ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 261
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วก็ไม่ยื้อรั้งไว้ พยักหน้าพูดขึ้นว่า “พี่หลิน เดินทางดีๆ นะคะ”
หลินเสวียนหลานพยักหน้าตอบรับ ช่วงขณะที่จะเดินออกจากประตู เขาก็หันหน้ามามองซีเหมินจินเหลียน แค่เวลาเพียงครึ่งปีบุคลิกของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่เขากลับชอบเธอในตอนนั้นที่ไร้ซึ่งที่พึ่งพามากกว่า ซีเหมินจินเหลียนที่คอยร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ในอ้อมกอดของเขาคนนั้น
หากเพียงชีวิตคนเราเป็นเช่นดั่งแรกพบกัน มันจะดีขนาดไหน? ถ้าวันนั้นเขาไม่ได้พาเธอไปร้านเถ้าแก่โจวโดยไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ดี ไม่ได้จูงมือเธอเข้ามาในวงการพนันหินหยก เรื่องทุกอย่างในวันนี้พอจะมีโอกาสเขียนบทเรื่องใหม่ได้หรือเปล่า?
แต่เมื่อย้อนคิดดูแล้ว ในเมื่อสำนักใต้มีคำทำนายว่า…ยามเมื่อดอกบัวสีทองเบ่งบาน หินปิดฟ้าจะปรากฏตัว ถ้าอย่างนั้นเรื่องทั้งหมดคงมาจากความตั้งใจของสวรรค์ คนธรรมดาอย่างเขาจะมีกำลังพลิกผันเปลี่ยนแปลงอะไรได้?
ในเส้นทางชีวิตของเธอ ตัวเขาเองก็มีบทบาทได้แค่ฉุดดึงเธอเข้ามาในวงการ
หลินเสวียนหลานคิดเพียงเท่านี้ ก็ได้แต่ส่ายศีรษะฝืนยิ้มและถอนหายใจออกมาอย่างไม่มีทางเลือก…
รอกระทั่งหลินเสวียนหลานเดินออกไปแล้ว จ่านป๋ายก็ประคองไหล่ซีเหมินจินเหลียน “จินเหลียน สิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องจริงนะ”
“เฮ้อ…” ซีเหมินจินเหลียนเหม่อลอยคิดถึงเรื่องของหูชีเยี่ยนอยู่ “คุณว่าอะไรนะ”
“ผมบอกว่า…ผมพูดเรื่องจริง ผมไม่ได้สนใจเรื่องหินซ่อมฟ้าอะไรนั่นเลย” จ่านป๋ายพูดอีกครั้ง
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วฝืนยิ้มออกมา “ถึงคุณจะบอกฉันว่าคุณสนใจหินปิดฟ้า ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก ตอนนี้ฉันยึดติดพึ่งพาคุณมากเกินไป หากมีวันใดที่ต้องสูญเสียคุณไป ฉันก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร จนมีบางครั้งแค่วันเดียวที่คุณไม่อยู่ข้างกายฉัน ฉันก็รู้สึกหนาวเหน็บหัวใจอย่างบอกไม่ถูก”
จ่านป๋ายฟังแล้วในใจยิ้มไม่หุบ “พูดแบบนี้ ผมก็ขอเข้าใจว่า…คุณรักผมแล้วได้หรือเปล่า?”
“ไปให้พ้นเลย!” ซีเหมินจินเหลียนสบถด่า “งาช้างไม่มีวันงอกออกจากปากสุนัข ฉันกำลังเครียดอยู่นะ!”
“เป็นเพราะเรื่องของหูชีเยี่ยน? หรือว่าหลินเสวียนหลาน?” จ่านป๋ายถาม
“อืม…พี่หลินมีอะไรให้ฉันต้องกลุ้มใจอีก แน่นอนว่าต้องเป็นคุณหูสิ” ในขณะที่ซีเหมินจินเหลียนพูดนั้น สองมือก็กอดเข่าตัวเองและขมวดคิ้วแน่น “ตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจ เขาจะทำอะไรกันแน่?”
“คุณพูดอะไรกับเขาล่ะ” จ่านป๋ายถามอย่างแปลกใจ
“คุณไม่ได้แอบฟังเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“ผมจะไปกล้าที่ไหน?” จ่านป๋ายส่ายมือ “ที่แห่งนั้นระบบความปลอดภัยแน่นหนา หากผมแอบฟังก็คงปิดไว้ไม่มิดหรอก”
“ก็ไม่ได้พูดอะไร วกไปวนมา เขาไม่อยากให้ฉันตามหาหินปิดฟ้า จนถึงขั้นที่เขาอยากจะให้ฉันล้มละลายจนไม่เหลืออะไร และไม่มาพนันหินอีกต่อไป” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ความคิดของพ่อคุณแปลกจนไม่มีใครเทียบเทียม มีพ่อแม่ที่ไหนบ้างที่ไม่อยากเห็นลูกเติบโตเจริญก้าวหน้า หรือไม่อยากให้ลูกเป็นที่เชิดหน้าชูตาของวงตระกูล แต่เขาตรงกันข้าม อยากให้คุณใช้ชีวิตธรรมดา?” จ่านป๋ายส่ายหน้าพูด
“คุณรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกหรือเปล่า คำทำนายที่ว่ายามเมื่อดอกบัวสีทองเบ่งบาน หินปิดฟ้าจะปรากฏตัว” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างตรงไปตรงมา
“ครับ” จ่านป๋ายพูด “ตอนที่จ่านมู่ฮวาทุ่มเทกายใจอยากจะหมั้นกับคุณตอนนั้น ผมถึงรู้เรื่องนี้”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่บอกฉัน?” ซีเหมินจินเหลียนกลอกตาใส่เขา แต่ไม่ได้มีท่าทีน่าเกรงขามใดๆ
จ่านป๋ายทำได้แค่เพียงยิ้ม บอกเธอแล้วจะเป็นอย่างไร? นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ ทำไมเมื่อดอกบัวสีทองเบ่งบาน หินปิดฟ้าถึงปรากฏตัว? หรือเป็นเพราะว่าเธอชื่อจินเหลียน
ไม่น่าจะเป็นแบบนี้! หลินเสวียนหลานบอกว่าสำหรับเรื่องในตอนนั้น ตระกูลจ่านรู้ดีกว่าใคร แต่นั่นสื่อว่าพ่อของเขาท่านนั้นที่รู้ดี ไม่ได้บอกว่าเป็นตัวเขา
ดอกบัวสีทองเบ่งบานหมายถึงอะไรกันแน่? คงไม่ใช่ว่าสำนักใต้ตั้งชื่อคนสุ่มสี่สุ่มห้าว่าจินเหลียนแล้วจะมีความหมายแฝงนัยว่าดอกบัวสีทองเบ่งบานหรอกใช่ไหม?
หลินเสวียนน่าจะรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง แต่เขาคงไม่มีทางพูดอะไรออกมาแน่ บางทีเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจ เผลอพูดอะไรไปให้ฉินเฮ่ารู้สึกสนใจซีเหมินจินเหลียน?
“เขาบอกว่า…มีหยกชนิดหนึ่ง พวกเขาเรียกกันว่าหยกชั่วร้าย!” ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงคำพูดที่หูชีเยี่ยนกล่าว “ก็คือหินหยกที่ส่อเค้าว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ในนั้น”
จ่านป๋ายได้ยินแล้วพยักหน้า “นี่เป็นเหตุผลที่เขาห้ามคุณไม่ให้ไปตามหาหินปิดฟ้าใช่ไหม?”
“เหตุผลของเขาคือ…ความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์ไม่ต้องการตำนานเทพ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มขื่นๆ “คุณคิดดูสิ เหตุผลตั้งมากมายมีให้เลือก เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน?”
“เอาเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณรีบพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้เป็นวันประมูลวันสุดท้าย มะรืนนี้ก็จะประกาศราคาประมูลแล้ว คุณต้องตั้งสติให้ดี และพนันหินสักหลายๆ ก้อนกลับไป” จ่านป๋ายยิ้ม “เห็นแบบนี้แล้วเขาคงไม่ได้ต้อนรับพวกเรามาพม่าอีกครั้ง คุณตั้งใจจะไปมัณฑะเลย์อีกหรือเปล่า”
“ถ้าพรุ่งนี้ไม่ได้ของกลับไป พวกเราก็ไปมัณฑะเลย์กันเถอะ ไม่อย่างนั้นก็กลับเร็วเกินไป” ซีเหมินจินเหลียนพูด “เดิมทีฉันคิดอยากจะไปเหมืองหยกด้วยซ้ำ ตอนนี้คิดว่าคงไม่จำเป็นแล้ว!”
“ครับ” จ่านป๋ายพยักหน้า ไม่มีความจำเป็นจริงๆ ซีเหมินจินเหลียนเตรียมไปเหมืองหยกก็เพราะหูชีเยี่ยน ตอนนี้ในเมื่อเธอเจอหูชีเยี่ยนแล้ว เธอก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องกังวล
ค่ำคืนนั้นผ่านพ้นไปด้วยดี
เก้าโมงเช้าวันถัดมา ท้องฟ้าสีอึมครึม เมฆหมอกสีเทาปกคลุมไปทั่ว ดวงอาทิตย์ตื่นสาย จนถึงเวลานี้แล้วยังคงมีแค่แสงริบหรี่ในยามเช้าเท่านั้น…
หินหยกส่วนใหญ่ข้างหน้า ซีเหมินจินเหลียนก็เคยดูมาหมดแล้ว เมื่อวานรู้สึกสนใจหยกสีเขียวจักรพรรดิ แน่นอนวันนี้ต้องไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ ตั้งแต่เช้าเธอก็เขียนใบเสนอราคาประมูลไว้และส่งไปแล้วจากนั้นจึงกลับมาดูหินหยกดิบอีกครั้ง
ดูหินหยกดิบติดต่อกันถึงสิบกว่าก้อนก็ไม่เห็นเจอหินหยกลักษณะดี แม้จะอยู่ในงานประมูลหยก แต่หินหยกดิบที่พอจะโดดเด่นบ้างกลับมีไม่เยอะ อยากจะเลือกหาของชั้นดีเลิศยิ่งยากกว่าเก่า
ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นยืนมองดูหมายเลขของหินหยกดิบก้อนนี้ หมายเลขห้าพันกว่าแล้ว หินหยกที่ยังไม่ได้ดูมีเหลือไม่เยอะแล้ว…
หินหยกดิบก้อนนี้โดยรวมเหมือนหินทั่วๆ ไป หินหยกดิบลักษณะดีก้อนหนึ่ง มีความจำเป็นต้องชนะกองหินหยกเกรดต่ำ นักค้าหยกในพม่าทำธุรกิจเป็นจริงๆ ราคาก็รวมไว้ข้างในเสร็จสรรพแล้ว
แต่ในขณะที่ซีเหมินจินเหลียนยืนลุกขึ้นยืนนั้น กลับเห็นหินหยกเกรดต่ำข้างๆ กองหนึ่งมีแหล่งกำเนิดแสงอ่อนๆ สะท้อนเข้ามา
แหล่งกำเนิดแสง? ซีเหมินจินเหลียนมึนงง…หรือหินหยกเกรดต่ำจะซ่อนของดีไว้อยู่ในนั้น
คิดเพียงเท่านี้เธอจึงรีบสำรวจเปลือกของหินหยกก้อนนั้นอย่างละเอียด ไม่น่าล่ะคนอื่นถึงคิดว่ามันเป็นหินหยกเกรดต่ำ เปลือกหินสีน้ำตาลแกมเทาดูไม่โดดเด่น มองแวบเดียวก็ไม่ต่างอะไรไปจากหินก่อสร้างธรรมดา ขนาดไม่ใหญ่หนักประมาณสิบกว่ากิโลกรัม นำไปวางไว้ในกองหินหยกไม่ได้สะดุดตาเลยสักนิด
จนกระทั่งซีเหมินจินเหลียนนึกสงสัยว่า เมื่อสักครู่ตาของเธอลายหรือเปล่า หินหยกดิบลักษณะแบบนี้จะมีแหล่งกำเนิดแสงเกิดขึ้น? ไหนๆ ก็เจอแล้วจะให้ปล่อยผ่านไปได้อย่างไร
เมื่อยื่นมือไปสัมผัส เปลือกหินหยกดิบเรียบเนียน แค่จุดๆ นี้ก็ควรค่าในการดูต่อไปแล้ว
ในใจของเธอคิดไปอย่างนั้น มือก็ยื่นไปสัมผัสด้านบน เปลือกหินสีน้ำตาลแกมเทาเลือนหายไป ซีเหมินจินเหลียนค้นพบว่าการใช้พลังพิเศษทะลุผ่านสิ่งของของเธอมาถึงขั้นสมบูรณ์แบบจนไร้ที่ติ แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ดูหินหยกดิบทีไรแล้วเหนื่อยล้าทุกครั้ง
หลินเสวียนหลานบอกว่า ตอนนั้นเขาขับรถหลังจากดื่มมาและชนเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ ผลสุดท้ายเธอปลอดภัยไม่เป็นอะไร แต่รถเบนซ์ถูกชนจนบิดเบี้ยว และในคืนวันนั้นเธอก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับพลังพิเศษ สร้อยข้อมือที่ห้อยด้วยขวดเซรามิกเล็กๆ ที่ข้างในมีดอกบัวสีทองแรกแย้มที่เธอเคยใส่ติดตัวไว้บนข้อมือตั้งแต่เด็ก ตอนนี้กลายเป็นรอยสักดอกบัวสีทองหลังฝ่ามือตัวเอง
เพียงแต่ไม่รู้ว่ายามเมื่อดอกบัวสีทองเบ่งบาน หินปิดฟ้าจะปรากฏตัวเป็นคำทำนายที่เล่าขานกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มีความหมายแฝงว่าอย่างไร? ขวดเซรามิกที่สืบทอดจากบรรพบุรุษของตัวเองเป็นของอะไรกันแน่?
สติลอยล่องออกไป ซีเหมินจินเหลียนลืมดูหินหยกดิบ เธอจึงตั้งสติมองเข้าไปอย่างรวดเร็ว…ผิวสีน้ำตาลแกมเทาเลือนหายไปหมดแล้ว ข้างในมีสีหยกที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนกระแทกเข้าไปในดวงตาของเธอ
สีส้ม? ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกสงสัย แน่นอนว่าสีชนิดนี้จัดอยู่ในเฉดสีแดง แต่ดูอย่างไรสีส้มแดงนี้ก็เหมือนของปลอม
ซีเหมินจินเหลียนเริ่มครุ่นคิดไตร่ตรอง เหมือนไม่เคยได้ยินมาก่อน…ว่าในบรรดาหยกมีสีส้มด้วย?
แม้ว่าสีแดงจะมีเยอะ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสีแดงมืด แดงเข้ม ดีสุดแน่นอนว่าต้องเป็นแสงอาทิตย์ยามอัสดงก้อนนั้นของหูชีเยี่ยนที่ได้เห็นไม่กี่วันก่อน สีแดงสดเพลิงไฟราวกับพระอาทิตย์แรกคอยส่องแสงเปล่งประกาย
แต่หินหยกดิบก้อนนี้ทำได้แค่ดู สิ่งของของหูชีเยี่ยนดูแล้วเขาคงไม่คิดจะขาย
เมื่อคิดไปเรื่อยเปื่อย ซีเหมินจินเหลียนก็สูดลมหายใจเฮือกยาว นี่คืออะไร? แสงสีส้มของพระอาทิตย์?
ความรู้สึกนี้เธอเข้าใจดี ครั้งที่แล้วที่อยู่ในร้านเถ้าแก่โจวที่เจียหยาง สีน้ำเงินเปล่งประกายนั่นไม่ใช่แสงพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก แม้ไม่ได้ทำลายสายตา ไม่เหมือนกับแสงของดวงอาทิตย์สุกสกาวก้อนนั้น และไม่มีเสน่ห์เหนือชั้นทำให้คนเสพติดเหมือนกับสีเขียวจักรพรรดิ ที่อยากจะนำหินหยกรอบตัวทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกตให้หมด
แต่สีส้มของพระอาทิตย์ก้อนนี้ สะท้อนแสงราวกับแสงดวงอาทิตย์ขึ้นจริงๆ
คล้ายกับสีน้ำเงินเปล่งประกาย ตรงที่ตรงกลางมีแสงอาทิตย์ระยิบระยับล่อใจคน แต่หินหยกดิบสีส้มแสงอาทิตย์นี้ขนาดไม่ใหญ่ ตรงกลางส่วนที่เผยแสงมีขนาดใหญ่กว่าสีน้ำเงินเปล่งประกายเล็กน้อย
“ของดีเหลือเกิน!” ซีเหมินจินเหลียนคิดในใจ ของดีแบบนี้กลับมาปะปนอยู่ในหินหยกเกรดต่ำที่เป็นของแถม คงต้องไล่ผู้เชี่ยวชาญหินหยกชาวพม่าพวกนี้ออกไปเที่ยวเสียแล้ว ทำไมถึงได้ดูถูกดูแคลนหินหยกก้อนนี้นัก
แต่เมื่อมองหินหยกดิบก้อนนี้ ซีเหมินจินเหลียนก็พูดจากใจว่า แม้จะเป็นของมีค่าแค่ไหน…ก็ต้องนำมาแสดงให้คนอื่นเห็นถึงมูลค่าของมัน ไม่อย่างนั้นมันก็ทำได้แค่เป็นของแถมปะปนกับหินหยกเกรดต่ำ
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกสงสัยในใจ หากมีคนประมูลหมายเลขนี้ หินหยกก้อนนี้สุดท้ายแล้วจะขายด้วยราคาถูกชั่งกิโลหรือเปล่า หรือว่าแย่กว่านั้น?
จ่านป๋ายรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ซีเหมินจินเหลียนสนใจหินหยกเกรดต่ำก้อนนั้น?
เขามองซ้ายทีขวาทีก็ไม่เห็นหินหยกดิบก้อนนั้นจะดีตรงไหน เมื่อย้อนคิดกลับไปหากว่าตนเองมองออก ตนเองก็คงพนันหินและร่ำรวยไปแล้ว? สำหรับความสามารถในการพนันหินของซีเหมินจินเหลียน เขารู้สึกเลื่อมใสจนถึงขั้นยอมคำนับเลยทีเดียว