คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 87 พบอุโมงค์น้ำโดยบังเอิญ
กลับมาถึงถ้ำเซียน จินเฟยเหยานำวงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจออกมา กางวงเวทวิญญาณตามคำแนะนำ หลังจากกางวงเวท นางถ่ายเทการรับรู้ลงในวงเวทวิญญาณ เห็นในวงเวทวิญญาณมีพื้นที่เล็กๆ กำลังรอวิญญาณของสัตว์ปิศาจพอดี
ถ่ายเทพลังวิญญาณลงในนั้นเบาๆ วงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจก็ส่งเสียงหึ่งๆ เริ่มทำงาน นางเห็นแสงรัศมีเจ็ดสีของวงเวทซ่อนอยู่ในกำแพงศิลาทั่วทั้งถ้ำเซียน จะว่าไปการใช้คาถาป้องกันของวงเวทวิญญาณสะดวกกว่าวิธีอื่นนิดหน่อย ใช้การรับรู้ควบคุมก็พอ ไม่เหมือนการป้องกันอื่นๆ ที่ต้องพกธงอาคมมาเอง ไม่เช่นนั้นตนเองก็ไม่มีทางเข้าออกได้
“วิญญาณปิศาจ ดูเหมือนจะไม่ยากเท่าไร” จินเฟยเหยาหลงเหลือการรับรู้ไว้ในวงเวทวิญญาณ เริ่มครุ่นคิดถึงวิญญาณปิศาจ ถ้าการกักบริเวณไป๋เจี่ยนจู๋สิ้นสุด ต้องมาหาเรื่องนางเป็นอย่างแรกแน่ ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนั่นจะถูกอะไรเข้าสิงบุกเข้าจวนกบสังหารคนทันทีหรือไม่ ถึงแม้ครั้งที่แล้วทั้งสองคนจะสู้เสมอกัน แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเขาจะใช้ของวิเศษที่ร้ายกาจ แอบลอบเข้ามาสังหารข้าในถ้ำเซียนกลางดึกหรือไม่ ถ้าเล่นสกปรก อาศัยฝีมือระดับข้าต้องสู้เขาไม่ไหวแน่
คิดไปคิดมา นางไม่วางใจอย่างยิ่ง ฉวยโอกาสที่ไป๋เจี่ยนจู๋ยังถูกกักบริเวณอยู่ รีบไปจับวิญญาณสัตว์ปิศาจสักหลายตัว สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้เท่าใดก็ถือว่าเท่านั้น
จินเฟยเหยาพาพั่งจื่อและต้านิวไปด้วย มองออกไปนอกถ้ำอย่างระมัดระวังก่อน แล้วรีบเหยียบพรมบินไปภูเขาลั่วต้า
ภูเขาลั่วต้าอยู่ทางเหนือของเมืองลั่วเซียน ที่นั่นมีสัตว์ปิศาจมากมาย ถึงแม้ส่วนมากจะเป็นสัตว์ปิศาจขั้นสามลงมา ทว่ามีข้อดีตรงมีหลากหลายชนิดไม่ซ้ำกัน ที่จินเฟยเหยาคิดคือ วงเวทวิญญาณสิบสองชิ้น ต้องใส่วิญญาณสัตว์ปิศาจสิบสองชนิดที่ไม่ซ้ำกันเลย เช่นนี้จึงสามารถทำให้คนระวังป้องกันได้ไม่หมด
จะจับสัตว์ปิศาจขั้นสามก็ยุ่งยาก ทั้งยังต้องดึงวิญญาณออกมาตอนสัตว์ปิศาจยังเป็นๆ นางตัดสินใจลงมือกับสัตว์ปิศาจขั้นสอง ครุ่นคิดรอบด้าน นางมาที่ริมฝั่งแม่น้ำลั่วนอกภูเขาลั่วต้าก่อน ที่นี่มีหอยพ่นน้ำขั้นสองชนิดหนึ่ง มันมีเปลือกแข็งสีขาวอันงดงาม กว้างสามฉื่อ ไม่เคยเป็นฝ่ายโจมตีคนก่อน อีกทั้งสายน้ำที่พ่นออกมาหยาบใหญ่เท่าแขน ขนาดแผ่นศิลากว้างสองสามฉื่อยังถูกโจมตีทะลุได้อย่างง่ายดาย
สาเหตุที่จินเฟยเหยาเลือกมันนั้นง่ายมาก เปลือกหนา สามารถเพิ่มความสามารถในการป้องกันของวงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจให้สูงขึ้นได้ พ่นน้ำ สามารถทำให้ในวงเวทวิญญาณปิศาจมีเวทมนตร์ธาตุน้ำ ไม่เพียงสามารถโจมตีคนที่ถูกกักขังอยู่ในวงเวท ยังสามารถทำให้ฝนและหมอกมีประสิทธิภาพจริงขณะเกิดภาพมายา
น้ำในแม่น้ำลั่วลึกยิ่งและไหลเชี่ยว โชคดีที่น้ำในแม่น้ำไม่ขุ่น จินเฟยเหยาเก็บต้านิวลงในกระเป๋าเก็บของ จากนั้นพาพั่งจื่อกระโดดลงในลำน้ำที่ไหลเชี่ยว พอพั่งจื่อลงน้ำก็ราวกับปลาได้น้ำกลับคืนสู่ร่างอันใหญ่โตตีขาว่ายน้ำอย่างสำราญใจ ส่วนจินเฟยเหยาปล่อยฟองแสงนรกออกมาครอบศีรษะของตนเองแล้วดำลงก้นแม่น้ำลั่วค้นหาหอยพ่นน้ำ
ว่ายไปเรื่อยๆ นางก็พบกับกระแสน้ำเชี่ยว ครู่หนึ่งก็ทำให้นางและพั่งจื่อพุ่งไปไกลลิบ ขณะพุ่งผ่านเสาศิลาก้นแม่น้ำ เพราะพั่งจื่อตัวใหญ่เกินไปจึงติดอยู่ตรงกลางเสา มันรีบตวัดลิ้นออกมาพันจินเฟยเหยาที่พุ่งไปไกลขึ้นทุกทีไว้และฉุดดึงนางต้านทานการพุ่งทะยานของน้ำกลับมา
จินเฟยเหยาพิงบนท้องของพั่งจื่อ ทว่ามันกลับติดอยู่ระหว่างเสาศิลา ถือว่าปลอดภัยชั่วคราว
จินเฟยเหยามองซ้ายมองขวาคิดจะหาสถานที่หลบกระแสน้ำเชี่ยว พลันพบว่าตรงก้นแม่น้ำไม่ไกลนักมีถ้ำอันมืดมิดแห่งหนึ่ง หลังจากพินิจดูอย่างละเอียดพบว่าตำแหน่งของถ้ำแห่งนี้อยู่ด้านล่างกระแสน้ำเชี่ยวพอดี ถ้าหลบที่นั่นก็สามารถหลีกเลี่ยงกระแสน้ำเชี่ยวได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าภายในถ้ำที่สูงขนาดสองคนกว่าจะมีสัตว์ปิศาจอะไรซ่อนอยู่ข้างในหรือไม่
ทว่าพวกนางก็ไม่อาจอยู่ในกระแสน้ำเชี่ยวนี้ได้ พั่งจื่อตัวใหญ่ต้องรับแรงมาก เสาหินเล็กๆ สองต้นที่พอดีรับร่างมันไว้ดูเหมือนจะหักลงได้ทุกเมื่อ
“พั่งจื่อ พวกเราไปถ้ำนั่นกันเถอะ ตรงนั้นไม่มีกระแสน้ำเชี่ยว” จินเฟยเหยาแนบติดกับร่างของพั่งจื่อ ชี้ไปที่ถ้ำแห่งนั้นแล้วถ่ายทอดเสียงบอกมัน
พั่งจื่อได้ฟังก็ใช้ขาหน้าโอบกอดจินเฟยเหยาแน่น ใช้ลิ้นตวัดไปแปะข้างถ้ำอย่างรวดเร็ว จากนั้นกระโดดสองขา หดลิ้นพุ่งไปยังถ้ำ พวกนางผ่านกระแสน้ำเชี่ยวอย่างรวดเร็ว สายน้ำรอบกายไหลช้าลงทันที จากนั้นก็ลอยไปยังปากถ้ำ
ภายในถ้ำมืดมิด จินเฟยเหยาใช้การรับรู้สำรวจดูข้างในไม่พบว่ามีสัตว์ปิศาจ ทว่าตรงปากถ้ำมีแรงดูดอ่อนๆ สามารถรับรู้ได้ว่านี่คือลำน้ำอันมืดมิด เพียงแต่ไม่รู้ว่าไหลไปยังสถานที่ใด
เข้าปากถ้ำไปหน่อยมีหอยพ่นน้ำตัวหนึ่งกำลังอ้าเปลือกดักจับอาหาร จินเฟยเหยาตบพั่งจื่อถ่ายทอดเสียงไปให้มันไปจับหอยพ่นน้ำตัวนั้นมาเป็นๆ
พั่งจื่อว่ายไปข้างหน้า อ้าปากตวัดลิ้นออกไป ครู่หนึ่งก็ม้วนหอยพ่นน้ำมา หอยพ่นน้ำพยายามจะเปิดฝาออกกลับถูกลิ้นของพั่งจื่อกักขังไว้อย่างแน่นหนา ขยับตัวไม่ได้เลยสักนิด จากนั้นพั่งจื่อก็ฉุดลากหอยพ่นน้ำมาทั้งอย่างนี้และว่ายกลับขึ้นฝั่งกับจินเฟยเหยา
ขึ้นฝั่งแล้วจึงพบว่าพวกนางถูกกระแสน้ำเชี่ยวพัดไปไกลยิ่ง ส่วนเสาศิลาที่ขวางกั้นพั่งจื่อสองต้นกลับโผล่พ้นผิวน้ำ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จินเฟยเหยาจดจำที่นี่ไว้โดยไม่รู้ตัว ทั้งยังไม่ลืมมองดูอีกหลายครั้ง
สั่งให้พั่งจื่ออย่าคลายลิ้นออก จินเฟยเหยานั่งอยู่เบื้องหน้าหอยพ่นน้ำที่กั้นไว้ด้วยเปลือก เริ่มท่องคาถาเวทดึงวิญญาณ เวทดึงวิญญาณชนิดนี้ใช้ได้กับสัตว์ปิศาจเท่านั้น ไม่มีผลต่อผู้บำเพ็ญเซียน แต่ถ้าใช้ดึงวิญญาณมนุษย์ธรรมดา ก็ใช้ได้โดยไม่มีปัญหาเลยสักนิด รอจนนางท่องคาถาจบ นิ้วมือชี้ไปที่หอยพ่นน้ำอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ ดึงวิญญาณปิศาจของหอยพ่นน้ำออกมาข้างนอก ดวงแสงดวงหนึ่งลอยออกมาจากในหอยพ่นน้ำอย่างช้าๆ ดูออกว่ากลางดวงแสงมีเปลือกหอยเล็กๆ มันกำลังพยายามดิ้นรนกลับไปอย่างสุดชีวิต แต่กลับหนีเวทดึงวิญญาณของจินเฟยเหยาไม่พ้น ออกจากร่างมาไกลขึ้นทุกที
จินเฟยเหยารีบนำขวดหยกใบหนึ่งออกมาชี้ไปที่ปากขวด วิญญาณของหอยพ่นน้ำก็ชำแรกเข้าไปในนั้น นางปิดฝาขวดทันทีและใช้อาคมผนึกไว้ เวทดึงวิญญาณนี้สิ้นเปลืองการรับรู้จริงๆ ท่าทางจะต้องทำให้บาดเจ็บหนักก่อนค่อยดึงวิญญาณจะได้ประหยัดพลัง จินเฟยเหยาเช็ดเหงื่อบนศีรษะใส่ขวดหยกกลับลงในกระเป๋าเก็บของ
พั่งจื่อหดลิ้นกลับไป หอยพ่นน้ำกลับเปิดเปลือกหอยทั้งหมดออกอย่างไร้เรี่ยวแรงเพราะสูญเสียจิตวิญญาณ เผยให้เห็นเนื้อหอยสีขาวหิมะด้านใน
“พั่งจื่อ เจ้ากินให้หมดเถอะ” เนื้อหอยไม่มีประโยชน์ต่อจินเฟยเหยา นางโบกมือมอบให้พั่งจื่อจัดการ
ยามนี้พั่งจื่อจึงจัดการกับผลประโยชน์ก้อนใหญ่ของมัน เห็นมันอ้าปากกว้าง ลิ้นแตะลงบนเนื้อหอยราวกับหยาดฝน ชั่วพริบตา เนื้อหอยสีขาวหิมะก็ถูกกวาดจนเกลี้ยงเกลา เหลือเพียงเปลือกหอยสีขาวบริสุทธิ์ จินเฟยเหยาเก็บเปลือกหอย พาพั่งจื่อเหยียบพรมบินไปภูเขาลั่วต้า
จินเฟยเหยายุ่งอยู่ที่ภูเขาลั่วต้าครึ่งเดือนกว่า จับวิญญาณสัตว์ปิศาจได้สิบสองชนิด สัตว์ที่บินบนฟ้า วิ่งบนดิน ว่ายในน้ำ ยังมีดำดิน นางเลือกดึงวิญญาณของสัตว์ปิศาจขั้นสองทั้งหมด
นางพกพาวิญญาณเหล่านี้ รีบร้อนกลับไปเกาะทองคำ ไม่รู้ว่าไป๋เจี่ยนจู๋ถูกปล่อยตัวออกมาหรือยัง จินเฟยเหยาไม่อยากพบเขา
เพิ่งบินเข้าหลุมใหญ่ของเกาะทองคำ จินเฟยเหยาก็ค้นพบด้วยสายตาอันแหลมคมว่าคนที่ยืนอยู่บนแท่นราบของประตูถ้ำเซียนแห่งหนึ่งพอดีเป็นไป๋เจี่ยนจู๋ที่ถูกกักบริเวณ เขากำลังพูดคุยหัวเราะอยู่กับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานคนหนึ่ง ดูเหมือนเพิ่งออกมาจากบ้านของผู้อื่น ราวกับรู้สึกได้ว่ามีผู้บำเพ็ญเซียนบินกลับเกาะทองคำ เขาเงยหน้าขึ้นมองมา
เห็นว่าผู้มาคือจินเฟยเหยา เขาก็ยิ้มให้นาง เจิดจ้าเสียดแทงนัยน์ตาจินเฟยเหยาราวกับดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
จินเฟยเหยาแทบจะพุ่งเข้าไปในถ้ำ อีกนิดเดียวเกือบจะชนกำแพงศิลาแล้ว โชคดีที่การป้องกันใช้การรับรู้ควบคุม ถ้าต้องหยิบธงอาคม จินเฟยเหยาสงสัยว่านางต้องถูกไป๋เจี่ยนจู๋แทงข้างหลังตายแน่ ถึงแม้จะรู้ชัดว่าหน้าถ้ำเซียนมีม่านแสง ไป๋เจี่ยนจู๋ที่อยู่ด้านนอกมองไม่เห็นตนเอง นางยังหลบอยู่ด้านในอย่างระมัดระวัง โผล่ศีรษะออกมาดูความเคลื่อนไหวของไป๋เจี่ยนจู๋
ไป๋เจี่ยนจู๋ไม่ได้มองพินิจมาทางนางมากนัก ทว่าพูดคุยกับผู้บำเพ็ญเซียนคนนั้นอีกหลายประโยคก็อำลาจากไป เห็นเขาบินผ่านหน้าถ้ำเซียนของตนเอง ไม่ได้หยุดอยู่นาน จินเฟยเหยาเพิ่งโล่งอก ทันใดนั้นมียันต์ถ่ายทอดเสียงใบหนึ่งปักเข้ามาในการป้องกัน เสียงแหลมคมขู่ขวัญนางจนสะดุ้ง
หยิบยันต์ถ่ายทอดเสียงมาฉีกจนขาด ด้านในมีน้ำเสียงสงบนิ่งของไป๋เจี่ยนจู๋ถ่ายทอดมา
“วิญญูชนล้างแค้น สิบปีไม่สาย”
วาจาประโยคหนึ่งสั้นๆ แสดงถึงท่าทีของไป๋เจี่ยนจู๋ ในเมื่อพูดถึงขั้นนี้ ต่อไปอย่าได้หมายจะมีบทสรุปที่ดี
จินเฟยเหยาลูบศีรษะ พลันคิดว่าพูดชัดเจนแบบนี้ยิ่งดี ตนเองมีศัตรูคู่อาฆาตขึ้นมาแบบนี้ก็รู้สึกแปลกๆ อาศัยความสัมพันธ์อันดีของไป๋เจี่ยนจู๋ จินเฟยเหยาเชื่อว่าเขาต้องให้คนจับตาดูนางทั้งวันแน่ ขอเพียงกล้าออกไปหาศิลาวิญญาณนอกเกาะทองคำก็จะตามรอยมา
เปลี่ยนเป็นผู้อื่น ต่อให้มีวิธีหาศิลาทองคำอย่างหลอมยาหรือสร้างอาวุธ อย่างมากพอผ่านไปปีสองปีก็ต้องออกไปหาศิลาวิญญาณ ทว่าจินเฟยเหยาไม่เหมือนคนอื่นๆ นางมีของดีเช่นอ่างมายาจิ่งเทียน เก็บสะสมศิลาวิญญาณไว้ด้านในนานแล้ว อีกทั้งมดหนึ่งผลึกยังถ่ายศิลาวิญญาณอย่างต่อเนื่อง ขอเพียงสามารถไปซื้อยาและวัตถุดิบที่ตลาดกลางคืนทุกวันที่หนึ่งและสิบห้าได้เพียงพอ นางก็ไม่จำเป็นต้องออกไปข้างนอกเลยสักนิด
อีกอย่างหนึ่ง เกาะทองคำก็อยู่ในอาณาเขตของเมืองลั่วเซียน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ยังสามารถไปซื้อสิ่งของเหล่านี้ในเมืองลั่วเซียนได้ นางไม่เชื่อว่าไป๋เจี่ยนจู๋จะสามารถเฝ้านางได้ร้อยปี
จินเฟยเหยายิ้มแย้มอย่างไม่หยี่หระ ตัดสินใจรอจนพลังการบำเพ็ญเพียรเสถียรจึงเริ่มวาดยันต์ซ่อนกาย
หลังสร้างฐานทั้งการรับรู้และพลังวิญญาณก้าวรุดหน้าไปมาก สร้างยันต์ซ่อนกายได้ง่ายขึ้น ถึงตอนนั้นใช้ยันต์ซ่อนกายไปจากสำนักเฉวียนเซียน ไปจากเมืองลั่วเซียน ไปให้ไกลลิบ
ถ้ามีโอกาสต้องใช้ยันต์ซ่อนกายกำจัดไป๋เจี่ยนจู๋ทิ้ง กำจัดเภทภัยในวันหน้าให้สิ้นซาก จินเฟยเหยาเลียริมฝีปาก ในดวงตาแสดงเจตนาสังหารอย่างไม่สิ้นสุด
วิญญาณปิศาจสิบสองตัวถูกจินเฟยเหยาใส่ในวงเวทวิญญาณ สองตัวเป็นหอยพ่นน้ำและปูทองซึ่งอาศัยอยู่ในน้ำ ยังมีผีเสื้อภาพมายา วัวแถบดำ และปิศาจงูใบไม้เขียว ตั๊กแตนหน้าหยกและยุงก่อกวนก็ถูกนางหมายตาดึงวิญญาณ สัตว์หลินเจียง[1]และสัตว์ซิงไถ[2]ที่ตัวใหญ่และแข็งแรงก็ขาดไม่ได้ วิญญาณปิศาจสามตัวสุดท้ายคือนกไท่จี๋[3] นกปีกเหล็ก และตัวไหมราตรี สัตว์ปิศาจขั้นสามดวงซวยตัวหนึ่งที่บังเอิญมาเจอเข้าพอดี
วิญญาณปิศาจสิบสองตัวนี้เรียกได้ว่ามีครบสมบูรณ์ทั้งสัตว์ที่บินบนฟ้า ว่ายในน้ำ วิ่งบนดิน ไม่รู้ว่าหลังจากใส่วิญญาณปิศาจแล้ววงเวทวิญญาณจะกลายเป็นเช่นไร จินเฟยเหยาหวังเพียงว่าจะมีใครสักคนบุกเข้ามาในวงเวทวิญญาณปิศาจสักครั้ง จะได้ทดลองอานุภาพของวงเวทวิญญาณปิศาจดูว่าเป็นเช่นไร
[1] หลินเจียง หมายถึง หันหน้าเข้าหาแม่น้ำ
[2] ซิงไถ หมายถึง แท่นดารา
[3] ไท่จี๋ หมายถึง ระดับสูงสุด