นเศษหินบนร่างให้ร่วงหล่น จินเฟยเหยาก้มหน้าลงมองมือที่ถูกลวกบาดเจ็บ บาดแผลนี้สาหัสจริงๆ จากนั้นนางก็กำหมัดแน่นมองหยวนเหมิ่งที่อยู่กลางอากาศด้วยสายตาเย็นชา
“ไฟนรกแล้วอย่างไร ภายใต้เพลิงแท้ไท่หยางของข้า วิชาชั่วร้ายนอกรีตที่ไม่อาจให้ผู้คนพบเห็นของเจ้าไม่น่ากลัวเลยสักนิด” หยวนเหมิ่งชูกระบองมังกรเพลิงเอ่ยยิ้มๆ อย่างกระหยิ่ม
หลังจากจอมมารที่ชื่อหลงถูกปล่อยตัวออกมา ไม่ว่าตนเองไปที่ใดมักจะมีคนเอ่ยถึงไฟนรกสีดำ น้ำเสียงและสีหน้าเหล่านั้นล้วนกำลังบอกว่าเพลิงแท้ไท่หยางของข้าสู้ไฟนรกไม่ได้ วันนี้ข้าจะสังหารไฟนรกให้ตาย แม้แต่เทาเที่ยสัตว์ร้ายแห่งบรรพกาลก็จะสังหารทิ้งไปพร้อมกัน
ให้พวกเขารู้ว่า ภายใต้เพลิงแท้ไท่หยางของข้า เทาเที่ยและไฟนรกเป็นเพียงสิ่งล้าสมัย หยวนเหมิ่งยกกระบองมังกรเพลิงขึ้น ร่ายรำดังหวือๆ มองจินเฟยเหยาที่เหมือนเนื้อปลาบนเขียงแล้วแสยะยิ้ม
จินเฟยเหยาแอบโยนพั่งจื่อและต้านิวออกมาก่อน จากนั้นกำหมัด ทงเทียนหรูอี้ลอยออกไปรวมสองเป็นหนึ่งกลายเป็นดาบวงเดือนเล่มหนึ่ง
“ไป!” ดาบวงเดือนกว้างเท่าสี่คนกว่าเหาะออกไป คมดาบกระพริบแสงแห่งการเข่นฆ่าปราดเข้าหาหยวนเหมิ่ง ส่วนนางตามมันมาติดๆ ยกกำปั้นขึ้นต่อยไป
กระบองมังกรเพลิงในมือหยวนเหมิ่งร่ายรำ มังกรแดงอัคคีตัวหนึ่งพุ่งออกมา อ้าปากกัดทงเทียนหรูอี้ด้วยปากอันคมกริบ ทงเทียนหรูอี้และเพลิงแท้ไท่หยางปะทะกัน จินเฟยเหยารู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณอันกดดันทันที ไม่ธรรมดาจริงๆ
“กระจาย!” ไม่อาจใช้แข็งปะทะแข็ง นางตวาดก้อง ทงเทียนหรูอี้แยกออกจากกันทันทีกลายเป็นดาบวงเดือนเล็กๆ สิบสองเล่ม วาบผ่านการโจมตีของมังกรเพลิงแท้ไท่หยางบินวนไปหาหยวนเหมิ่งทางด้านหลัง
ทงเทียนหรูอี้ฟันหยวนเหมิ่ง ส่วนมังกรยักษ์อัคคีแดงของหยวนเหมิ่งกลับพุ่งตรงเข้าหาจินเฟยเหยา
เห็นดาบวงเดือนสิบสองเล่มที่แยกออกมาจากทงเทียนหรูอี้กระพริบแสงเย็นเยียบบินมา ตลอดร่างของหยวนเหมิ่งก็กลายเป็นเปลวเพลิงสีแดง ดาบวงเดือนพร้อมใจกันผ่านร่างเขาไป
ส่วนมังกรยักษ์อัคคีแดงที่พุ่งเข้าใส่จินเฟยเหยา นึกถึงก่อนหน้านี้ไฟนรกของตนเองถูกเขาสะกดไว้ จินเฟยเหยาได้แต่ใช้ไฟนรกผนึกเป็นโล่ผลึกสีดำออกมาก่อน สกัดการโจมตีครั้งแรกของมังกรยักษ์อัคคีแดงไว้ จริงเสียด้วย ภายใต้เพลิงแท้ไท่หยางผลึกสีดำถูกหลอมละลายราวกับก้อนน้ำแข็ง พริบตามังกรก็พุ่งมาถึงเบื้องหน้าจินเฟยเหยา
จินเฟยเหยาตวาดด้วยโทสะ พลังวิญญาณสีดำพลุ่งขึ้นทั่วร่างสะอึกเข้ารับมังกรยักษ์อัคคีแดง
“เป็นเด็กน้อยจริงๆ คิดจะใช้กายเนื้อต้านทานเพลิงแท้ไท่หยางของข้าโดยตรง” หยวนเหมิ่งส่งเสียงฮึอย่างเย็นชาและเอ่ยอย่างยโส
เพลิงแท้ไท่หยางของเขาใช้คัมภีร์เพลิงหยางดูดซับแสงของดวงอาทิตย์เป็นเวลานานปีค่อยๆ สะสมอย่างช้าๆ ได้มายากกว่าไฟนรกที่สร้างจากวิญญาณและจิตวิญญาณดั้งเดิมของซากศพตามธรรมชาติมากนัก อีกทั้งยังใช้ร่วมกับคัมภีร์เพลิงหยาง อานุภาพของเพลิงแท้ไท่หยางจะยิ่งเปล่งถึงขีดสุด ขณะฝึกถึงขั้นกำเนิดใหม่จะปลดปล่อยเพลิงแท้ไท่หยางออกมาทั้งหมด สามารถเผ่าทำลายพื้นดินร้อยหลี่ได้และทรงพลังราวกับมีเทพยดาคอยช่วยเหลือ
ผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนมากถูกเผาจนกลายเป็นธุลีภายใต้มังกรยักษ์อัคคีแดงของเพลิงแท้ไท่หยาง คาดว่าวันนี้ก็ต้องเป็นเช่นนี้ ต่อให้เทาเที่ยร้ายกาจก็ต้องให้มันกลายเป็นสุนัขขนร่วง
ขณะที่เขากำลังกระหยิ่มใจ เงาคนสายหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากมังกรยักษ์อัคคีแดง เงาตกค้างหายวับแล้วปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเขา จากนั้นก็เห็นกำปั้นต่อยใส่ใบหน้า หมัดที่ดูไม่แรงนักโจมตีเข้าใส่ใบหน้าของหยวนเหมิ่งอย่างหนักหน่วง
หยวนเหมิ่งยังไม่ทันได้เอาเปลวเพลิงห่อหุ้มกาย ก็ถูกหมัดหนักๆ ที่แฝงพลังวิญญาณของจินเฟยเหยาต่อยโดนแก้ม เขารู้สึกตาลาย ศีรษะสั่นคลอนอย่างหนัก ในปากมีรสเค็ม ถูกนางต่อยจนโลหิตพุ่งออกมา
เส้นผมของจินเฟยเหยาถูกเปลวเพลิงเผาไปไม่น้อย ใบหน้าดำมะเมื่อม มีหลายแห่งถูกไฟลวกบาดเจ็บ โชคดีสิ่งที่นางสวมบนร่างคือกระโปรงไหมดาราเงินที่เอามาจากไห่หลันอิน นี่เป็นของวิเศษชั้นบน หลังจากจินเฟยเหยาเอามาก็ไม่ได้คืนให้นางอีก ถึงแม้ร่างของไห่หลันอินจะเตี้ยกว่านาง ทว่าจินเฟยเหยาก็ยังสวมชุดนี้ไว้ข้างใน
ครั้งนี้อาศัยใบบุญของมันบวกกับเข็มขัดวิเศษไป๋หลิงที่ใช้ได้ผลในเวลาสำคัญ ของวิเศษสองชิ้นนี้มีความสามารถป้องกันอันแข็งแกร่ง ทำให้จินเฟยเหยาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยและพุ่งออกจากมังกรยักษ์อัคคีแดงมาต่อยหยวนเหมิ่งยกหนึ่ง
ต่อยใส่ใบหน้าหยวนเหมิ่งหนึ่งหมัดแล้ว จินเฟยเหยาก็ไม่พลาดโอกาสต่อยส่วนท้องของเขา ส่วนหน้าต่อยหมัดคอมโบ ทั้งยังยกขาขึ้นเตะตรงเป้าของเขาหลายครั้ง สุดท้ายต่อยตรงลำคอของเขาอย่างอย่างหนักหน่วงอีกหมัด จึงรีบล่าถอยไป
หมัดชุดราวกับสายฟ้าแลบของนาง ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ หลังจากถอยไปจินเฟยเหยาก็กวักมือเรียก ทงเทียนหรูอี้สิบสองเล่มรวมกันเป็นหนึ่งกลายเป็นแส้ที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคมพันรอบหยวนเหมิ่งเอาไว้ แล้วฟาดลงบนร่างของเขาราวกับอสรพิษอันว่องไว
ร่างกายล่ำสันของหยวนเหมิ่งมีโลหิตสาดกระจายทันที ความเจ็บปวดอันรุนแรงทำให้เขารวบรวมสติได้ เขาคำรามลั่นอย่างเดือดดาลแล้วกลายร่างเป็นเปลวเพลิง ทงเทียนหรูอี้ที่อยู่ในเพลิงแท้ไท่หยางรีบพลิกตัวบินกลับมา
เห็นหยวนเหมิงถูกตนเองทุบตีจนกระอักโลหิต จินเฟยเหยาก็ชูนิ้วกลางมือขวาให้และเอ่ยอย่างกระหยิ่ม “ฮึ! ข้ายังนึกว่าเจ้าจะร้ายกาจเพียงใด ที่แท้กล้ามเนื้อทั่วร่างก็มีไว้เพื่อหลอกคนเล่น เพลิงแท้ไท่หยางแล้วอย่างไร ข้าก็ต่อยเจ้าจนฟันร่วงเกลื่อนพื้นได้เหมือนเดิม เห็นนิ้วนี้ของข้าหรือไม่ ต่อไปจะใช้สิ่งนี้จิ้มตาเจ้าให้บอดแล้วค่อยทำลายหมวกเกราะสีทองและศีรษะของเจ้า”
“เจ้ากล้ามากนะ! ถ้าวันนี้แม้แต่ข้ายังจัดการเจ้าไม่ได้ ต่อไปยังมีหน้าไปพบเจอผู้คนหรือ!” หยวนเหมิ่งอับอายจนกลายเป็นโทสะ คิดไม่ถึงว่าเขาจะถูกผู้บำเพ็ญเซียนสตรีรูปร่างธรรมดาทุบตีจนกลายเป็นแบบนี้ หากแพร่ออกไปจะทำให้เขาไม่มีที่ยืน
จินเฟยเหยาเอียงหน้าเอ่ยอย่างดูแคลน “เจ้าไม่ใช่บุตรชายของข้าเสียหน่อย จะมีหน้าไปพบเจอผู้คนหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า อีกอย่างหนึ่งถ้าเจ้าพบเจอผู้คนได้ เหตุใดต้องใช้หมวกเกราะสีทองปิดบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่งด้วย ข้าว่าเดิมทีเจ้าก็ไม่มีหน้าไปพบเจอผู้คนอยู่แล้ว ขุนเขายิ่งใหญ่กลับไร้ฝืนเผาไฟ[1] มีร่างกายใหญ่โตเสียเปล่า”
หยวนเหมิ่งถูกจินเฟยเหยาด่าทอจนเพลิงโทสะลุกโชนสามจั้ง เดิมทีเขาก็เป็นผู้ฝึกเวทมนตร์โดยเฉพาะ ไม่ใช่ฝึกบำเพ็ญร่างกาย ถึงแม้ร่างกายของเขาจะล่ำสัน ทว่าก็เป็นโดยกำเนิด ไม่เกี่ยวกับเคล็ดวิชาของตนเองเลยสักนิด ถ้าพูดถึงด้านร่างกาย ถึงแม้หยวนเหมิ่งจะเป็นขั้นกำเนิดใหม่ ทว่าระดับความแข็งแกร่งของร่างกายกลับเทียบจินเฟยเหยาไม่ได้เลยสักนิด
ดังนั้นเมื่อครู่จึงเกิดเรื่องที่เขาถูกจินเฟยเหยาต่อยจนกระอักโลหิตสดและขายหน้า
“จิตวิญญาณดั้งเดิมที่ถูกทำลายด้วยมือข้ามีนับไม่ถ้วน จินตันและหยวนอิงก็มีไม่น้อย หรือว่าวันนี้จะจัดการคนที่มีพลังบำเพ็ญเพียรขั้นหลอมรวมช่วงกลางอย่างเจ้าไม่ได้!” หยวนเหมิ่งถลึงตาใส่อย่างมีโทสะ พลังวิญญาณสีแดงเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนผุดออกจากร่างกาย อุณหภูมิรอบด้านสูงขึ้นทันที
ได้ยินคำพูดของเขา จินเฟยเหยาเอ่ยถามอย่างสงบนิ่ง “เจ้าทำลายจินตันและหยวนอิงมากมายขนาดนั้น หรือว่าก็เพื่อกิน? ท่าทางสิ่งที่พวกเราสองคนฝึกปรือคือเปลวเพลิง ดังนั้นแม้แต่เจ้าก็ต้องกินจินตันและหยวนอิง ยังทำตัวมีคุณธรรมอีก น่าขายหน้าจริงๆ”
“หยุดพูดจาเหลวไหล! ข้าเป็นถึงผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์ สิ่งที่ฝึกคือเคล็ดวิชาหยางบริสุทธิ์ที่ถูกต้องเปิดเผย จะกินจินตันหยวนอิงได้อย่างไร มารร้ายอย่างเจ้าทำร้ายผู้บำเพ็ญเซียนทุกคนไม่พอ ยังคิดทำลายชื่อเสียงของข้าอีก ถ้าปล่อยให้เจ้าหนีไปได้ แต่ละโลกจะต้องประสบหายนะครั้งใหญ่แน่ จะให้เจ้าได้เห็นท่าไม้ตายของข้าและให้เจ้าไม่รู้ว่าตนเองตายอย่างไร” หยวนเหมิ่งถูกคำพูดของนางทำให้เดือดดาลจนพลังวิญญาณทั่วร่างผนึกค้าง ตะโกนบริภาษเสียงดังทันที จากนั้นพลังวิญญาณภายในร่างก็ปะทุออกมามากขึ้น หากไม่เผาไหม้นางให้กลายเป็นเถ้าถ่านจะไม่ยอมเลิกรา
จินเฟยเหยามองเขาด้วยสีหน้าไม่สบายใจ กระโปรงไหมดาราเงินถูกเวทมนตร์อันแข็งแกร่งขนาดนี้โจมตีซ้ำๆ ไม่ได้ เข็มขัดวิเศษไป๋หลิงก็เหลือเพียงโอกาสในการป้องกันสองครั้งและเวทกลืนกิน จินเฟยเหยาครุ่นคิดจนหัวแทบแตกว่าจะทำอย่างไรดีจึงหาโอกาสเอาชนะเขาหรือทำร้ายให้เขาหนีไปได้
ในขณะที่นางระแวดระวังหยวนเหมิ่งพลางแอบครุ่นคิด พลันรู้สึกได้ว่าด้านหลังมีคลื่นความร้อนส่งมา ยังไม่ได้ขยับร่างก็ถูกพั่งจื่อที่พุ่งปราดมาใช้เท้าเตะออกไป จินเฟยเหยาเพิ่งออกห่างจากที่เดิม เปลวเพลิงสายหนึ่งพลันเฉียดเสื้อผ้าของนางไป
จินเฟยเหยาจ้องมองแน่วนิ่ง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นนกไท่หยางตัวนั้น ไม่รู้ว่าเมื่อครู่มันซ่อนตัวอยู่ที่ใด ถึงกับชักนำเพลิงแท้ไท่หยางพุ่งมาได้โดยไร้เสียง หากมิใช่พั่งจื่อผลักออกไป นางคงถูกนกไท่หยางลอบโจมตีสำเร็จ
พั่งจื่อและต้านิวไม่รู้จะทำอย่างไรกับมนุษย์เพลิงผู้นี้ พอโจมตีหยวนเหมิ่งก็จะกลายร่างเป็นเปลวเพลิง นกไท่หยางตัวนั้นไม่จำเป็นต้องกลายร่าง ทั่วร่างก็เป็นลูกไฟ ถ้าพวกมันสองตัวทุบตีก็จะลวกตนเองบาดเจ็บ ขนาดจะก่อกวนยังต้องระวัง ถ้าไม่ระวังจะขโมยไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวสารไปกำมือ[2] ทำให้ตนเองบาดเจ็บแทน
นกไท่หยางบินมา จินเฟยเหยามองหยวนเหมิ่งแวบหนึ่ง พบว่าเขากำลังรวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมด คิดจะปลดปล่อยเวทที่มีพลังทำลายล้างสูงออกมา นกไท่หยางตัวนี้จึงมาขัดขวางจินเฟยเหยา เกรงว่านางจะฉวยโอกาสเกียร์ว่างหลบหนีไป
“นกที่น่าชัง เจ้าก็มารังแกข้าด้วย!” จินเฟยเหยาด่าทอย่างเดือดดาล ขณะที่นกไท่หยางเข้ามาใกล้ นางก็ยื่นมือไปคว้านกไท่หยางโดยไม่กลัวเพลิงแท้ไท่หยางเลยสักนิด จากนั้นเข็มขัดวิเศษไป๋หลิงบนร่างนางก็ปล่อยม่านป้องกันออกมาเอง ม่านป้องกันพยายามกลืนกินเปลวเพลิงบนร่างนกไท่หยางอย่างสุดชีวิต
เข็มขัดวิเศษไป๋หลิงกำลังกลืนนกไท่หยางต่างเวทมนตร์ ถึงแม้นกไท่หยางจะสามารถชักนำเพลิงแท้ไท่หยางมาได้ ทว่าร่างเดิมของมันยังเป็นสัตว์ปิศาจตัวหนึ่ง ต่อให้ดูเหมือนลูกไฟ สุดท้ายก็ยังมีร่างเดิม ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงบีบคอมันแน่น ฝ่ามือที่เคยหลอมสร้างแล้วจิกแน่น คิดไม่ถึงว่าจะบีบนกไท่หยางตายทั้งเป็น
พอนกไท่หยางตาย เพลิงแท้รอบตัวมันก็ถูกเข็มขัดวิเศษไป๋หลิงกลืนกินไปกว่าครึ่ง สุดท้ายเผยให้เห็นนกขนาดสองฉื่อขนสีเทาตัวหนึ่ง
“เจ้าถึงกับสังหารนกไท่หยางของข้า!” เห็นนกไท่หยางของตนเองถูกฆ่า หยวนเหมิ่งมองมือขวาของจินเฟยเหยาที่ถูกเพลิงแท้ไท่หยางเผาไหม้จนอเนจอนาถ ในดวงตามีเพลิงโทสะพวยพุ่ง
จินเฟยเหยาไม่คิดจะให้หยวนเหมิ่งเก็บซากนกราวกับยั่วโทสะ ไฟนรกในมือลุกไหม้เผานกไท่หยางจนกลายเป็นเถ้าธุลี จากนั้นนางก็ปัดขี้เถ้าในมือแล้วยิ้มแย้มเอ่ยว่า “จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของท่าไม้ตายของเจ้าก็คือขับเคลื่อนช้าเกินไป ข้าไม่อยู่เป็นเพื่อนเจ้าแล้ว ขอลาไปก่อน เจ้าโง่ตัวใหญ่!”
ไม่รอให้หยวนเหมิ่งมีปฏิกิริยา จินเฟยเหยาเรียกพั่งจื่อและต้านิวมาแล้วกลายเป็นไฟนรกพุ่งออกไป
…………………………………….
[1] ขุนเขายิ่งใหญ่กลับไร้ฝืนเผาไฟ หมายถึง โง่เขลา เป็นสวะที่ไร้ประโยชน์
[2] ขโมยไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวสารไปกำมือ หมายถึง จะเอาเปรียบแต่กลับขาดทุนแทน