คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 274 วงเวทดวงตาสวรรค์ชักนำสายฟ้า
ตามแผนภาพที่ยิงเข้ามาในการรับรู้ จินเฟยเหยาต้องขุดหลุมในสถานที่ประมาณสองร้อยจั้งรอบน้ำพุความฝัน หลงยังกำชับเป็นพิเศษว่าต้องวางเบ้าตาของกะโหลกไว้ด้านบน ห้ามเบี้ยว
ไม่รู้จะถูกผู้บำเพ็ญเซียนขั้นผสานร่างที่ชื่อติงจั๋วคนนั้นพบเห็นหรือไม่ จินเฟยเหยาจึงรีบขุดหลุมฝังกะโหลกศีรษะ กรงเล็บอันแหลมคมของนางขุดหลุมได้รวดเร็ว
หลงยืนมองอยู่บนไหล่เขาไกลๆ ถ้าตอนนี้เขาเข้าใกล้น้ำพุความฝัน ต้องทำให้ติงจั๋วรู้ตัวแน่ ได้แต่รอจินเฟยเหยาฝังกะโหลกอย่างเงียบๆ ตามแผนการที่เขาวางไว้ขอเพียงไม่เข้าใกล้มากเกินไป ติงจั๋วจะไม่พบเห็นว่ามีคนกำลังกางวงเวท เพียงแต่กะโหลกสุดท้ายต้องวางข้างน้ำพุความฝัน ถึงตอนนั้นต้องดูความสามารถของจินเฟยเหยาแล้ว
จินเฟยเหยาฝังกะโหลกตามลำดับจากข้างนอกมาข้างใน ตัวนางเองก็เข้าใจ ถ้าเข้าใกล้มากเกินไปต้องถูกพบเห็นแน่ อีกทั้งสิ่งที่นางใส่ใจมากที่สุดคือกะโหลกชิ้นสุดท้าย ตำแหน่งของสิ่งนี้อยู่ข้างน้ำพุความฝันพอดี ต่อให้ตนเองขุดหลุมได้เร็วก็ต้องใช้เวลา ทว่าเพียงหนึ่งถึงสองอึดใจตนเองก็อาจจะถูกติงจั๋วกักขังไว้ นี่เป็นปัญหายากจริงๆ
สุดท้ายเหลือเพียงกะโหลกห้าชิ้น จินเฟยเหยาลังเลเล็กน้อย มีสี่ชิ้นที่อยู่ไม่ห่างจากน้ำพุความฝันนัก และมีอีกชิ้นอยู่ข้างบ่อน้ำพุความฝัน ถ้าปลอมเป็นสัตว์ไปดื่มน้ำ ดูเหมือนจะสะดุดตาเกินไปหน่อย ใครจะดื่มน้ำพลางขุดหลุม
จินเฟยเหยากัดฟันเดินโซเซแสร้งทำท่าได้รับบาดเจ็บ ถึงตำแหน่งที่กำหนด นางก็เอียงร่างล้มลง ราวกับล้มแล้วลุกไม่ไหว จากนั้นก็ใช้กรงเล็บขุดพื้นดิน แล้วนำกะโหลกที่ใช้ขนยาวๆ ปิดบังไว้ฝังลงในหลุมเล็กๆ
จากนั้นดิ้นรนลุกขึ้นอีกแล้วเดินโซเซไปยังอีกที่ ใช้วิธีนี้กะโหลกห้าชิ้นถูกนางฝังไปสามชิ้นแล้ว ขณะที่นางเตรียมจะฝังชิ้นที่สี่ น้ำพุความฝันพลันปั่นป่วนอย่างกะทันหัน น้ำสาดกระเซ็นขึ้นกลายเป็นใบมีดปลายแหลมใบแล้วใบเล่าปักใส่นาง
จินเฟยเหยาตกใจ ไม่รู้ว่าติงจั๋วคิดจะล่าสังหารสัตว์ปิศาจขั้นเก้าหรือพบความผิดปกติ คิดจะขัดขวางนางกางวงเวท ไม่ว่าจะเป็นอย่างใดก็ล้วนต้องตาย จินเฟยเหยาไม่อาจสนใจมากความ ร้องคำรามและขยายร่างเป็นห้าหกจั้ง
ดาบวารีจำนวนนับไม่ถ้วนปักลงบนร่างนางดังฉึกๆ จินเฟยเหยาฉวยโอกาสที่ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นผสานร่างไม่ออกมาและร่างกายของตนเองสูงใหญ่ จึงฝืนรับการโจมตีของดาบวารีเหล่านี้
ดาบวารีที่ใสกระจ่างเหล่านี้กลับคมกริบสุดเปรียบปานปักทะลุผิวหนังหนาของนาง จินเฟยเหยาเจ็บจนส่งเสียงร้อง นางกัดฟันขุดหลุมอีกหลุม วางกะโหลกแบบหันเบ้าตาขึ้นด้านบนลงไปแล้วกวาดหนึ่งทีก็ใช้ดินกลบไว้
การกระทำของนางทำให้ติงจั๋วประหลาดใจทันที ดาบวารีหนาแน่นถี่ยิบบินออกจากในน้ำพุความฝันราวกับสายฝนกระหน่ำ ร่างเรียบลื่นมีแสงวิบวับราวกับตัวต่อมีพิษฝูงใหญ่โจมตีจินเฟยเหยา
จินเฟยเหยากลับกระโดดไปด้านข้างแล้วกลิ้งบนพื้น หลบหลีกดาบวารีเหล่านั้นอย่างสุดกำลัง น่าเสียดายที่ร่างของนางใหญ่เกินไปการหลบหลีกแบบนี้ไม่ได้ผลเลยสักนิด ทว่าเป้าหมายของนางเป็นข้างน้ำพุความฝันจำเป็นต้องเข้าใกล้ดาบวารี
ดาบวารีปักมาอย่างต่อเนื่อง จินเฟยเหยาสงสัยว่าตนเองใกล้จะกลายเป็นเม่นแล้ว โลหิตไหลออกมาจากบาดแผลลงมาตามขนและหยดบนพื้น ที่จริงบาดแผลพวกนี้ไม่สาหัสแต่มีปริมาณมากเกินไป จึงแลดูน่ากลัวอยู่บ้าง
คิดถึงว่าสิ่งที่โจมตีตนเองคือน้ำในน้ำพุความฝัน จินเฟยเหยาต้านรับดาบวารีอันแน่นขนัด แล้วพุ่งเข้าหาน้ำพุความฝัน นางยกอุ้งเท้าไฟนรกผสมไอปิศาจโจมตีน้ำพุความฝัน เกรงว่าการโจมตีเช่นนี้คงไม่อาจทำลายน้ำพุความฝันได้ นางจึงเรียกกระทั่งทงเทียนหรูอี้ออกมาให้กลายเป็นค้อนยักษ์บดขยี้น้ำพุความฝันในแนวนอน
เสียงดังตูม อุ้งเท้าขนาดยักษ์ฟาดลงบนน้ำพุความฝัน น้ำในน้ำพุแห่งความฝันที่ไม่เคยไหลล้นมาก่อนสั่นสะเทือนนิดหนึ่งแล้วไหลออกมา ทว่าก้อนหินผุพังหลายก้อนที่ก่อขึ้นเป็นขอบบ่อกลับสั่นสะเทือนแล้วหยุดลงโดยไม่มีอะไรเสียหายสักนิด
จากนั้นตามมาด้วยค้อนทงเทียนหรูอี้ทุบบ่อน้ำอย่างหนักหน่วง ขอบบ่อขนาดเท่าฝ่ามือชิ้นหนึ่งกระเด็นไป สำหรับจินเฟยเหยาแล้วความก้าวหน้าเล็กน้อยแค่นี้กลับไม่มีประโยชน์เลยสักนิด เนื่องจากบ่อน้ำพุความฝันไม่ได้รับความเสียหาย น้ำพุเหล่านี้จึงลอยออกมาจากในบ่อรวมตัวเป็นยักษ์ถือดาบยาวตนหนึ่ง
ยักษ์ผุดร่างขึ้นมาจากในบ่อราวกับอสรพิษและยกดาบใหญ่ที่สร้างขึ้นจากน้ำฟันใส่จินเฟยเหยาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ทงเทียนหรูอี้กลายเป็นดาบยักษ์ต้านไว้ทันที ถ้าถูกฟันโดนสักครั้งคงย่ำแย่แน่ พลังการบำเพ็ญเพียรต่างกันไกลลิบลับ
ร่างจริงยังไม่ปรากฏ แค่ดาบเดียวของมนุษย์วารีทงเทียนหรูอี้ก็กระเด็นลอยไปทันที ฉวยโอกาสที่ทงเทียนหรูอี้ต้านทานได้หนึ่งอึดใจ จินเฟยเหยายกกรงเล็บขึ้นขุดพื้น คุ้ยทั้งหญ้าทั้งดินขึ้นมาพร้อมกัน
เวลานี้ดาบที่สองฟันลงมาอีกครั้ง จินเฟยเหยากัดฟัน ทงเทียนหรูอี้บินกลับมาและกลายเป็นโล่ขนาดยักษ์ชิ้นหนึ่งกันไว้เบื้องหน้านาง โล่สกัดกั้นดาบนี้และกระแทกลงบนร่างจินเฟยเหยาทันที
นางใช้กายเนื้อยันทงเทียนหรูอี้เอาไว้ จากนั้นโยนกะโหลกลงในหลุมและยังไม่ลืมมองแวบหนึ่งว่าเบ้าตาหันขึ้นหรือไม่ นางเห็นเบ้าตาเอียงไปด้านข้างก็รีบใช้กรงเล็บทำให้ตรงแล้วใช้มือกลบดิน
ในเวลานี้เอง ดาบที่สามของมนุษย์วารีก็ฟันมา ทงเทียนหรูอี้สั่นสะเทือนจนหดกลับเป็นลักษณะเดิม ส่วนดาบวารีเล่มนั้นฟันเข้าที่ไหล่ซ้ายของจินเฟยเหยา
“อ๊า!” นางเจ็บจนร้องลั่น โลหิตสดกระเซ็นออกมาจากบาดแผล นางหมุนตัวไปแว้งกัดมนุษย์วารี มนุษย์วารีกลายเป็นน้ำสาดกระจายลงพื้นทำให้จินเฟยเหยากัดพลาด
นางเดือดดาลอย่างยิ่งใช้อุ้งเท้าตบบ่อน้ำพุความฝันหลายครั้งจากนั้นโอบบ่อน้ำพุความฝันแล้วกัดแทะ เทาเที่ยก็คือเทาเที่ย ฟันอันคมกริบสามารถกัดแทะขอบบ่อน้ำที่ทุบตีไม่แตกหักจนพังหลายชิ้น ส่วนมนุษย์วารีรวมตัวขึ้นใหม่ยืนถือดาบวารีอยู่กลางอากาศอีกครั้ง
ในชั่วพริบตาที่กะโหลกจัดวางเสร็จสิ้น หลงที่อยู่บนไหล่เขาก็รู้เรื่องนี้ทันที สองมือของเขาประกบกันและผนึกคาถาอย่างรวดเร็ว คาถานี้ยาวนานจริงๆ และคลอด้วยเสียงร้องคำรามของจินเฟยเหยาอยู่ตลอด ใช้เวลาไปไม่น้อยจึงร่ายเสร็จสิ้น
หลงผนึกคาถาเสร็จก็ชี้ไปทางน้ำพุความฝัน “ดวงตาสวรรค์ชักนำสายฟ้า!”
สิ้นเสียงของเขา ตำแหน่งของกะโหลกแปดสิบเอ็ดชิ้นพลันส่องแสงสีขาวสว่างเจิดจ้า แสงสว่างแปดสิบเอ็ดสายพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา ตามการขับเคลื่อนวงเวท ครู่หนึ่งเมฆดำซึ่งมีพลังมหาศาลก็หลั่งไหลมา ชั่วพริบตาผืนนภาเป็นสีดำสนิท จากนั้นมีเสียงฟ้าคำรามครืนครั่น มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบในเมฆดำไม่หยุด
ในที่สุด สายฟ้าขนาดหยาบใหญ่เท่าแขนก็ผ่าลงมาโจมตีร่างของมนุษย์วารี มนุษย์วารีที่กำลังฟันอย่างเริงร่าถูกสายฟ้าผ่า ร่างกลายเป็นไอน้ำทันที ส่วนสายฟ้าที่เหลือกลับยังโจมตีภายในน้ำพุความฝันต่อ
จินเฟยเหยาหวาดกลัวจนกลิ้งไปด้านข้างอย่างกระเซอะกระเซิง สายฟ้าสายนั้นผ่าข้างหางของนาง เกือบจะกลายเป็นเทาเที่ยหางด้วนแล้ว เดิมทีบนหัวก็ไม่มีเขา ถ้าตอนนี้แม้แต่หางก็ยังไม่มี มิถูกคนหัวเราะตายหรือ
ตามสายฟ้าที่ผ่านำลงมา สายฟ้าที่ผ่าตามหลังทั้งหมดผ่าในวงเวทดวงตาสวรรค์ชักนำสายฟ้าราวกับฝนตก จินเฟยเหยาล้มลุกคลุกคลาน เพื่อให้พื้นที่ถูกแจ็คพ็อตเล็กลงนางจึงหดร่างกลับเป็นขนาดครึ่งตัวคนและพยายามหลบหนีเข้าไปในป่าราวกับสัตว์ป่าที่ถูกนายพรานใช้ธนูไล่ยิงอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างหนียังต้องหลบหลีกการโจมตีของสายฟ้าไปพลางด้วย มีบ่อยครั้งที่ถูกสายฟ้าเฉียดผ่านร่างไป ทำเอาถูกสายฟ้าเผาไหม้ขนจนล้านเลี่ยนไปไม่น้อย จินเฟยเหยาจึงพุ่งออกจากวงเวทดวงตาสวรรค์ชักนำสายฟ้าได้อย่างยากลำบาก กลิ้งบนพื้นหอบหายใจแฮ่กๆ ก็เห็นหลงกางร่มสีดำเดินมา
เห็นเหนือร่มสีดำมีแสงสายฟ้าแลบแปลบปลาบ จินเฟยเหยาอดตำหนิในใจไม่ได้ ตนเองไม่ต้องมากางวงเวท อยู่ห่างตั้งไกลยังกางร่มสีดำหลบสายฟ้า หรือว่าข้าไม่ต้องหลบสายฟ้า ถึงถูกฟ้าผ่าตายก็สมควรแล้ว!
ราวกับสังเกตเห็นความโกรธแค้นในดวงตาจินเฟยเหยา และเป็นไปได้ว่าหลังจากนี้ยังต้องขี่นางกลับไปอีก หลงจึงโยนกล่องหยกเล็กๆ รูปสี่เหลี่ยมให้นาง “กินยาเม็ดนี้ลงไป บาดแผลบนร่างจะดีขึ้นมาก”
“บุกน้ำลุยไฟแลกมาได้แค่ยาเม็ดเดียว เจ้าตระหนี่จริงๆ” จินเฟยเหยามองกล่องหยกเล็กๆ ที่วางบนพื้นหน้าปลายจมูก อดทนต่อความเจ็บปวดใช้กรงเล็บเปิดออกอย่างไม่พอใจ
กล่องหยกเพิ่งเปิดออก แสงสดใสสาดส่องดวงตานางจนพร่าพราย จินเฟยเหยามองดูด้านในแวบหนึ่งแล้วรีบปิดกล่องหยก
“ยาวิญญาณขั้นเจ็ด ยาคืนชีพกลับสวรรค์!”
นางกอดกล่องหยกแน่น มองหลงอย่างตกตะลึง พบว่าภายใต้หนังสีดำทั่วร่างคนผู้นี้มีหยวนอิงที่เปี่ยมน้ำใจ “ใต้เท้าหลง ท่านเป็นคนดีที่หาได้ยากในโลกนี้จริงๆ ของดีเช่นนี้ก็ตัดใจมอบให้ข้าได้ แค่ทำงานรับใช้เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะให้ยาวิญญาณขั้นเจ็ดแก่ข้า”
หลงกางร่มสีดำมองนาง เห็นนางกอดยาคืนชีพกลับสวรรค์แน่นด้วยท่าทางซาบซึ้งใจ ไม่เข้าใจว่าที่แท้ยากจนถึงขั้นใด ก็แค่ยาขั้นเจ็ดเม็ดหนึ่งถึงกับจะยินดีขนาดนี้
จินเฟยเหยาเคยเห็นยาคืนชีพกลับสวรรค์มาก่อน เป็นของประมูลชิ้นหนึ่งในสถานประมูล ณ เมืองวั่นเซียนสุ่ย เนื่องจากซื้อไม่ไหว นางจึงไม่ได้จำราคาว่าสามารถขายได้กี่ศิลาวิญญาณชั้นกลาง ทว่าสิ่งที่ทราบกระจ่างคือของสิ่งนี้มีราคาแพง อีกทั้งแค่มียาชนิดนี้ ไม่ว่าบาดแผลสาหัสเพียงใด ขอเพียงกินลงไปเม็ดหนึ่งก็สามารถทำให้เนื้อขึ้น เชื่อมเส้นเอ็น และสร้างกระดูกได้
จินเฟยเหยาตะโกนเรียกต้านิวด้วยรอยยิ้ม ใส่ยาคืนชีพกลับสวรรค์ที่สามารถช่วยชีวิตในยามวิกฤติเม็ดนี้ลงในถุงเฉียนคุน ตอนนี้บาดแผลเล็กน้อยไม่ต้องใช้ของดีแบบนี้
เห็นได้ชัดว่าถูกฟันจนเนื้อหนังปริแตก นางยังตัดใจกินยาคืนชีพสู่สวรรค์เม็ดนี้ไม่ได้ เห็นท่าทางยากจนของนาง หลงก็หยิบกล่องหยกออกมาโยนไปให้อีก “กินนี่เสีย ไม่เช่นนั้นอีกสักครู่ถ้าแพ้จะไม่มีแรงหนีเอาชีวิตรอด”
เศรษฐี! เปิดกล่องหยกที่หลงโยนมาให้อีก ดวงตาของจินเฟยเหยาพร่าพรายอีกครั้ง ด้านในบรรจุยาคืนชีพกลับสวรรค์เม็ดหนึ่ง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ พกพาของดีมามากมายขนาดนี้ ถ้าบอกว่าพวกเขาจะถูกทุบตีตายก็ยังไม่อยากเชื่อ
คิดถึงว่าอีกครู่หนึ่งต้องเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นผสานร่าง ตนเองก็เก็บยาคืนชีพกลับสวรรค์ไปเม็ดหนึ่งแล้ว จินเฟยเหยาจึงกินยาเม็ดนี้ลงไป ยาขั้นเจ็ดไม่ธรรมดาจริงๆ ยาขั้นต่ำอื่นๆ หากไม่หวานก็เข้าปากแล้วละลายทันที ยาคืนชีพกลับสวรรค์เม็ดนี้ขมสุดขีดจริงๆ
ขมวดคิ้วกลืนยาลงไปอย่างยากลำบาก รสขมในปากยังไม่หายไป จินเฟยเหยาก็รู้สึกคันบาดแผลบนร่าง ปากแผลกำลังสมานตัวเข้าหากันด้วยความเร็วที่มองเห็นได้โดยตาเปล่า นางเงยหน้าขึ้นอย่างดีใจ คิดจะบอกเรื่องน่ายินดีนี้กับหลง ก็เห็นเขาจ้องมองด้านล่าง ในดวงตาเต็มไปด้วยแววเข่นฆ่า