คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 267 ข้าให้เจ้าเอนอิง
แสงอาทิตย์สดใส ชีวิตการเป็นสัตว์ภูติช่างสุขสบายจริงๆ กินอย่างเดียวไม่ต้องทำงาน ถึงอย่างไรก็บำเพ็ญเซียนเพื่อให้มีชีวิตอย่างสุขสบายขึ้นเท่านั้น
จินเฟยเหยานอนอย่างเกียจคร้าน มองคนเผ่ามารขั้นกำเนิดใหม่กำลังใช้เพลิงแท้ย่างนกหัวกลมสูงหกจั้งอยู่ไม่ไกลนัก
นกชนิดนี้รสชาติไม่เลว เพียงแต่ตัวใหญ่หน่อย ย่างแล้วต้องระวังเป็นพิเศษ เห็นเขาดูเหมือนจะใช้ไฟแรงเกินไปหน่อย จินเฟยเหยาจึงสะบัดหางตะโกนว่า “ผู้อาวุโส ไฟแรงเกินไป ตอนนี้เติมเครื่องเทศได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะไม่เข้าเนื้อ”
คนเผ่ามารผู้นี้มองนางแวบหนึ่ง จากนั้นก็เรียกผู้ฝึกบำเพ็ญขั้นหลอมรวมสองคนข้างกาย สองคนนี้จึงยกเกลือและเครื่องเทศที่กองเป็นภูเขาลูกเล็กๆ ข้างกายขึ้น ส่วนจินเฟยเหยากลับนอนมองอยู่ด้านข้างด้วยรอยยิ้มแฉ่ง ครุ่นคิดว่าอีกเดี๋ยวจะกัดตรงส่วนใดก่อนดี
นางปรับตัวให้เข้ากับร่างนี้ของตนเองได้มากขึ้นทุกที อยู่ที่นี่มาหลายเดือน ตานสัตว์ปิศาจและเนื้อสัตว์ปิศาจมีให้ไม่ขาด ที่น่าแปลกคือคนเผ่ามารไม่ได้นำจินตันหรือหยวนอิงของเผ่ามนุษย์กลับมา ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ บางทีอาจจะจับยากหรือไม่อยากทำให้เผ่ามนุษย์โกรธแค้น
แต่มีตานสัตว์ปิศาจและเนื้อสัตว์ก็พอแล้ว มีผู้ฝึกบำเพ็ญเผ่ามารขั้นหลอมรวมขึ้นไปนับพันคนเลี้ยงดูนาง พลังการบำเพ็ญเพียรของจินเฟยเหยาจึงพุ่งพรวดพราด เดิมทีนางเพิ่งเข้าสู่ขั้นหลอมรวมช่วงกลาง ทว่าช่วงเวลาสั้นๆ ที่เทาเที่ยปรากฏตัวขึ้นและนางหลับลึก ในยามหลับใหลนางก็บรรลุขั้นหลอมรวมช่วงปลายแล้ว เพื่อให้บรรลุขั้นกำเนิดใหม่ในเร็ววัน จินเฟยเหยาจึงพยายามดื่มกินอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ละวันต้องกินจนพุงกางจึงยอมหยุด
ฝึกเคล็ดวิชาสร้างร่างมารก็ง่ายดาย ถึงอย่างไรนางก็ไม่ต้องทำงาน นอนอยู่ตรงนั้นก็สามารถฝึกบำเพ็ญได้
หลังจากนกหัวกลมย่างเสร็จเรียบร้อย จินเฟยเหยาก็กินเนื้อนกที่มีปริมาณมากกว่าตนเองหลายสิบเท่าจนเกลี้ยง แล้วนอนพุงป่องอยู่ตรงนั้นทำกิจกรรมอาบแดดของแต่ละวัน
ทันใดนั้น มีคนผู้หนึ่งมารบกวนช่วงเวลาอันยอดเยี่ยมของนาง
หลงเดินมาถึงเบื้องหน้า มองสารรูปนั้นของนาง ราวกับเขาคิดจะออกจากบ้าน จินเฟยเหยาคร้านจะลุกขึ้นจึงเบิกตามองเขาไม่ส่งเสียงสักแอะอยู่แบบนั้น
“ไป ตามข้าออกไปสักครา” หลงมองนางพลางเอ่ยวาจา
จินเฟยเหยาเงียบงันไปครู่หนึ่ง “ใต้เท้าหลง ข้ากินมากเกินไป ลุกไม่ไหว”
“…” หลงไม่เอ่ยวาจา เพียงแต่จ้องมองท้องของนาง จากนั้นก็ตะโกนบอกคนที่อยู่รอบด้าน “ต่อไปไม่ต้องทำอาหารเยอะ ให้นางกินอิ่มครึ่งเดียวก็พอ กินมากไปก็เริ่มขี้เกียจและไม่เชื่อฟัง”
สิ้นเสียง จินเฟยเหยาก็ดิ้นรนลุกขึ้นยืน เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ใต้เท้าหลง ข้ายืนขึ้นแล้ว แต่ข้ายังต้องเฝ้าบ้าน ถ้าข้าไปแล้วมีโจรมาจะทำอย่างไร?”
“นอกจากเจ้าแล้ว ที่นี่ไม่มีใครเหมือนโจร” หลงเอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“เกินไปแล้ว ถ้าท่านพูดแบบนี้ ข้าไปคงพอแล้วสินะ เอาปลอกคอธาราออกให้หน่อย ข้าจะไปจากที่นี่ เสียศักดิ์ศรีเกินไป” จินเฟยเหยานั่งบนพื้น รู้สึกไม่พอใจเต็มอก
หลงก้าวมาข้างหน้าและเตะก้นจินเฟยเหยาหนึ่งที “เจ้าเป็นแบบนี้แล้วยังเอ่ยถึงศักดิ์ศรีอะไรอีก อย่าพูดจาเหลวไหล ตามข้าไป”
“โฮก!” เตะทีหนึ่งไม่เจ็บ แต่กลับทำให้อารมณ์เสีย เห็นข้าเป็นสัตว์เฝ้าบ้านจริงๆ สินะ จินเฟยเหยาคำรามใส่เขา โทสะของเทาเที่ยปะทุออกมา นำพาสายลมคลั่งเข้าโจมตี
หลงยื่นมือไปสกัดการโจมตีนี้ รอบด้านยังถูกเสียงคำรามของนางทำเอายุ่งเหยิงเป็นแถบ ทุกคนอดทอดถอนใจไม่ได้ สัตว์ร้ายแห่งบรรพกาลตัวนี้ร้ายกาจจริงๆ ถ้าสามารถรวบรวมสัตว์ร้ายทั้งสี่ได้ครบ ยังจะมีคู่ต่อกรอีกหรือ?
แน่นอนว่าเพียงแค่คิด ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าสัตว์ร้ายทั้งสี่จะปรากฏตัวขึ้นในยุคเดียวกันหรือไม่ ต่อให้โชคดีปรากฏตัวขึ้นทั้งหมด เจ้านายจะมีชีวิตอยู่จนสัตว์ร้ายโตเต็มวัยหรือไม่ยังเป็นปัญหา
รอจนจินเฟยเหยาคำรามเสร็จ หลงก็ใช้มือคว้าปลอกคอธาราบนลำคอของนาง ไอมารทะลักเข้าไป ปลอกคอธาราสว่างขึ้นทันที จินเฟยเหยารู้สึกว่าร่างอ่อนยวบจากนั้นก็ถูกหลงลากออกไป
ครั้งนี้คนที่ต้องออกไปมีไม่น้อยจริงๆ ผู้อาวุโสสิบสองคนมาครึ่งเดียว คนหนึ่งในนั้นนำเรือกระดูกร้อยสรรพสัตว์ออกมาลำหนึ่ง พอโยนขึ้นกลางอากาศก็เปลี่ยนเป็นมีขนาดร้อยจั้ง เรือลำนี้บรรทุกผู้ฝึกบำเพ็ญเผ่ามารห้าหกร้อยคน หงก็รวมอยู่ในนั้นด้วย เขายืนด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งอยู่บนเรือ รวมแล้วเรือลำนี้มีพลังโจมตีนับพันคน
ไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปหาเรื่องเผ่ามนุษย์ใช่หรือไม่ จินเฟยเหยาในฐานะที่เป็นสัตว์ภูติของหลงก็ถูกจูงอยู่ข้างกายเขา และนอนอย่างเกียจคร้านในตำแหน่งสะดุดตาทุกคน จินเฟยเหยาเตรียมฉวยโอกาสหลับสักงีบ
ตาเพิ่งปิดลงก็ได้กลิ่นหอมที่เข้มข้นจนทำให้นางอยากจาม จินเฟยเหยาลืมตาขึ้นอย่างไม่พอใจ พบว่าสตรีเผ่ามารขั้นแปลงจิตคนหนึ่งเดินมา
สตรีผู้นี้ก็มีเส้นผมยาวสีดำ สวมชุดอย่างที่เรียกได้ว่างดงามหรูหราจนแทบแยงนัยน์ตาสัตว์ของจินเฟยเหยาบอด ทว่าพอเหลียวซ้ายแลขวา คนที่นั่งอยู่ที่นี่ทั้งหมดเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญขั้นว่างเปล่า ไม่มีที่นั่งของนางเลย จินเฟยเหยาอดคิดไม่ได้ว่า นางจงใจมาหว่านเสน่ห์เสียแปดส่วน คิดจะประจบจอมมารหลงสินะ
จริงเสียด้วย พอสตรีผู้นี้มาก็นั่งบนตั่งกว้างของหลงอย่างยิ้มแย้ม เผยเรือนร่างอันยั่วยวนออกมา นางเอ่ยอย่างหยาดเยิ้มว่า “ใต้เท้าหลง ให้ข้ายืมเทาเที่ยของท่านเล่นสักหลายวันได้หรือไม่?”
หา? จินเฟยเหยาหูผึ่ง ยืมข้าไปเล่น?
หลงไม่ได้เอ่ยวาจา เพียงแต่นั่งบนตั่งกว้างแล้วเหลือบตาขึ้นมองนาง ส่วนหงที่อยู่ไม่ไกลนักขมวดคิ้ว ในดวงตามีประกายดุร้ายวาบผ่าน ในใจแอบด่าทอ “นางจิ้งจอกยั่วสวาท คิดไม่ถึงว่าจะรบกวนใต้เท้าหลงของข้า”
เห็นหลงไม่ได้เอ่ยปากปฏิเสธ ร่างของนางก็เข้ามาใกล้หลงอีกหน่อย “ใต้เท้าหลง ถ้าอย่างไรท่านก็แลกนางกับข้าเถอะ ข้าจะใช้ลูกกบกลืนฟ้ามาแลกเปลี่ยน”
เอ่ยจบก็เห็นนางหยิบลูกอ๊อดขนาดใหญ่ยาวสามฉื่อกว่าออกมาจากถุงสัตว์ภูติ
เดิมทีจินเฟยเหยายังคิดจะดูว่ากบกลืนฟ้าว่าหน้าตาเป็นอย่างไร มีความเกี่ยวพันกับพวกพั่งจื่อหรือไม่ เห็นนางกอดลูกอ๊อดก็นิ่งอึ้งไปทันที แต่นางพลันได้สติคืนมา กบกลืนฟ้าก็คือกบ ตัวอ่อนย่อมต้องเป็นลูกอ๊อด
เห็นลูกอ๊อดตัวนั้นหน้าตาอัปลักษณ์ มีเพียงหัวเดียว มีหางยาว และปากขนาดใหญ่ จินเฟยเหยาพลันเกิดโทสะขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าจะใช้ตัวพรรค์นี้มาแลกเปลี่ยนกับข้า อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเอากบกลืนฟ้าที่โตเต็มวัยมาสิ
ในเวลานี้เอง จินเฟยเหยาพลันรู้สึกได้ว่าการป้องกันของปลอกคอธาราบนลำคอคลายลง ร่างกายเปี่ยมด้วยพลัง ดังนั้นนางกระโดดขึ้นอย่างกะทันหัน ใช้กรงเล็บขวาฟาดตบสตรีเผ่ามารและลูกอ๊อดตัวโต
ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นผู้ฝึกบำเพ็ญขั้นแปลงจิต มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการโจมตีอย่างกะทันหันของจินเฟยเหยา ร่างพลันถอยไปด้านหลังในพริบตา เห็นเพียงกลีบดอกไม้ล่องลอย เงาร่างสีดำสายหนึ่งก็ทะลุผ่านห้องโถงเรือไปกระแทกบนการป้องกันด้านนอกทันที
ตัวอ่อนกบกลืนฟ้าตัวนั้นยังไม่งอกขาก็ถูกจินเฟยเหยาใช้กรงเล็บตบไปกระแทกการป้องกันตาย
จากนั้นพอทุกคนมองมาทางหลง ก็พบว่าชุดอาคมชั้นกลางบนทรวงอกของสตรีผู้นั้นถูกกรงเล็บแหลมคมของจินเฟยเหยาตบจนฉีกขาด เผยให้เห็นหน้าอกขาวๆ ด้านในและบนหน้าอกยังมีรอยข่วนที่ไม่ลึกนักห้าสาย
ถึงแม้เผ่ามารจะมีธรรมเนียมที่เปิดกว้าง ทว่าเผยหน้าอกต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ยังทำให้นางเดือดดาลอย่างยิ่ง นางก็เป็นชนชั้นสูง อีกทั้งระดับชั้นยังเป็นหนึ่งในบรรดาผู้อาวุโส คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะขายหน้าต่อหน้าทุกคน ทั้งหมดเป็นเพราะเทาเที่ยตัวนี้ นางใช้มือปิดหน้าอกและลุกขึ้นยืน ไอมารปะทุออกมา ในดวงตาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
จินเฟยเหยาเก็บกรงเล็บและกระโดดขึ้นตั่งกว้างของหลง แล้วเบียดอยู่ด้านหลังเขาแสร้งเป็นหมอนอิงใบใหญ่ นางเชื่องราวกับลูกแมว เก็บกรงเล็บและเบิกตาโตมองสตรีเผ่ามารที่มีโทสะสูงเสียดฟ้า
“เหมย นี่เป็นหมอนอิงของข้า” หลงเอนอิงไปด้านหลัง เอียงพิงบนร่างของจินเฟยเหยาและเอ่ยอย่างชืดชา
เหมยสีหน้าแปรเปลี่ยน ยืนกัดริมฝีปากอย่างไม่ยินยอม สุดท้ายก็เบนศีรษะพุ่งออกจากห้องโถงเรือ ตอนนี้ไม่มีสถานที่ไป อย่างมากนางก็ไปหาสถานที่ไร้ผู้คนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า
จินเฟยเหยาคิดไม่ถึงว่านิสัยติดหมอนอิงของจอมมารหลงจะขึ้นชื่อขนาดนี้ แค่บอกประโยคเดียวว่านี่คือหมอนอิงของข้าก็ทำให้คนหวาดกลัวจากไป ท่าทางตนเองจะเดิมพันได้ถูกต้อง เจ้าหมอนี่ยังหาหมอนอิงที่ใช้ได้ดีไม่ได้ และขัดเขินที่จะขอหมอนอิงเมฆหน่วนซินจากมือน้องสาวของตนเอง
เห็นตอนนี้ไม่มีอันตรายแล้ว จินเฟยเหยาจึงขยับร่างคิดจะเคลื่อนลงจากตั่ง พอขยับตัวนางก็สบสายตาของหลง นั่นคืออะไร จินเฟยเหยารู้สึกว่ามีกระบี่อันคมกริบหมื่นเล่มปักเข้าในร่างของตนเอง ตลอดร่างหนาวเหน็บราวกับผนึกเป็นน้ำแข็ง
เจตนาสังหารอันแข็งแกร่งยิ่ง จินเฟยเหยาจ้องมองสายตาของหลงจากนั้นฟุบร่างและศีรษะที่เงยขึ้นลงไป เป็นหมอนอิงขนาดใหญ่ที่นุ่มนิ่มอย่างว่าง่าย เห็นนางทำตามความประสงค์ของตนเอง หลงจึงเก็บสายตาสังหารคนและเอนพิงลงไปอีกครั้ง ใช้มือลูบขนสีดำมันปลาบ รู้สึกว่าสิ่งนี้อิงแล้วไม่เลวเลยทีเดียว
จินเฟยเหยาในยามนี้สำนึกเสียใจสุดขีด ตนเองกำลังทำอะไรอยู่ ขุดหลุมให้ตนเองกระโดดลงไป คราวนี้ยุ่งแล้ว อาศัยความติดหมอนอิงอย่างแปลกประหลาดของเจ้าหมอนี่ ต่อไปตนเองอาจจะไม่ได้เฝ้าบ้าน แต่ต้องไปอุ่นตั่ง[1]แทน!
นางสำนึกเสียใจอยู่ทางนี้ ทางนั้นกลับมีคนริษยาแทบตาย ในสายตาเย่อหยิ่งของหงเกือบจะซ่อนความอิจฉาไว้ไม่อยู่ หากรู้แต่แรกว่าทำแบบนี้จะได้ใกล้ชิดกับใต้เท้าหลง เขาคงคิดหาวิธีเปลี่ยนตนเองให้เป็นสัตว์ น่าเสียดายการแปลงกายเป็นสัตว์ที่มีขนและหนังอันอ่อนนุ่มไม่ใช่เรื่องง่าย เขาได้แต่จ้องมองจินเฟยเหยาที่ขมขื่นอย่างอิจฉาริษยา รู้สึกว่านางเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก
จินเฟยเหยาที่ได้ใกล้ชิดกับจอมมารหลงนอนอยู่บนตั่งฟังชนชั้นทรงอิทธิพลของเผ่ามารเหล่านี้สนทนาเรื่องสำคัญ
นางฟังอยู่นานจึงเข้าใจ ที่แท้ครั้งนี้คนเผ่ามารที่มีอำนาจตัดสินใจจำนวนมากออกไปพร้อมกันคือเตรียมไปเจรจากับเผ่ามนุษย์
การสู้รบครั้งนี้เปิดฉากขึ้นอย่างงุนงง สู้กันมานานขนาดนี้ก็ยังไม่มีบทสรุป คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะจบลงอย่างกะทันหัน โดยพื้นฐานแล้วดินแดนของทั้งสองฝ่ายไม่แตกต่างจากก่อนสงครามเปิดฉาก เนื่องจากทั้งสองฝ่ายรบกันที่โลกระดับเทพส่วนนอกและจัดการสถานที่มากมายจนเกลี้ยงเกลา โลกระดับเทพส่วนในจึงขยายออกมาภายนอกถึงหนึ่งในห้าส่วน
ส่วนสิ่งทำให้ทั้งสองเผ่าตัดสินใจนั่งลงเจรจาสงบศึกกันดีๆ คิดไม่ถึงว่าเนื่องจากผู้ฝึกวิชาชั่วร้ายกลุ่มนั้นของโลกวิญญาณหนานเฟิง ได้ยินว่าคนเหล่านี้ฉวยโอกาสที่ทั้งสองเผ่าสู้รบกันครั้งนี้รุกรานเข้ามาในดินแดนของทั้งสองเผ่า
ถึงแม้พวกเขาจะมีจำนวนคนไม่มาก ไม่ได้โจมตีขนานใหญ่ ทว่ากลับใช้วิธีการกลับชั่วร้ายรังควาญคนธรรมดาและผู้บำเพ็ญเซียนระดับต่ำที่ชายแดนโลกอันไร้ที่สิ้นสุด สิ่งที่คนส่วนใหญ่ใช้เป็นวิธีโจมตีอันชั่วร้าย ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกและหวาดกลัว เป็นปัญหาอย่างยิ่ง
………………………………
[1] อุ่นตั่ง มีความหมายเหมือนอุ่นเตียง คือการที่บุรุษให้สตรีไปคอยที่เตียงก่อนเพื่อมีความสัมพันธ์กัน