คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 263 เทาเที่ย
จินเฟยเหยาเหาะออกไปร้อยหลี่ จึงหาเวลาว่างมองไปดูข้างหลัง กลับไม่พบว่าหยวนเหมิ่งไล่ตามมา หรือว่าเจ้าหมอนี่เลิกล่าสังหารตนเอง เก็บท่าไม้ตายไปกอดนกร้องไห้แล้ว? จินเฟยเหยาคิดอย่างไม่เข้าใจ
ทันใดนั้น นางรู้สึกว่าตนเองตาลายใช่หรือไม่ เหตุใดจึงมองเห็นดวงอาทิตย์ร่วงหล่นจากท้องฟ้าและกำลังพุ่งมาหาตนเองอย่างรวดเร็ว หลังจากจินเฟยเหยามองเห็นชัดเจนก็ตกตะลึงอย่างยิ่ง
นี่ไม่ใช่ดวงอาทิตย์บนฟ้า ทว่าเป็นบอลเพลิงขนาดร้อยจั้ง ด้านหลังบอลเพลิงคือหยวนเหมิ่งที่มีสีหน้าเดือดดาล
ถ้าให้บอลเพลิงของเพลิงแท้ไท่หยางลูกใหญ่ขนาดนี้โจมตีโดน เข็มขัดวิเศษไป๋หลิงและกระโปรงไหมดาราเงินล้วนกลายเป็นเศษซาก ต้องตายร้อยเปอร์เซ็นต์แน่! พอจินเฟยเหยาหันหลังก็ทะยานหนีออกไปอย่างสุดชีวิต
บอลเพลิงดูเหมือนบินช้า ที่จริงกลับรวดเร็วอย่างยิ่ง ค่อยๆ เข้ามาใกล้จินเฟยเหยา อีกทั้งขนาดยังไม่ลดลงเลยสักนิด เวลานี้มันเข้ามาใกล้จินเฟยเหยามาก ไอร้อนพวยพุ่งสู่ฟ้าทำให้สัตว์ปิศาจในบริเวณนี้หนีไปจนเกลี้ยง ขนาดพืชพรรณก็เหี่ยวเฉา สถานที่ซึ่งเพลิงแท้ไท่หยางกวาดผ่าน พื้นดินก็ไหม้เกรียมเป็นแถบ
เพลิงแท้ไท่หยางอยู่เหนือจินเฟยเหยา เงาร่างของนางภายใต้เพลิงแท้ไท่หยาง เห็นได้ชัดว่าเล็กอย่างผิดปกติ ตามเสียงดังตูม บอลเพลิงของเพลิงแท้ไท่หยางบดขยี้ลงมา จินเฟยเหยากเพลิงแท้ไท่หยางกลืนกินในพริบตา
เพลิงแท้ไท่หยางบดขยี้ลงมา เกาะลอยได้แถบนี้ถูกเผาเป็นหลุมลึกขนาดยักษ์กว้างสองหลี่ทันที เปลวเพลิงลุกไหม้ในหลุมอย่างรุนแรง อยู่ห่างออกไปร้อยหลี่ยังเห็นเปลวเพลิงสูงร้อยจั้งพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
“เอ๋? ความเคลื่อนไหวทางด้านนั้นใหญ่โตขนาดนี้ หรือว่ามีการต่อสู้?” ห่างออกไปร้อยหลี่มีผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์กลุ่มหนึ่งซึ่งมีสิบสองคน พวกเขาถูกส่งออกมาลาดตระเวน หลายเดือนนี้เผ่ามารเริ่มมีความเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก การสู้รบของทั้งสองฝ่ายเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นต้องระวังเป็นพิเศษ
“คงไม่ใช่เจ้าบ้าเพลิงหยวนเหมิ่งหรอกนะ หลายวันก่อนเพิ่งเห็นเขา บอกว่าจะหาเทาเที่ยอะไรนี่แหละ สถานที่ไม่กี่แห่งถูกคนตรวจสอบหมดแล้ว ถ้าอยู่ที่นี่คงถูกพบเห็นนานแล้ว” คนหนึ่งในนั้นเอ่ยปาก
“ข้าว่าเปลวเพลิงนี้มีอานุภาพรุนแรง อาจจะพบอะไรจริงๆ ไปดูหน่อยดีกว่า?”
“ความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ ไม่คิดจะไปก็คงไม่ได้ ถึงเวลาเบื้องบนถามลงมาแล้วพวกเราไม่รู้อะไรเลยก็ถูกด่าอีก”
“ไปเถอะ ระวังหน่อย”
หารือกันครู่หนึ่ง คนกลุ่มนี้ก็ตัดสินใจไปดู
ส่วนทางนี้หยวนเหมิ่งเหาะอยู่กลางอากาศ เห็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่เต็มท้องนภาก็อารมณ์เบิกบานยิ่ง เขาหัวเราะใส่หลุมเพลิงอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าๆๆ เจ้าสังหารนกไท่หยางของข้า ข้าก็จะเผ่าเจ้าในเปลวเพลิงอันรุนแรงจนกลายเป็นเถ้าธุลี! เทาเที่ยแล้วอย่างไร ผ่านไปไม่กี่วัน ทั่วทั้งโลกระดับเทพก็จะรู้ว่า ข้าหยวนเหมิ่งสังหารสัตว์ร้ายเทาเที่ยแล้ว นามอันยิ่งใหญ่ของข้าจะโด่งดังไปทั่วโลกระดับเทพ!”
หัวเราะไปหัวเราะมา รอยยิ้มของหยวนเหมิ่งพลันผนึกค้าง เขามองในเปลวเพลิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ในเปลวเพลิงปรากฏไอปิศาจปกคลุมและพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ความรู้สึกอันน่าหวาดกลัวอย่างความกดดัน ความสิ้นหวัง ความตายทะลักขึ้นมาในใจหยวนเหมิ่งไม่หยุด มีชีวิตอยู่มาจนถึงบัดนี้เขาไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้เลย ไอปิศาจที่ทะลักออกมาจากในนั้นน่าตื่นตระหนกเกินไป แม้แต่ผู้บำเพ็ญเซียนที่อยู่ห่างออกไปร้อยหลี่กลุ่มนั้นก็รู้สึกได้ถึงไอปิศาจนี้
พวกเขาหยุดเหินบินแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เดิมทีเป็นท้องนภาอันแจ่มใสหมื่นหลี่ เวลานี้กลับเริ่มมืดครึ้ม ความรู้สึกไม่สบายใจเกิดขึ้นในใจของผู้บำเพ็ญเซียนทุกคน หัวใจของพวกเขาเต้นกระหน่ำรุนแรง บอกพวกเขาว่าเบื้องหน้ามีสิ่งน่ากลัว
หลังจากมองหน้ากัน ทุกคนก็เลิกล้มการไปตรวจสอบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทว่าเหาะไปด้านหลังราวกับหนีเอาชีวิตรอด คิดจะอยู่ห่างจากไอปิศาจยิ่งไกลยิ่งดี
หยวนเหมิ่งอ้าปากกว้าง มือที่ถือกระบองมังกรเพลิงสั่นสะท้าน เขาจ้องมองสิ่งที่เดินออกมาจากในเปลวเพลิงแน่วนิ่ง ไม่รู้ว่าสมควรจะพูดอะไรเพื่อสงบอารมณ์ของตนเอง
เบื้องหน้าเขามีสัตว์ปิศาจขนาดยี่สิบกว่าจั้งยืนอยู่ในเปลวเพลิง ขนยาวสีดำ ร่างเหมือนแพะภูเขาอย่างยิ่ง ศีรษะดั่งราชสีห์ อ้าปากกว้าง บนศีรษะมีเขาขนาดใหญ่คู่หนึ่ง มันเดินมาหาแหล่งกำเนิดอย่างช้าๆ ดวงตาขนาดใหญ่คู่หนึ่งปรากฏขึ้นใต้วงแขน บนใบหน้าของมันยังมีดวงตาอีกคู่หนึ่ง ในดวงตาเต็มไปด้วยความตะกละตะกลามที่สะกดไว้ไม่อยู่ แค่เห็นแวบเดียว ก็ทำให้คนรู้สึกว่าตนเองถูกถลกหนังสับเสื้อและกลืนกินจนเกลี้ยง
เพลิงแท้ไท่หยางอันรุนแรงเหล่านี้ไม่มีผลใดๆ ต่อมันสักนิด อีกทั้งภายใต้ไอปิศาจสีดำที่ปกคลุมไปทั่วของมัน เพลิงแท้ไท่หยางถูกสะกดข่มทันทีและมอดดับลงทั้งหมด
“ร่างจริงของเทาเที่ย!” หยวนเหมิ่งตะโกนอย่างตื่นตระหนก “เป็นไปไม่ได้! เทาเที่ยต้องเจี๋ยหยวนอิงก่อนจึงปรากฏตัว คนผู้นี้เพิ่งขั้นหลอมรวมช่วงกลาง เป็นไปไม่ได้ที่จะปรากฏเทาเที่ย”
หยวนเหมิ่งแตกตื่นลนลานจนน่าขายหน้าอยู่บ้าง ทว่าสภาพในที่นี้จะไม่ทำให้เขาแตกตื่นลนลานได้อย่างไร เทาเที่ยที่เบื้องหน้าไม่ใช่สัตว์เล็กๆ อวบอ้วนน่ารัก และไม่ใช่สัตว์ปิศาจขั้นเก้าที่เพิ่งโตเต็มวัย ทว่าก็ทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่อย่างเขามองระดับขั้นไม่ออก รู้สึกหายใจติดขัด ขาสั่นตลอดเวลา กดดันจนทำให้แม้แต่จะหนีเอาชีวิตรอดจากไอปิศาจก็ยังทำไม่ได้ นี่เป็นเทาเที่ยโตเต็มวัยที่มีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นสุดยอด
เพราะเหตุใดจึงมีสิ่งนี้ปรากฏขึ้นได้! หยวนเหมิ่งแตกตื่นและงุนงง เขาไม่ใช่คนโง่ เขามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมจึงมาค้นหาจินเฟยเหยาและสังหารนางเพื่อชื่อเสียง
เขารู้ว่าเทาเที่ยจะไม่ปรากฏตัว ดังนั้นจึงกล้ามาอย่างห้าวหาญ ทว่าตอนนี้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าและกำลังเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าวคืออะไร? ใครช่วยอธิบายที
ทว่าไม่มีคำอธิบาย เทาเที่ยเข้ามาใกล้เขา ยื่นกรงเล็บมาฟาด หยวนเหมิ่งก็ถูกเทาเที่ยตบร่วงพื้นราวกับแมลงวันที่บินมาตัวหนึ่ง จมลงในพื้นดินสิบกว่าจั้ง เห็นเขาถูกฟาดลงไปลึกขนาดนี้ เทาเที่ยก็ยื่นกรงเล็บไปค้นในดิน หยวนเหมิ่งลอยขึ้นกลางอากาศราวกับรากหญ้า
จากนั้นเทาเที่ยก็อ้าปากกว้างรับหยวนเหมิ่งไว้ เคี้ยวตามสบายหลายครั้งก็กลืนลงไป ทว่าแค่นี้เห็นได้ชัดว่ายังไม่พอยาไส้ เงยหน้าขึ้นดมกลางอากาศ สายตาของมันก็มองไปยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปร้อยหลี่ ที่นั่นมีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมสิบสองคนกำลังเร่งรุดไปที่ค่ายของตนเอง เทาเที่ยเงยหน้าขึ้นร้องคำราม สะบัดกรงเล็บแล้ววิ่งไปทางด้านนั้น
ชั่วพริบตา มันก็วิ่งหายไป
ผ่านไปครึ่งชั่วยามกว่า ดินตรงกลางหลุมขนาดยักษ์ที่ถูกเพลิงแท้ไท่หยางสร้างขึ้นขยับเขยื้อนและมีกบสองตัวมุดออกมา บนคอของพั่งจื่อและต้านิวห้อยถุงเฉียนคุนของจินเฟยเหยา พวกมันมองหน้ากันด้วยสีหน้างุนงง
พวกมันสองตัวไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น รู้เพียงแต่ว่าขณะที่เพลิงแท้ไท่หยางโจมตีลงมา จินเฟยเหยานำพวกมันสองตัวออกมาแล้วกอดไว้ในอกทันที จากนั้นเพลิงแท้ไท่หยางก็เผาไหม้ขึ้น เพียงแต่ยังไม่เผาโดนคน นางก็หัวเอียงหมดสติไป จากนั้นเรื่องน่ากลัวก็เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพั่งจื่อและต้านิว
ไอมารสีดำขุมหนึ่งพวยพุ่งออกมา จากนั้นก็อ้าปากกลืนจินเฟยเหยาลงไปราวกับสัตว์ปิศาจตัวหนึ่ง ไอปิศาจสีดำยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที จากนั้นก็กลายเป็นเทาเที่ยโตเต็มวัยตัวนั้น
ตอนนี้ไม่รู้ว่าเทาเที่ยกลืนจินเฟยเหยาหรือจินเฟยเหยากลายเป็นเทาเที่ย ถึงอย่างไรมันก็วิ่งไปกินคนด้วยดวงตาแดงก่ำ พั่งจื่อและต้านิวอาจจะรสชาติแย่เกินไป จึงถูกเมินเฉยทันที ดังนั้นจึงเก็บชีวิตน้อยๆ กลับมาได้
กบสองตัวครุ่นคิด แบกถุงเฉียนคุนของจินเฟยเหยา ค้นกรงนกปีกสวรรค์ตัวหนึ่งออกมาจากในถุงที่ไม่ต้องล็อกการรับรู้ กบสองตัวชี้กรงนกและไปตามหาเจ้านายคนใหม่อย่างยินดี
ในป่าห่างออกไปร้อยหลี่ยุ่งเหยิงเป็นแถบ มีของวิเศษทิ้งไว้บนพื้น ทว่าเจ้านายของพวกมันกลับหายไป ทุกคนกลายเป็นอาหารค่ำ เทาเที่ยที่โตเต็มวัยตัวนี้ยืนอยู่ในป่า มองดูรอบด้านอย่างไม่พอใจ
ทันใดนั้น มันก็คำรามขึ้นกลางอากาศหลายครั้ง บนร่างมีไอมารสีดำสนิทปรากฏขึ้นอีก จากนั้นร่างของมันก็เริ่มหดเล็กลงอย่างช้าๆ หดจากยี่สิบกว่าจั้งเป็นสูงสี่ห้าจั้ง ไอมารที่ลึกล้ำสุดจะหยั่งลดลงเหลือประมาณขั้นเก้า รูปลักษณ์ก็อ่อนโยนมากกว่าก่อนหน้านี้นิดๆ
จากนั้นมันสะบัดขนและร้องคำราม เสียงคำรามซึ่งเดิมทีมีอานุภาพลึกล้ำเต็มเปี่ยม เปลี่ยนเป็นไร้เดียงสาลงนิดหน่อย หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเสร็จสิ้น มันก็สะบัดขนแล้ววิ่งเข้าไปในป่าอย่างร่าเริง
ภายในร่างของเทาเที่ย ห้วงการรับรู้ของจินเฟยเหยายังอยู่ที่นั่น เพียงแต่เทาเที่ยตัวน้อยที่กลิ้งและกินทั้งวันหายไปแล้ว ที่เข้ามาแทนที่คือจินเฟยเหยาที่เข้าสู่สภาวะหลับลึกและลอยอยู่บนผิวทะเลสีดำ นางกึ่งแช่อยู่ในน้ำทะเลแบบนี้ ปล่อยให้น้ำทะเลสีดำซัดตนเองเบาๆ
จินเฟยเหยาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สติสัมปชัญญะของนางหยุดนิ่ง ถึงแม้ในห้วงการรับรู้จะเงียบสงบ ทว่ามักจะมีพลังวิญญาณล่องลอยในห้วงการรับรู้ จากนั้นก็ค่อยๆ ว่ายเข้าสู่ร่างของจินเฟยเหยาเอง พลังการบำเพ็ญเพียรและพลังวิญญาณของนางล้วนเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ราวกับนางกำลังฝึกบำเพ็ญ
ในห้วงสลบไสลก็สามารถเพิ่มพลังการบำเพ็ญเพียรได้ ถ้าเรื่องนี้ถูกจินเฟยเหยาที่หลับลึกรู้เข้า นางต้องกระหยิ่มใจอย่างยิ่งแน่ ง่ายดายกว่ากินอาหารเพิ่มพลังการบำเพ็ญเพียรอีก แค่หลับอยู่ตรงนั้นก็พอ เรื่องกินอาหารมอบให้เทาเที่ย
ครึ่งเดือนต่อมา บนเกาะลอยได้เล็กๆ ในโลกระดับเทพส่วนใน เผ่ามารและเผ่ามนุษย์กำลังต่อสู้เสี่ยงชีวิตกันแบบให้ตายกันไปข้างหนึ่งเพื่อเกาะลอยได้ขนาดร้อยหลี่ สงครามกำลังร้อนแรง พลันมีสัตว์ปิศาจขั้นเก้าตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนสนามรบ
ปกติขอเพียงมีผู้บำเพ็ญเซียนเปิดฉากต่อสู้ สัตว์ปิศาจทั้งหมดต่างหลบหนีไปนานแล้ว ดังนั้นการปรากฏตัวของมันทำให้ทุกคนตะลึงงัน ขณะที่ทุกคนนึกว่ามันเป็นสัตว์ภูติของใครและยังอิจฉาคนผู้นี้ว่าถึงกับมีสัตว์ภูติขั้นเก้า สัตว์ปิศาจตัวนี้กลับบ้าไปแล้ว
มันยกกรงเล็บขึ้นฟาดตบทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์หรือเผ่ามาร พอถูกมันจับตัวได้ก็โยนใส่ปากทันที ถึงแม้สัตว์ปิศาจจะกินคน ทว่าสัตว์ปิศาจชนิดนี้พอเห็นก็รู้ว่ามากินคนโดยเฉพาะ แต่กลับไม่เคยมีคนพบเห็นมาก่อน สงครามเล็กๆ ของคนจำนวนร้อยกว่าคน เพียงพริบตา นอกจากผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่หลายคนที่หนีไปได้ ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมคนอื่นๆ ล้วนถูกสัตว์ปิศาจตัวนี้กินหมด
ผ่านไปไม่กี่เดือน มันก็ปรากฏตัวขึ้นบนสนามรบอีกแห่งหนึ่ง เห็นสิ่งใดก็กินสิ่งนั้นโดยไม่แบ่งแยกว่ามนุษย์หรือมารเช่นเดียวกัน ทำให้ทั้งสองเผ่าต่างงุนงง ไม่เข้าใจว่ามันเป็นตัวอะไร คิดไม่ถึงว่าจะสามารถข้ามสะพานแขวนระหว่างโลกระดับเทพส่วนในและโลกระดับเทพส่วนนอก แล่นมาก่อเรื่องถึงโลกระดับเทพส่วนในได้
ทว่าเมื่อมีผู้บำเพ็ญเซียนเห็นสัตว์ปิศาจตัวนี้เหยียบบนสะพานแขวนอย่างระมัดระวังและเดินข้ามทะเลเมฆราวกับเด็กผู้หญิง ทุกคนจึงเข้าใจว่าเจ้าตัวนี้วิ่งไปวิ่งมาที่โลกระดับเทพส่วนในได้อย่างไร
หลังจากยืนยันข่าวสารที่แม่นยำ ทั้งโลกเผ่ามารและเผ่ามนุษย์ต่างฮือฮา ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ขึ้นไปจำนวนนับไม่ถ้วนต่างคันไม้คันมือคิดจะยึดมันมาเป็นของตน
เทาเที่ยที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ถือกำเนิดขึ้นแล้ว!