ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 303
สำหรับคำอธิบายของเขา ซีเหมินจินเหลียนคิดว่ามันเหมือนกับการดูถูกเสียดสี เขาตั้งใจเรียนอย่างนั้นเหรอ?
“ตอนเด็กแมวตัวหนึ่งของพวกเรา ก็ถูกพ่อวางยาเบื่อหนูจนตาย นั่นไม่ได้เป็นเพราะมันขี้สงสัยแล้วตายสักหน่อยนี่คะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดโพล่งออกไป
หูชีเยี่ยนได้ยินแล้วปล่อยเสียงหัวเราะออกมา “ลูกรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?”
“คุณย่าเป็นคนบอกหนูคะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้นอย่างจริงจัง “คุณย่าบอกว่าพ่อเกลียดแมวตัวนั้นมาตั้งนานแล้ว”
“พ่อเกลียดแมวตัวนั้นมันก็อีกเรื่อง แต่อย่างน้อยพ่อก็ไม่ถึงขั้นวางยาฆ่ามันตายหรอก ย่าของลูกน่ะพูดจาเหลวไหลชัดๆ! พ่อจะบอกลูกให้นะ แมวตัวนั้นถูกเสี่ยวป๋ายกัดตายต่างหาก!” หูชีเยี่ยนยิ้ม
“เสี่ยวป๋าย?” ซีเหมินจินเหลียนถลึงตากว้าง เสี่ยวป๋ายพึ่งออกไปซื้ออาหารมื้อดึกจะกัดแมวตายได้อย่างไร เขามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร? กัดแมว ไม่ใช่ว่าสักวันคงจะกัดเธอเข้าให้นะ?
“พ่อพูดถึงเสี่ยวป๋ายที่พ่อเลี้ยงตัวนั้น ไม่ใช่เสี่ยวป๋ายที่ลูกเลี้ยง” หูชีเยี่ยนบีบจมูกเธอเบาๆ และพูดขึ้น “เสี่ยวป๋ายที่พ่อเลี้ยงเป็นงู ไม่ใช่เสี่ยวป๋ายที่เป็นหนุ่มหล่อ”
ซีเหมินจินเหลียนใบหน้าแดงระเรื่อรีบซ่อนมือเข้าไปในแขนเสื้อตัวโคร่งพร้อมยิ้ม “แต่เขาก็หล่อสู้พ่อไม่ได้อยู่ดีนะคะ”
“ฮะๆ…” หูชีเยี่ยนได้ยินแล้วยิ้มเคอะเขิน
“พ่อคะ ทำไมพ่อถึงไม่ไว้ผมยาวแล้วล่ะคะ” ซีเหมินจินเหลียนทิ้งตัวบนโซฟา อย่างไรเสียหูชีเยี่ยนก็รู้เรื่องบ้าๆ พวกนั้นของเธอ เธอเลยไม่ได้ปิดบังเขา “สไตล์นี้กำลังเป็นที่นิยมในช่วงนี้เลยนะ”
“สไตล์แบบนั้นดึงดูดสายตาของคนรอบข้างเกินไป ลูกพูดเองไม่ใช่เหรอ?” หูชีเยี่ยนยิ้ม
ทั้งคู่นั่งพิงโซฟาและพูดเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย จนหนังตาของซีเหมินจินเหลียนเริ่มหย่อนคล้อย ตอนนี้เวลาใกล้จะตีหนึ่งแล้ว ทำไมเสี่ยวป๋ายถึงยังไม่กลับมาอีก ความจริงหูชีเยี่ยนกับเธอไม่ได้อยากกินมื้อดึกหรอก เพียงแต่แค่หาข้ออ้างให้เขาออกไปข้างนอกเท่านั้น เขาก็น่าจะรู้ดี…
ซีเหมินจินเหลียนคิดในใจและควานหาโทรศัพท์ต่อสายโทรไปหาเขา และรู้ว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร กำลังเดินกลับมาก็ผ่อนคลายลง นั่งพิงโซฟาด้วยสายตาสะลึมสะลือ ไม่นานก็ก้าวเข้าสู่ห้วงนิทรา
หูชีเยี่ยนถอนหายใจออกมา มองซีเหมินจินเหลียนที่นอนเหมือนเด็กไม่มีผิด ทันใดนั้นเดินเข้าไปเขย่าตัวเธอ “จินเหลียน กลับห้องไปนอนเถอะ นอนตรงนี้จะตัวเย็นเอานะ”
แต่ซีเหมินจินเหลียนกลับพลิกตัวและไม่สนใจเขา กอดหมอนอิงบนโซฟาพร้อมนอนหลับปุ๋ย
หูชีเยี่ยนยิ้มกริ่ม เด็กคนนี้… เขาพลาดโอกาสที่จะได้อยู่กับเธอในวัยเด็กไปมากมายเหลือเกิน แต่ตอนนี้แม้ว่าเขาจะพยายามสุดกำลังเพื่อจะทดแทน แต่มันจะชดใช้ได้เท่าไหร่กัน?
…
เช้าวันถัดมาซีเหมินจินเหลียนตื่นขึ้น ข้างนอกก็พลันสว่างจ้าแล้ว เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเวลา ก็เห็นว่าสิบโมงกว่าแล้วเหรอเนี่ย เธอกอดหมีพยุงตัวขึ้นมาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ? เมื่อวานเธอกำลังรออาหารมื้อดึกจากจ่านป๋ายอยู่เลยนี่นา จากนั้น…ก็เหมือนจะผล็อยหลับไปบนโซฟาโดยไม่รู้ตัว แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ในห้องตัวเองได้?
วางคางไว้บนตัวน้องหมีพร้อมกอดไว้แน่น เมื่อวานเธอหลับไปโดยไม่รู้ตัว และเหมือนได้ยินหูชีเยี่ยนเรียกเธอ…ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมาทันที ตอนเด็กเธอก็เป็นแบบนี้ โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนชอบนอนตากลมอยู่ข้างนอก จากนั้นก็เผลอหลับไปทุกที…
ลุกขึ้นล้างหน้าหวีผม เปลี่ยนเสื้อผ้า ซีเหมินจินเหลียนเดินลงไปถึงห้องรับแขกด้านล่าง เห็นจ่านป๋ายชะโงกหน้าออกมาจากห้องครัว “จินเหลียน คุณตื่นแล้วเหรอ กินมื้อเช้าไหมครับ”
“พ่อฉันล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามแปลกใจ เมื่อก่อนตอนตื่นเช้ามักจะเห็นเขาอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องรับแขก
“ห้องใต้ดิน” จ่านป๋ายยิ้ม “คุณกินข้าวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยลงไปเถอะ”
แต่ซีเหมินจินเหลียนรีบไปที่ห้องใต้ดินแล้ว จ่านป๋ายทำได้แค่ยิ้มๆ ในช่วงเช้าตรู่ของฤดูหนาวเขาก็มีภาพลวงตาบางอย่าง บนตัวของเธอเรืองรองไปด้วยแสงสีทองอ่อนๆ ระยิบระยับ
“เอ๋ พ่อคะ ทำอะไรเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนเห็นหูชีเยี่ยนกำลังวาดลวดลายลงบนหยกสามสีล้ำค่าก้อนใหญ่ ลวดลายมีความโบราณและเรียบง่าย เหมือนกับลวดลายด้านบนของจี้หยกของเขา แต่เมื่อดูอย่างละเอียดมันก็ไม่เหมือนกัน มีความแปลกประหลาดที่พูดยาก แต่มันก็สวยสมบูรณ์แบบอย่างไม่ขัดขืน
หูชีเยี่ยนตั้งใจกับการร่างลวดลายอยู่ เหมือนกับภาชนะหยกสามขาครั้งนั้น แม้ว่าจะวาดกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่ลวดลายก็ไม่เหมือนกันเลย
“พ่อคะ งานฝีมือซับซ้อนชิ้นใหญ่ขนาดนี้มันจะเปลืองเวลาเอานะ” ซีเหมินจินเหลียนมองลวดลายของหูชีเยี่ยน พูดตามตรงลวดลายดูละเอียดและประณีตมาก แม้จะแกะสลักเป็นจี้หยกก็ต้องกินเวลาตั้งหนึ่งชั่วโมงกว่า แล้วยิ่งก้อนใหญ่ขนาดนี้จะเท่าไหร่กันล่ะ?
“ไม่เป็นไร พ่อทำเร็ว” หูชีเยี่ยนเงยหน้าพูด “เสี่ยวป๋ายบอกว่าลูกอยากจะทำเป็นเตาหินปิดฟ้า? พ่อว่าหินหยกก้อนนี้ดูเหมาะสม เลยวาดลวดลายเค้าโครงของมันออกมาก่อน”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วมีความรู้สึกปวดใจขึ้นมาไม่ทันได้ตั้งตัว แม้ว่าหูชีเยี่ยนเต็มใจอยากจะทำ แต่งานฝีมือมันก็ซับซ้อนเกินไป ไม่ใช่แค่วันสองวันจะเสร็จสิ้น
จู่ๆ ใจของเธอก็พลันกระตุก ถ้าหินซ่อมฟ้าไม่เสร็จภายในระยะเวลาสั้นๆ มันก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ? ซีเหมินจินเหลียนลากเก้าอี้พร้อมเท้าคางมองลวดลายที่หูชีเยี่ยนวาดด้วยความวิจิตร มองจากงานฝีมือแล้วภายในหนึ่งปีครึ่งคงไม่มีทางแกะสลักเสร็จแน่ นั่นก็ไม่เท่ากับว่าเขาจะอยู่เซี่ยงไฮ้ไปตลอดอย่างนั้นเหรอ?
แบบนี้ก็ดีน่ะสิ ซีเหมินจินเหลียนยิ่งคิดยิ่งดีใจ มองเตาหินปิดฟ้าและแอบพูดขึ้นในใจว่า พ่อวาดลวดลายลงไปเลย ยิ่งซับซ้อนเท่าไหร่ยิ่งดี อย่างไรเสียนี่ก็เป็นงานของพ่อแล้ว! ถ้าพ่อทำไม่เสร็จก็ห้ามไปไหนเด็ดขาดนะคะ!
“จินเหลียน…” หูชีเยี่ยนเงยหน้ามองใบหน้าเปื้อนยิ้มของซีเหมินจินเหลียน
“คะ…” ซีเหมินจินเหลียนตอบรับไปตามสัญชาตญาณ
“ลูกคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงได้ดูเพลิดเพลินแบบนั้น พ่อเรียกตั้งสองครั้งลูกก็ไม่ได้ยิน?” หูชีเยี่ยนยิ้ม “ระวังน้ำลายจะไหลย้อยออกมา คิดถึงหนุ่มหล่อเหรอไง?”
“เหลวไหลแล้วค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนเพิ่งได้สติกลับมา ถูกเขาล้อเล่นแบบนี้จึงรีบโต้ขึ้น “ทำไมถึงคิดว่าหนูคิดถึงผู้ชายล่ะคะ หนูดูบ้าผู้ชายขนาดนั้นเลย?”
“แล้วเรื่องอะไรถึงทำให้ลูกมีความสุขได้ขนาดนี้เชียว?” หูชีเยี่ยนพูดอีกครั้ง
“ไม่บอกพ่อหรอกค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดจบก็กระโดดเด้งตัวขึ้นยืนเดินออกไปข้างนอก เกือบจะชนกับจ่านป๋ายที่เดินเข้ามาในห้องใต้ดินอย่างจัง
ตอนบ่ายหลินเสวียนหลานเข้ามา ไม่รู้ว่ามีเรื่องคุยอะไรกับหูชีเยี่ยน อย่างไรเสียหูชีเยี่ยนก็ไม่ยอมปริปากพูดออกมา แม้ว่าเธอจะถามก็ไม่ได้คำตอบ ถ้าเขาจะพูดไม่ต้องถามเขา เขาก็บอกเธออยู่แล้ว
ตระกูลหลินกับตระกูลอวิ๋นน่าจะติดต่ออะไรบางอย่างกับหูชีเยี่ยน แต่สำหรับเรื่องนี้ ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้ว่าหูชีเยี่ยนทำได้อย่างไร
เพราะอวิ๋นอวิ้นเกลียดหูหวังเข้ากระดูกดำ แต่สำหรับหูชีเยี่ยน เธอไม่เชื่อว่าเธอจะอ่อนข้อไม่โกรธนี่นะ?
“พี่หลินคะ ช่วงนี้คุณว่างหรือเปล่าคะ” ซีเหมินจินเหลียนเห็นหลินเสวียนหลานเดินออกมาจากห้องหนังสือด้วยอารมณ์ที่ไม่เลวนัก จึงอมยิ้มเรียกทักทาย
“มีอะไรเหรอครับ” หลินเสวียนหลานนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามเธอพร้อมยิ้ม “เหมือนช่วงนี้ไม่ได้เจอคุณเลย จินเหลียนคุณยิ่งสวยขึ้นนะ”
“จริงเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนอดไม่ได้ที่จะลูบคลำใบหน้าตัวเอง ตั้งแต่ที่หูชีเยี่ยนใช้คาลซิโดนีโบราณทาไปบนมือเธอ ผิวของเธอก็นุ่มลื่นเหมือนเด็กทารกก็ไม่ปาน คนส่วนใหญ่ที่เจอเธอก็ต่างชื่นชมไม่หยุดปาก
“จริงสิ!” หลินเสวียนหลานยิ้ม
“อ้อ!” ซีเหมินจินเหลียนควานหาไข่หยกห้าสีออกมาจากกระเป๋าเสื้อพร้อมยิ้ม “ไม่ง่ายเลยที่จะหาไข่หยกห้าสีเจอ อยากจะให้คุณช่วยออกแบบทำเป็นจี้ให้หน่อยน่ะค่ะ”
“ไข่หยกสวยเหลือเกิน” ในขณะที่หลินเสวียนหลานพูดเขาก็รับไข่หยกฟองนั้นต่อมาจากมือของเธอและประคองมันอย่างระมัดระวัง ในใจสงสัยไม่หยุดว่ามันเป็นไข่หยกจริงเหรอ? ทำไมน้ำหนักดูไม่เหมาะสม ถ้ามันเป็นไข่หยกจริงน้ำหนักน่าจะหนักกว่านี้นะ
แต่นี่เป็นหยกไม่ผิดแน่ สัมผัสที่อยู่ในมือมีแค่หยกเท่านั้นถึงให้ความชุ่มฉ่ำได้ขนาดนี้ แสงและความโปร่งใสรวมถึงสีสันทุกอย่างสมบูรณ์แบบหมด ไม่มีตำหนิเลยสักนิด
ตรงกลางว่างอย่างนั้นเหรอ? หลินเสวียนหลานแอบสงสัยอยู่ในใจ แต่ถ้าไข่หยกนี่ถูกเจาะให้กลวง จะลงงานฝีมือให้วิจิตรสักแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะกลบเกลื่อนตำหนิได้หรอก อีกอย่างด้านบนของไข่หยกไม่มีลวดลายแกะสลักสักกระนิด ไม่มีทางที่จะว่างเปล่าหลังถูกผ่าออกมา
นอกเสียจาก…ตรงกลางว่างเปล่าตามธรรมชาติ
หลินเสวียนหลานยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย ตรงกลางว่างเปล่าตามธรรมชาติอย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นแล้วไข่หยกก้อนนี้น่าจะไม่ได้มีผลมาจากเจียระไนหรอกมั้ง หรือมันจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจริงๆ?
ไข่หยกธรรมชาติ? ตรรกะอะไรกัน แม้ว่าในใจของหลินเสวียนหลานจะสงสัยไม่หยุด แต่เขาไม่ใช่จ่านมู่ฮวา คำถามแบบนี้ซีเหมินจินเหลียนไม่พูด เขาก็ไม่มีทางถามก่อนหรอก
“ไม่มีปัญหา ผมวัดขนาดสักหน่อยแล้วกลับไปออกแบบให้คุณก็ได้แล้วครับ” หลินเสวียนพูดจบก็หันตัวไปหยิบอุปกรณ์บนรถ ไม่นานกลับมาพร้อมยื่นกล่องผ้าไหมกล่องหนึ่งให้แก่ซีเหมินจินเหลียน “เกือบลืมไปแล้ว อันนี้ผมให้คุณครับ”
“คืออะไรคะ” ซีเหมินจินเหลียนสงสัยและรับกล่องผ้าไหมมาเปิด มีเข็มกลัดหยกติดอกรูปทรงดอกกุหลาบสีแดงแต้มด้วยใบไม้สีมรกตอยู่หนึ่งดอกปรากฏตรงหน้าเธอ
“สวยจังเลยค่ะ” ในขณะที่ซีเหมินจินเหลียนพูด เธอก็หยิบเข็มกลัดติดอกชิ้นนั้นขึ้นมา แม้ว่านี่ไม่ได้ฝังประดับด้วยเศษหยกเล็กละเอียด แต่เธอก็มองออกนี่น่าจะทำมาจากเศษหยกขนาดใหญ่ ดอกกุหลาบสีแดงตรงกลางเหมือนมีชีวิตชีวาราวกับของจริง บวกกับเพชรเม็ดเล็กๆ ที่ฝังอยู่ตรงกลางแล้วนั้นราวกับหยดน้ำค้างคริสตัล…
ข้างๆ มีใบไม้สีเขียวมรกตหยกเต็มทั้งแผ่นคอยเสริมแต่ง ดูแล้วยิ่งสมจริงมากขึ้น
“เป็นของขวัญที่ล้ำค่ามากค่ะ คุณคิดได้ยังไงคะเนี่ย” ซีเหมินจินเหลียน
“ใกล้จะปีใหม่แล้ว ผมให้คุณใส่ไว้ตอนปีใหม่ก็แล้วกัน จะได้เป็นสิริมงคล!” หลินเสวียนหลานจดบันทึกข้อมูลของไข่หยกพลางพูด
“อืม ขอบคุณค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มกล่าวขอบคุณ
“จินเหลียน คุณจ่านไม่อยู่เหรอครับ” หลินเสวียนหลานถาม
“เขาออกไปซื้อของน่ะ อีกเดี๋ยวคงใกล้กลับแล้วล่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม ถ้าไปเยี่ยมหูหวังจะไปมือเปล่าได้อย่างไร อย่างน้อยต้องเอาของติดไม้ติดมือไปหน่อย แม้หูหวังจะไม่ได้ขาดเหลือก็ตาม เดิมทีเธอก็จะไปด้วย เพียงแต่หลินเสวียนหลานมาเสียก่อน
หลินเสวียนหลานที่เขียนบนกระดาษโพสต์อิทเพื่อบันทึกข้อมูลของไข่หยกร่ายยาวเป็นหางว่าว อยู่ๆ ก็ถามขึ้น “จินเหลียน วันนั้นที่คุณโทรมาหาผม คุณถามเรื่องที่เราเจอกันครั้งแรกไปทำไมเหรอครับ?”
“แค่ลองถามเท่านั้นเองค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนตอบกลับไป สำหรับคำถามนี้จะให้เธออธิบายอย่างไรดีล่ะ? วันที่เธอถูกรถชนก็คือวันที่หูชีเยี่ยนปรากฎตัวขึ้นที่พม่า วันนั้นเอง…