ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 273
ซีเหมินจินเหลียนเดินอ้อมเข้าไปดู เป็นอย่างที่คาดไว้ ลักษณะรูปร่างของนกตัวเล็กนี้ หางยาวของมันคล้ายคลึงกับสมัยเด็กๆ ที่เคยเห็นที่หมู่บ้านภูเขา ไม่รู้ว่านกตัวนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร แต่เธอรู้สึกชอบเป็นพิเศษจนต้องเซ้าซี้ให้หูชีเยี่ยนช่วยจับให้เธอ แต่หูชีเยี่ยนก็ไม่เคยจับได้สักครั้ง
“ต่อมาลุงงูก็จับมาให้ฉันตัวหนึ่ง” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจพูดออกมา “ฉันดีใจมาก เลยหากรงนกมาเลี้ยง แต่ผลสุดท้าย…”
“วันต่อมามันก็ตาย?” หูชีเยี่ยนถาม
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าอย่างเศร้าสลด ถอนหายใจพูดขึ้นว่า “วันต่อมาไม่ทันได้ถึงตอนกลางคืนเลย มันก็ตายแล้ว”
“สัตว์พวกนี้คุ้นชินกับการอาศัยอยู่ในป่า แล้วจะทนถูกบังคับแบบนั้นได้อย่างไร?” หูชีเยี่ยนถอนหายใจพูด “แม้ว่าจะมีอาหารอุดมสมบูรณ์อยู่ในกรง และไม่ต้องกังวลว่าจะถูกสัตว์ป่าดุร้ายโจมตี ไม่ต้องทนฝนทนหนาว แต่มันจะดีกว่าอิสระที่รอคอยอยู่ด้านนอกได้อย่างไร?”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมา “หลังจากนั้นเป็นต้นมาฉันเลยไม่จับนกตัวเล็กมาเลี้ยงแล้วล่ะค่ะ”
“ตลาดขายสัตว์เลี้ยงก็มีนกแก้วพันธุ์ดีหน่อย ตั้งแต่เล็กถูกคนเลี้ยงจนเชื่อง ถ้าลูกชอบก็ไปซื้อกลับมาเลี้ยงสักตัวสิ”
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด “ตอนนี้ฉันไม่อยากเลี้ยงมันแล้วค่ะ”
“ตอนนี้เลยหันมาเลี้ยงหนุ่มหล่อแล้ว?” หูชีเยี่ยนยิ้มทันที
ซีเหมินจินเหลียนงุนงงอยู่สักพัก ทันใดนั้นก็คิดถึงจ่านป๋ายขึ้นมา ใบหน้าพลันแดงระเรื่อ ประโยคนี้ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นพูดเธอคงรู้สึกเฉยๆ หรือมากสุดเธอก็แค่ยิ้ม แต่หูชีเยี่ยนเป็นพ่อของเธอ เมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้…เธอจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนจนทำตัวไม่ถูก
“หนุ่มหล่อน่ะ ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าจะเลี้ยงกี่ตัว” หูชีเยี่ยนยิ้ม “แค่นี้ลูกก็หน้าแดงแล้วเหรอ? พ่อพูดถูกสินะ!”
“ถ้าเขาไม่ใช่หนุ่มหล่อ ตอนนั้นฉันอาจจะไม่ชุบเลี้ยงเขามาอยู่ที่นี่ก็ได้ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนตอบตามความจริง
“จินเหลียน ลูกบอกกับพ่อมาตรงๆ เถอะ ลูกชอบคุณชายไร้ประโยชน์ตระกูลหลินหรือเปล่า?” หูชีเยี่ยนถาม
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ส่งเสียงคัดค้าน ชอบเหรอ? ชอบแล้วจะเป็นอย่างไร อีกอย่างผู้ชายแบบหลินเสวียนหลาน เกรงว่าผู้หญิงทุกคนต่างก็ชอบเขาหมด เขาสุภาพอ่อนโยน รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ไม่เหมือนกับปีศาจจ่านมู่ฮวา…
มักจะมีคนพูดว่าทุกเรื่องย่อมมีขอบเขตของมัน แต่หลินเสวียนหลานนั้นเพอร์เฟคกำลังดี ไม่มีอะไรที่เกินไป ส่วนจ่านมู่ฮวานั้นแม้ว่าจะมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาสูสีกัน แต่เขาก็ดูเว่อร์เกินไป
“จินเหลียน หนุ่มหล่อจะเลี้ยงกี่คนก็ได้ แต่ว่า…” หูชีเยี่ยนถอนหายใจพูด “อย่างไรพ่อจะพูดอะไรลูกก็ไม่เคยฟังอยู่แล้ว ถือว่าพ่อขอร้องก็แล้วกัน ลูกอย่าไปหาหินปิดฟ้าบ้าบออะไรนั่นเลยได้ไหม?”
“ถ้าฉันไม่หา คนอื่นก็ต้องหาเหมือนกันค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนนั่งลงบนเก้าอี้ มองหูชีเยี่ยนเริ่มแกะสลักหยก
“คนอื่น?” หูชีเยี่ยนยิ้มเยือกเย็น “ใครจะกล้าหา? พ่อจะไม่ปล่อยมันไปเลยไม่ว่ามันจะเป็นใคร!”
“แล้วถ้าเป็นหูหวังล่ะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม คำพูดของหูชีเยี่ยนไม่ได้แปลกไปจากที่เธอคิด
“เขา…” นิ้วมือของหูชีเยี่ยนชะงักนิ่ง ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “เขาก็เหมือนกัน นอกจากลูกแล้ว ใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น และคนอื่นก็ไม่มีทางที่จะหาเจอ”
“ทำไมคุณถึงมั่นใจนักล่ะคะว่าฉันจะหาเจอ?” ซีเหมินจินเหลียนสงสัย ได้ยินสิ่งที่หูชีเยี่ยนเปล่งออกมา เขาก็รู้สึกเชื่อมันในตัวเธอมากเกินไปแล้ว แม้ว่าเธออยากจะตามหาหินปิดฟ้าขนาดไหน ก็ไม่แน่ว่าจะหาเจอนี่นา?
“เพราะว่าลูกเป็นลูกสาวของพ่อ” หูชีเยี่ยนยิ้ม ครั้งนี้มีดที่แกะสลักอยู่ในมือของเขาไม่ได้หยุดนิ่ง แต่กลับสลักลงบนหยกสีเขียวทั้งก้อนตามเส้นโค้งที่สวยงาม
“ฉันไม่เข้าใจ คุณไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะ
“จินเหลียน ลองทบทวนสิ่งที่พ่อพูดดูจะได้ไหม?”
“อืม ฉันจะคิดดูให้ดีค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ในใจกำลังคิดว่าหากหาหินปิดฟ้กาเจอ เธอต้องเอามันออกมาดูให้ได้ เพราะเธอก็รู้สึกสงสัยล้นอก ในตำนานผู้คนสมัยนั้นมีอภินิหารสามารถเรียกฝนเรียกลมได้ ปั้นดินกลายเป็นคน ฝึกเล่นหินปิดฟ้า…จนกระทั่งชีวิตเป็นอมตะ
นั่นเป็นอารยะธรรมที่เคยสูญหายไปช่วงหนึ่ง หากในตำนานที่พูดถึงเทพเป็นเรื่องจริง อารยะธรรมพวกนี้มันจมหายไปที่ไหนแล้ว?
หูชีเยี่ยนรู้ว่าเธอทนฟังไม่ได้แล้ว จึงได้แค่ถอนหายใจเบาๆ ตั้งใจแกะสลักโถใส่ของต่อ…ไม่มีหนทางจริงๆ ได้แต่สังเกตการณ์ดูเธอ
เมื่อพูดถึงเท่านี้ หูชีเยี่ยนก็รู้สึกคุ้มคลั่ง ปีศาจงูนั่นสมควรตาย! ผ่านไปตั้งหลายปีทำไมเขาถึงยังไม่ตายอีก แถมยังกล้าปากสว่าง?
“จินเหลียน พวกเราเลือกวันที่ฤกษ์งามยามดีและผ่าหินราชางูออกมาดูดีหรือเปล่า” จู่ๆ หูชีเยี่ยนก็พลันพูดจาจริงจัง
“ทำไมคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ลูกก็สนใจสิ่งมีชีวิตโบราณไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ก็วางอยู่ตรงหน้าแล้ว แค่ผ่าออกมาดูก็รู้หมดแล้วไม่ใช่เหรอไง” หูชีเยี่ยนพูดยุยง
“แต่ถ้าผ่าออก…” ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงคำพูดที่สวี่อี้หรานเคยพูดถึงความร้ายกาจของมัน เช่นนั้นจึงส่ายหน้าพูด “หินราชางูจะตายหรือเปล่าคะ”
“หรือลูกคิดว่ามันยังมีชีวิตอยู่อย่างนั้นเหรอ?” หูชีเยี่ยนตั้งใจพูด
“ค่ะ มันน่าจะยังมีชีวิตอยู่” ซีเหมินจินเหลียนพูด ขอแค่เป็นสิ่งมีชีวิตเธอก็ไม่มีทางใช้พลังพิเศษมองทะลุผ่านได้ และสวี่อี้หรานก็บอกเองว่าหินราชางูมีเส้นชีพจร จนกระทั่งเขาเคยพูดเรื่องที่ไม่น่าฟังว่า ชีพจรของเธอกับหินราชางูคล้ายคลึงกัน…เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วทุกครั้งเธอก็รู้สึกว่าไร้สาระสิ้นดี
“มีชีวิตอยู่สิยิ่งดี” หูชีเยี่ยนยิ้ม “พวกเราจะได้ศึกษาสักครั้ง และใช้โอกาสนี้ลิ้มรสชาติของงูโบราณตัวนี้”
“คุณอยากจะกินจริงๆ เหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ใช่!” หูชีเยี่ยนพยักหน้าพูด “ทำไมถึงไม่กินล่ะ?”
“คุณไม่กลัวว่ามันจะมีพิษเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด เรื่องนี้เกรงว่ามีแต่เขาที่คิดออกมาได้ และเขายังทำเหมือนว่าจะทำอย่างนั้นจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้น เอาอย่างนี้ไหม…” หูชีเยี่ยนพูด “พวกเราผ่าราชาหยกออกมาดูก่อน?”
ซีเหมินจินเหลียนใจกระตุกวาบ ครุ่นคิดดู “ดูว่ามันเป็นอะไรกันแน่?” นอกจากราชาหยก เธอก็ยังมีหินลายน้ำชนิดเดียวกันกับราชาหยกก้อนนั้น อีกทั้งหินบางส่วนในครั้งนี้ที่เธอพนันหินกลับมาก็มีส่วนคล้ายคลึงบางอย่าง…แม้จะไม่รู้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตหรือเปล่า
“ไม่ใช่ว่าลูกสนใจสิ่งมีชีวิตโบราณเหรอ?” หูชีเยี่ยนพูด “ผ่ามันออกมาดูจะได้เข้าใจอะไรขึ้นมาได้บ้าง?”
“อืม ก็ได้ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ว่ากันตามตรงหากไม่ใช่เพราะว่าคอยยับยั้งใจอยู่ตลอด ไม่ว่าช้าหรือเร็วเธอก็อยากจะผ่าออกมาดูสักก้อน
“วันนี้ก็เป็นฤกษ์ดี” หูชีเยี่ยนพูด “หรือจะผ่าคืนนี้เลย?” เมื่อซีเหมินจินเหลียนตกปากรับคำอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกแปลกใจ เลือกฤกษ์งามยามดีไม่สู้กำหนดเอง อีกอย่างเกรงว่าถ้าลากไปอีกสองวัน เธอคงได้เปลี่ยนใจแน่
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “เอาตามที่คุณว่าแล้วกันค่ะ” ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็เหมือนกัน เขาบอกว่าวันนี้ก็วันนี้ “แต่คุณคงไม่คิดจะผ่ามันออกมากินจริงๆ หรอกใช่ไหมคะ?”
หูชีเยี่ยนยิ้มและแกะสลักโถใส่ของของเขา ในเวลานั้นก็พูดขึ้นมาอีกว่า “จินเหลียน โถนี้หนูคิดจะใส่อะไรไว้ข้างใน”
“อะไรก็ได้ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยังไม่ทันได้คิดว่าจะใส่อะไร แค่ทำออกมาให้สวยงามก็พอแล้ว ในเวลาเดียวกันเริ่มศึกษาดูหยกสีแดงเทพดาวโซ่วที่ได้แกะสลักเสร็จแล้ว เหลือแค่สลักหน้าตา สิ่งที่ยากที่สุดในการแกะสลักคนก็คือใบหน้า ถ้ามีดตัดลงไปไม่ระวังพลาดพลั้งไปนิด อาจทำให้ตาเบี้ยวจมูกแหว่งได้ นั่นก็จะถือว่าการแกะสลักหยกทั้งก้อนพังไปครึ่ง และนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ได้ง่ายไปกว่าตอนนั้นที่เธอให้เทพดาวโซ่วแก่หลินเสวียเหวินเลย
“ยกให้พ่อเถอะ” หูชีเยี่ยนพูดทันใด
ซีเหมินจินเหลียนสงสัย เขาจะเอามันไปทำอะไร อีกอย่างมีหยกอะไรที่เขาไม่มีบ้าง? เขาขาดแคลนอันนี้เหรอ?
“คุณอยากจะได้มันไปทำอะไรคะ” ซีเหมินจินเหลียนหันหน้าไปถาม
“รอให้พ่อตายแล้วลูกเอาเถ้ากระดูกของพ่อใส่ไปไว้ในนั้นนะ…”
ยังไม่ทันจะได้พูดจบเขาก็เห็นว่ามีของบางอย่างที่พุ่งเข้ามาใส่หัวตัวเอง จึงรีบหันหัวหลบทันที ในใจรู้ดีว่าตนล้อเล่นเกินไปแล้ว ทำให้เธอโกรธเสียแล้ว…
เพล้ง! เสียงแก้วชาแตกเป็นเสี่ยงๆ!
“พ่อแค่ล้อเล่นเอง…อย่า…จินเหลียน อย่าร้อง…” หูชีเยี่ยนคิดไม่ถึงว่าประโยคนั้นที่ตนพูดออกไป จะทำให้ซีเหมินจินเหลียนจะโกรธขนาดนี้ เธอฟุบลงไปบนโต๊ะและร้องไห้ออกมาเป็นสาย
หูชีเยี่ยนเอื้อมมือไปกอดเธอ และลูบหลังอย่างปลอบโยน พูดเกลี้ยกล่อมขึ้นว่า “อย่าร้องเลยนะ พ่อแค่ล้อเล่นลูกเท่านั้น พ่อจะตายได้ง่ายๆ ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ตอนเด็กคนอื่นชอบล้อฉันว่าเป็นเด็กกำพร้า คุณจากไปตั้งหลายปี ปล่อยฉันไว้อย่างไม่สนใจไยดี แม่ก็ตายไป ต่อมาก็คุณย่า อาจารย์ก็ตายไปกันหมด เหลือฉันแค่ตัวคนเดียว…หลายปีมานี้ฉันต้องทุกข์ทรมานแค่ไหน คุณรู้หรือเปล่า? ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะได้เจอคุณ แต่คุณกลับ…” ซีเหมินจินเหลียนกลั้นอารมณ์โกรธและอัดอั้นตันใจไว้ไม่ไหว ร้องห่มร้องไห้ออกมา
“พ่อรู้ พ่อรู้ทุกอย่าง!” หูชีเยี่ยนถอนหายใจออกมาเบาๆ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกเขาก็ไม่น่าหยอกล้อเธอเลย “ไม่ต้องร้องแล้วนะ พ่อไม่มีทางตายหรอก!”
“คุณไม่มีทางตาย แต่คุณจะหายตัวไป!” ซีเหมินจินเหลียนเช็ดคราบน้ำตาด้วยความเสียใจ ในที่สุดก็ซบลงบนตัวเขาอย่างไม่ลังเล ร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กตัวน้อยๆ นี่เป็นเรื่องที่เธออยากจะทำมากที่สุดในตอนเด็ก เวลาเจอเรื่องไม่สบายใจมาและฟุบตัวลงข้างกายพ่อแม่ ปลดปล่อยความเสียใจออกมา
“เรื่องในตอนนั้น เดิมทีพ่อก็ไม่อยากทำแบบนั้นเลย แต่มีเหตุให้ต้องทำ” หูชีเยี่ยนหยิบกระดาษทิชชู่เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของเธอ ถอนหายใจพูดว่า “ถ้าเลือกได้ ชีวิตนี้พ่อก็ไม่อยากให้ลุกต้องเกี่ยวข้องกัยหยกเลย!” ในระหว่างที่พูดนั้น เขาก็จับมือเธอและมองดอกบัวสีทองที่แย้มบานออกมาครั้งหนึ่งหลังมือของเธอ “นี่ไม่ใช่รอยสักใช่ไหม? แม้จะมองแล้วเหมือนมาก…”
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไรออกมา สวี่อี้หรานเห็นแวบแรกก็มองออกเลยว่าลวดลายดอกบัวสีทองบนฝ่ามือของเธอนั้นไม่ใช่รอยสัก และเขาก็เป็นพ่อของเธอ ไม่มีใครที่จะเข้าใจครอบครัวของเขาได้มากกว่าเขาแล้ว ทำไมเขาจะไม่รู้?
“ตระกูลเรามีคำพูดเล่าขานต่อกันมาว่า…ยามเมื่อดอกบัวสีทองเบ่งบาน หินปิดฟ้าจะปรากฏตัว เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ แต่ความหมายของมันเป็นอย่างไร ในวันนี้พ่อก็ได้เข้าใจแล้ว แต่เมื่อดอกบัวสีทองเบ่งบานเต็มที่ หินปิดฟ้าจะปรากฏตัว ลูกก็เคยคิดถึงผลที่จะตามมาหรือเปล่า?” หูชีเยี่ยนถาม
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า จะมีผลอะไรตามมาอย่างนั้นเหรอ?
“ยามเมื่อดอกบัวสีทองเบ่งบานเต็มที่ นั่นเป็นเรื่องที่อันตรายที่สุด!” หูชีเยี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึก “ถึงจะเป็นคนจนหรือคนรวย กินข้าวไม่ครบสามมื้ออาหาร ไม่มีเงินซื้อรถหรือบ้าน ก็จะถูกคนอื่นกลอกตาใส่เพื่อเย้ยหยัน แต่มนุษย์เราอยู่บนโลกก็มีความหวังบางอย่างอยู่ในนั้น เมื่อลูกควบคุมอะไรบางอย่างมากจนเกินไป จำต้องสูญเสียไปมากกว่าหลายเท่า ถ้าชีวิตไม่มีแม้กระทั่งความหวัง ชีวิตแบบนี้ไปเสียยังจะดีกว่ามีชีวิตอยู่เสียอีก!”