ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 33 รู้สึกว่าเขาผิดแปลกไปสักนิด
… เชอร์รีนถึงกลับเงียบทันที นี่มันใช่คำพูดที่คนเราควรจะพูดออกมาไหม?
แต่กลับเรียกความสนใจของนลินมาได้ แววตาอันหม่นหมองในดวงตาพลันทอประกายออกมา พร้อมทั้งจับจ้องเชอร์รีนเอาไว้อย่างหนักหน่วง
ใครก็ไม่มีวันรู้ ว่าตอนนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ… ความจริงแล้ว บางครั้ง หัวข้อในการพูดคุยกันระหว่างหญิงสาวมันดูเปิดเผย มากกว่าผู้ชายเสียอีก
บวกกับมีคนอย่างนาโนรวมอยู่ด้วยแล้ว ระดับของหัวข้อคงไม่ปรับเกณฑ์ให้ต่ำลงหรอก
แต่ว่า ตั้งแต่มาจนถึงตอนนี้ นลินก็เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา สีหน้าแววตาต่างเคร่งขรึมมาก
หลังจากผ่านไปนาน ท้องฟ้ายิ่งมืดลงเรื่อย ๆ หลังจากที่นาโนรับโทรศัพท์แล้ว พลันหยิบเสื้อกันหนาวขนสัตว์สีแดงที่วางพาดอยู่บนโซฟาขึ้นมา และเดินออกไป
ส่วนออกัส ดนัยแลหัสดินก็เพิ่งเล่นสนุ๊กเสร็จและเดินเข้ามาในห้อง
หัสดินถอดเสื้อกันหนาวสูทตัวนอกพาดกับท่อนแขน อีกมือก็โอบเอวยู่ยี่ และบอกลา
ดนัยทำท่าทางหรี่ตา เหมือนว่าเพ่งหาใครอยู่ ออกัสที่อยู่ข้างๆ ก็หรี่ตาตาม และใช้สายตากวาดตามองเขาอยู่หลายครั้ง
เมื่อเห็นว่าเริ่มทยอยกลับกันแล้ว นลินก็ไม่ได้มองออกัสอีก นัยน์ตาของ เขามันช่างน่ากลัวเหลือเกิน หรือพูดอีกอย่างได้ว่า ไม่กล้าสบตามอง โดยเฉพาะเมื่อผ่านเรื่องนั้นมาแล้วด้วย
เชอร์รีน ฉันยังมีธุระต่อ ขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะ! พูดจบ เธอก็ไม่รอให้เชอร์รีนตอบโต้แต่อย่างใด พลันเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งทันที
เมื่อรอให้เชอร์รีนตั้งสติกลับมาได้ รถแท็กซี่คนนั้นก็หายวับไปจากสายตาแล้ว
เธอขมวดคิ้วขึ้น คืนนี้นลิน ดูมีท่าทางผิดปกติไป มักจะใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอรู้สึกว่าก็ต้องเป็นเพราะว่าเรื่องที่นธีถูกจับตัวไป
รถแลนด์โรเวอร์สีดำโลดแล่นในเวลากลางคืนทะยานไปทางด้านหน้า หิมะสีขาวโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า
หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก เชอร์รีนก็ลองอ้าปากสอบถามดู น้องชายของครูญาณินคุณน่าจะเคยเจอใช่ไหม?
อืม… นัยน์ตาออกัสขยับเล็กน้อย เขาย่อมรู้ดีว่าจากนี้แล้วเธอต้องการพูดอะไรต่อ พลันเลิกคิ้วอันหล่อเหลาขึ้น แต่กลับไม่ยอมพูดอะไร
เอ่อ… เขาถูกลักพาตัว… คุณช่วยฉันพาตัวเขาออกมาได้ไหม? เธอประสานมือและบีบมือทั้งสองข้างเล็กน้อย
แววตาของเธอมองที่ตัวของเขา เขาค่อยๆ ขยับริมฝีปากเล็กน้อย น้ำเสียงทุ้มต่ำ ผมเป็นนักธุรกิจ เวลาจะทำเรื่องอะไรก็ต้องพูดถึงเรื่องผลประโยชน์อยู่แล้ว แล้วค่าตอบแทนของคุณหญิงเชอร์รีนคืออะไรเหรอ?
เชอร์รีนไตร่ตรอง และครุ่นคิดอยู่สักพัก เธอตอบอย่างระมัดระวัง อยู่ในขอบเขตความสามารถของฉัน ยังมีอีก อย่าได้ยื่นข้อเสนอที่มันสองแง่สองง่ามเกินไป!
ท้ายที่สุด เธอเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ และพูดตอกกลับเขาทันที นักธุรกิจขูดเลือดขูดเนื้อ!
หลังจากเงียบงันไปแวบเดียว จากนั้น ก็มีเสียงหัวเราะดังเล็ดลอดออกมา อืม ถ้าไม่ขูดเลือดก็ไม่มีธุรกิจ…
… หางตาของเชอร์รีนอดไม่ได้จะกระตุกขึ้น แต่เขารู้สึกว่านั่นมันเป็นเรื่องที่เปิดขึ้นตามปกติ
คุณสนิทกับครูญาณินมากไหม? เมื่อผ่านไปสักพัก ออกัสก็ทำท่าทางหลุดปากถามไปเรื่อย
เธอเองก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงได้ถามคำถามนี้ขึ้นมา แต่กลับตอบตามความเป็นจริง สนิทมาก ทำไมเหรอ?
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็หักพวงมาลัยไปทางซ้าย เพื่อแวะเข้าไปในปั๊มน้ำมัน นัยน์ตาทอประกายหม่นหมองออกมา ซึ่งซ่อนความหมายอันลึกซึ้งเอาไว้ แล้วคุณรู้จักเธอมากขนาดไหนเหรอ?
เชอร์รีนครุ่นคิดอยู่พักเดียว เธอจึงตอบตามความเป็นจริง รู้ลึกรู้จริง ทุกซอกทุกมุม!
สายตาแคบยาวของเขาเลิกขึ้นด้านบน ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มมุมปาก แต่เขากวาดตามองพนักงานที่เดินเข้ามาเติมน้ำมัน แววตาก็แปรเปลี่ยนเป็นหม่นหมองลง จากนั้น ก็หรี่ตาลง
เมื่อมองตามสายตาของเขาแล้ว เชอร์รีนเองก็มองออกไปอย่างสงสัยเช่นเดียวกัน จากนั้น ถึงกลับอึ้งกิมกี่ทันที
เพราะนั่นคือเลอแปง!
เขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม แต่กลับมีนิสัยของวัยรุ่นจอมเฮี้ยวอยู่บ้าง!
ในเวลานั้น เขาใส่ชุดทำงาน และเดินทะลุออกมาจากหิมะโปรยปราย แถมดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น หนักแน่นขึ้น และลดความหน่อมแน้มของวัยรุ่นลงไปเยอะพอควร
สวัสดีครับ เติมเต็มถังเลยไหมครับ? เขาอ้าปากพูด ใบหน้าอันหล่อเหลาเริ่มเขียวเล็กน้อย สาเหตุมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น
เมื่อกระจกรถลดต่ำลง ใบหน้าอันคุ้นตาก็กระแทกเข้าเบ้าตา เลอแปงตัวแข็งเล็กน้อย พี่ใหญ่…
สายตาเคลื่อนกลับมาจ้องมองเชอร์รีนอย่างสงสัย เลอแปงเหลือบมองอยู่เงียบๆ อยู่นาน แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เขาไม่อยากอ้าปากทักเธอว่าพี่สะใภ้…
แต่ พฤติกรรมแม้เพียงเล็กน้อยทุกอย่างกลับอยู่ในสายตาของออกัส นัยน์ตาของเขาหวั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็เผยอริมฝีปากบางเพื่อตอบกลับ ทำไมไม่ทักพี่สะใภ้ล่ะ?
แววตาหม่นหมองลงไปเล็กน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งสองคนมองไม่เห็น มือเลอแปงที่อยู่เลียบข้างลำตัวกำไว้แน่น พลันอ้าปากพูด พี่สะใภ้
เชอร์รีนตอบกลับแต่ไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ตอนที่เตรียมจะอ้าปากนั้น น้ำเสียงทุ้มต่ำของออกัสก็ดังเล็ดลอดออกมา สภาพของนายตอนนี้ ขอคำอธิบายอย่างมีเหตุผลมาให้ฉันฟังหน่อย…
พี่ใหญ่ ทำงานส่งตัวเองเรียนไง ผมอยู่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ก็ไม่มีอะไรให้ทำ เพื่อลดภาระในการทะเลาะกับสุนันท์ทุกวัน
เลอแปงยักไหล่ทำตัวแบบไม่สนใจ พลันยื่นขึ้นมาสะบัดผมที่มีหิมะติดเกาะ พลันหรี่ตายิ้ม และกลับไปทำตัวเป็นจอมเฮี้ยวดังเดิม
ยังมีอีก พี่ใหญ่ผมเติมน้ำมันให้พี่เต็มถึงแล้ว ค่าน้ำมันพี่ก็ต้องจ่ายมานะ วันนี้ถือว่าผมทำงานเป็นวันแรก ทำธุรกิจแล้วมันขาดทุนมันทำไม่ได้จริงๆ!
นัยน์ตาลึกซึ้งหรี่ลงครึ่งหนึ่ง ออกัสเหลือบมองมาทางเขา พลันเอ่ยอย่างแผ่วเบา มันเป็นเรื่องที่แกตัดสินใจ งั้นแกก็ต้องควบคุมให้ได้ด้วยตัวเอง
พี่ใหญ่นี่ช่างเป็นคนมีเหตุมีผลจริงๆ ไม่หักหลังความคิดของผมเลย เลอแปงทำนิสัยไม่ค่อยดี มุมปากแสยะยิ้มอย่างร้ายกาจ
คืนนี้กลับบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ไหม? ร่างกายสูงโปร่งของเขาหันเล็กน้อย และยื่นเงินออกมาจากด้านนอกหน้าต่าง
คืนนี้ไม่กลับ อีกสองวันค่อยกลับ พี่ใหญ่ ผมมีเรื่องหนึ่งจะพูดกับพี่–
จู่ ๆ ก็เหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เลอแปงหยุดพูดกลางอากาศ พลันเหลือบมองเชอร์รีน จากนั้นก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีกเลย
ออกัสขมวดคิ้ว นิ้วเรียวยาวกำลังเคาะอยู่บนพวงมาลัย เรื่องอะไร?
ไม่..ไม่มี…พี่ใหญ่ขับรถระวังด้วย เขาส่ายหน้า และรีบโบกมือ เพื่อสื่อความหมายว่าลาก่อน
เชอร์รีนกะพริบตาเล็กน้อยด้วยความสงสัย เพราะเธอมักรู้สึกว่าเขามีเรื่องบางอย่างที่ต้องการจะพูด แต่ติดตรงเธอ เลยไม่ยอมพูดออกมา
หรือว่า เธอคิดมากไปเอง?
จนรถยนต์คันสีดำหายไปจากสายตาแล้ว เลอแปงถึงได้ถอนสายตากลับมา และพ่นลมหายใจเมื่อกระทบกับอากาศจนกลายเป็นควันขาวๆ ออกมา
อาหญิงกลับมาแล้ว วันนี้เขาต้องเจอแน่ ๆ แถมพี่ใหญ่ยังไม่รู้เรื่องนี้เลย ว่าอาหญิงกลับมาแล้ว อาหญิงคงไม่ได้บอกกับเขาแน่ ๆ
เมื่อครู่เขาอยากจะบอกกับพี่ใหญ่ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ…
เรื่องนี้ ให้พี่ใหญ่ไปเจอกับตัวเอาเองดีกว่า สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ คือไม่มีอะไรมากไปกว่าการปกป้องเธอ และการรอคอย!
*
6 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น
ฟ้ายังไม่ทันสว่าง เชอร์รีนยังไม่ตื่น ประตูห้องก็มีคนเคาะดังลั่น
แถมยังมีเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้น ดวงตาของเธอค่อยๆ หรี่ตาเป็นช่องยาวๆ พลันเห็นแผงอกอันเนียนละเอียดและกำยำของชายหนุ่มกระแทกเข้าตาทันที
เมื่อสายตามองต่ำเรื่อย ๆ ขาของเธอก็ยังเกี่ยวพันกับช่วงเอวสอบอันแข็งแกร่งของเขา และแนบชิดอยู่บนร่างกายของเขา
ชั่วขณะนั้น ความง่วงเหงาหาวนอนมันหายวับ เธอตื่นเต็มตา และใบหน้าแดง แถมรีบเอาขาออกทันที
ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ที่ท่านอนของเธอเปลี่ยนไปเป็นท่านี้แล้ว?
โชคยังดี เขายังไม่ตื่น
จากนั้นก็จัดการกับชุดนอนให้เรียบร้อย เธอเดินมุ่งหน้าไป และจัดการเปิดประตู ด้านนอกประตูกลับมีไกรวิทย์ยืนอยู่
เธอตะลึงเล็กน้อย หลังจากตั้งสติได้แล้ว เท้าของเธอยังไม่ลืมเรื่องยืนให้ตัวตรง พร้อมทั้งแอ่นอกตั้ง จากนั้นถึงอ้าปากเรียก คุณตา