ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 309
จ่านป๋ายหยุดฝีเท้านิ่ง สองมือกำหมัดแน่นอย่างช้าๆ เขาอยากจะรู้จริงๆ ว่าคนคนนี้มันจะแค่ไหนกัน? มีกลยุทธ์จับโจรเอาหัวโจก ขอแค่ควบคุมซีเหมินน่งเย่ว์ได้ก็ไม่ต้องกังวลว่าไม่สามารถพาซีเหมินจินเหลียนกลับไปด้วยกันได้?
สำหรับหูชีเยี่ยน เขาแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เป็นปัญหาที่หนักใจของซีเหมินจินเหลียน คนคนนี้ไม่ได้พะว้าพะวังอะไรเลย
แต่ผิดคาดจากที่จ่านป๋ายคิดไว้ ซีเหมินน่งเย่ว์เดินไปหน้าจ่านมู่ฮวาและกวาดสายตาไล่วิเคราะห์เขาอยู่นาน ทันใดนั้นก็ง้างมือตบเข้าไปอย่างไม่บอกไม่กล่าว ทำให้ใบหน้าที่งดงามของเขาสะบัดไปตามแรงอย่างรุนแรง
“โอ๊ย…” จ่านมู่ฮวาถูกตบไปหนึ่งฉาดจนล้มเซลงกับพื้น ดูออกว่าแรงตบนี้ของซีเหมินน่งเย่ว์ไม่ใช่ตบเล่นๆ และดูท่าจะหนักกว่าของหูชีเยี่ยนมากพอตัว
“มู่ฮวา!” ตั้งแต่ที่ซีเหมินจินเหลียนเข้ามา จ่านอิ๋นก็ไม่พูดจาอยู่ตลอด จนตอนนี้เขาก็โถมตัวเข้าหาจ่านมู่ฮวาพร้อมรีบเข้าไปประคองขึ้นมาอย่างร้อนใจ
ซีเหมินจินเหลียนนั่งลงบนโซฟาอีกฝั่ง แม้จ่านอิ๋นจะไม่ชอบจ่านป๋าย แต่สำหรับจ่านมู่ฮวาก็ไม่ต้องพูดถึงเลย
“คุณซีเหมิน เรื่องที่คุณต้องการจะทำพวกเราก็ช่วยแล้ว ทำไมคุณต้องทำกับมู่ฮวาแบบนี้ด้วย?” จ่านอิ๋นโกรธ ช่วงนี้มีเรื่องเข้ามาให้ไม่หยุด ใครที่กล้ามาตบมู่ฮวา แถมยังหักหน้าคนเป็นพ่ออย่างเขา ตั้งแต่เล็กจนโต แม้แต่เขายังไม่ตบตีมู่ฮวามาก่อนแม้แต่นิ้วเดียว มากเกินไปแล้ว
ซีเหมินน่งเย่ว์ใช้เท้าเตะจ่านอิ๋นให้ผละออกพร้อมคว้าคอเสื้อตรงหน้าอกของจ่านมู่ฮวาให้เขาลุกขึ้นมา แสยะยิ้มเย็นพูด “เป็นอะไรไป กล้าบ้าบิ่นต่อหน้าฉันอีกเหรอ?”
ใบหน้าครึ่งซีกของจ่านมู่ฮวาพลันช้ำเลือดช้ำหนอง แต่ไม่ได้ส่งเสียงคัดค้าน
“เสี่ยวป๋าย คุณไปเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนควานหากรรไกรตัดเล็บออกมาจากกระเป๋าเริ่มตัดแต่งเล็บทรงมน ในระหว่างนั้นก็พูดพร้อมส่งสีหน้าให้จ่านป๋าย
จ่านป๋ายรู้เจตนาจึงสาวเท้าเดินไปด้านล่าง
“เดี๋ยว…” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มเย็น “ฉันอนุญาตให้เขาไปแล้วเหรอ?”
ซีเหมินจินเหลียนตะไบเล็บมืออย่างช้าๆ ถึงค่อยเอ่ยปากพูดขึ้น “คุณซีเหมิน ช่วงนี้คุณเลอะเลือนหรือเปล่าคะ”
“อะไรนะ?” ซีเหมินนงเย่ว์ปล่อยจ่านมู่ฮวาพร้อมถามเยือกเย็น “ฉันเลอะเลือนยังไงเหรอ?”
“ถ้าคุณไม่ให้จ่านป๋ายไป คุณคิดว่าพ่อฉันจะเชื่อว่าฉันอยู่ที่นี่เหรอคะ? พ่อฉันเคยโดนหลอกมาแล้วครั้งหนึ่ง คุณคิดว่าเขาจะยอมตกหลุมพรางอีกครั้งอย่างนั้นเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนเชิดมุมปากยิ้มอย่างใสซื่อ “ครั้งที่แล้วคุณใช้ลุงงูกับผู้เฒ่าตระกูลฉินและคุณจ่านหลอกล่อให้เขาติดหลุมพราง ครั้งนี้คุณก็อยากจะใช้วิธีแบบนี้อีก?”
“เธอพูดถูก หูชีเยี่ยนน่าสงสัยมาก อยากให้ตัวเขากระโดดเข้าไปในหลุมพรางด้วยตัวเองมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มอ่อน “แต่ เธอรู้ไหมว่าข้อเสียที่สุดของเขาคืออะไร?”
“รู้ค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “เขาสนใจความรู้สึกมาก ถ้าตอนนั้นเขาไม่ห่วงฉัน คุณก็คงไม่ต้องมาทำอะไรใส่หัวฉันหรอกใช่ไหมล่ะคะ?” พูดจบเธอก็หันไปพูดกับจ่านป๋ายอีกครั้ง “เสี่ยวป๋าย คุณไปเถอะ กลับไปบอกพ่อของฉันว่าฉันอยู่กับคุณซีเหมินที่นี่ ฉันสบายดี!”
จ่านป๋ายพยักหน้าเดินเข้าไปในลิฟต์ ในใจรู้ดีถ้าตนอยู่ที่นี่ตอนนี้ คงช่วยอะไรไม่ได้ ถึงเวลาคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมของซีเหมินน่งเย่ว์ก็คือหูชีเยี่ยน สู้ใช้โอกาสไปจากที่นี่ แม้จะไม่อาศัยหูชีเยี่ยนก็ต้องกลับไปคิดแผนการก่อน
“ดูไม่ออกเลยว่าเด็กสาวอย่างเธอจะคล้ายกับตาแก่บ้านฉันขนาดนี้!” ซีเหมินน่งเย่ว์นั่งลงบนโซฟาอีกด้านพร้อมยิ้มเบาๆ “เธอวางใจได้ ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก ขอแค่หูชีเยี่ยนตอบตกลงข้อเสนอของฉัน”
“คุณจะทำอะไร?” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลางอีกด้านก็กวักมือให้จ่านมู่ฮวา เรียกให้เขามาทางนี้
จ่านมู่ฮวาสับสน ช่วงนี้ตนเองซวยเหลือเกิน ใครๆ ก็ชอบมาหาเรื่องบนใบหน้าเขา ตอนนี้ใบหน้าครึ่งซีกก็ร้อนลุ่มเหมือนกับไฟแผดเผา ไม่ช้าหรือเร็ว…ใบหน้าของเขาคงได้ถูกตบจนพิการแน่ ไม่มีทางเด็ดขาด จินเหลียนชอบใบหน้านี้ของเขา ถ้าตบจนพิการ เกรงว่าแม้แต่หางตาเธอคงไม่แลตามองเขาสักนิด
แต่เวลานี้เธอก็ยังเรียกตนให้เข้าไป หรืออยากจะตบเขาสักฉาดเหมือนกัน? วันนี้เรียกได้ว่าพาเธอมาเป็นเหยื่อแล้ว…ดังนั้นจ่านมู่ฮวาจึงลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือเปล่า? ชอบเขามันก็อีกเรื่อง ชอบให้เธอตบมันก็เป็นเรื่องจริง แต่จะเป็นเครื่องมือให้เธอระบายความโกรธมันก็ไม่ได้ไหม?
มองซีเหมินจินเหลียนด้วยความกังวลใจแวบหนึ่ง พอดิบพอดีกับเห็นในดวงตากลมโตของเธอมีความคับแค้นใจ ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกขอโทษเธอ ให้เธอตบสักครั้งแล้วกัน? ตอนนั้นจึงเดินไปข้างหน้าเธอและก้มหัวยื่นหน้าเข้าไปพลางยิ้มขมขื่น “ตบเถอะ!”
ซีเหมินน่งเย่ว์เห็นเช่นนั้นก็หลุดหัวเราะออกมาไม่หยุด “ดูคุณธรรมของนายสิ!”
“ฉันไม่ได้ชอบ sm ขนาดนั้นเสียหน่อย!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มฝืดเฝื่อน “ฉันจะบอกคุณให้ ฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย แล้วตอนนี้ก็หิวมากด้วย!” พูดจบเธอก็แลบลิ้นสีชมพูออกมาจากริมฝีปาก ทำให้จ่านมู่ฮวาที่มองอยู่ได้แต่มึนงง “แม้ฉันอยากจะตบตีคุณ ก็คงต้องกินให้อิ่มท้องก่อนถึงจะมีเรี่ยวแรง กินข้าวเที่ยงได้หรือเปล่า?”
จ่านมู่ฮวามองเธอราวกับแมวที่เกียจคร้านก็ไม่ปาน ตอนนั้นจึงพูดประจบสอพลอ “ผมไปเตรียมให้คุณเอง…”
“อืม โอเค” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ลุกขึ้นยืนถอดเสื้อคลุมตัวนอกไปวางอีกฝั่ง เมื่อสักครู่ที่ออกจากบ้านข้างนอกหนาวเหลือเกิน เธอจึงสวมใส่เสื้อคลุมขนสัตว์ตัวใหญ่ ตอนนี้ฮีสเตอร์บนตึกเย่ว์ฮวาเปิดอุณหภูมิค่อนข้างสูง เสื้อชั้นในของเธอราวกับถูกไฟแผดเผา
ซีเหมินน่งเย่ว์…เป็นอาจารย์ของสวี่อี้หราน เธอเคยเห็นเวลาสวี่อี้หรานลงมือใช้เวลาแค่ช่วงสั้นๆ เป็นศัตรูกับคนพวกนี้ต้องชิงไหวชิงพริบเท่านั้น
แต่หูชีเยี่ยนไปที่ไหนกัน ทำไมเวลานี้ยังไม่กลับมา? ซีเหมินจินเหลียนคิดเรื่อยเปื่อย ถ้าไม่ใช่เพราะหูชีเยี่ยนออกไปข้างนอก เธออาจจะไม่มีโอกาสให้ซีเหมินน่งเย่ว์หาช่องว่างได้
ซีเหมินจินเหลียนคิดพลาง อีกด้านก็ยื่นกรรไกรตัดเล็บในมือส่งไปให้จ่านมู่ฮวา จ่านมู่ฮวามึนงงพร้อมรับกรรไกรตัดเล็บมา ดึงมือเธอข้างหนึ่งเพื่อช่วยเธอตัดแต่งเล็บ เรื่องนี้เขายินดีที่จะทำเป็นอย่างมาก
แต่โซฟาที่ซีเหมินจินเหลียนนั่งค่อนข้างเตี้ยเกินไป ความสูงของเขาตั้งเมตรกว่าๆ ก้มหลังเลยดูเป็นการกินแรงไปหน่อย โซฟาตัวนั้นยิ่งเป็นโซฟาเดี่ยว ตอนนั้นจึงจำต้องคุกเข่าลงกับพื้นและช่วยเธอตัดแต่งเล็บอย่างอ่อนโยน
นับตั้งแต่ที่ใช้คาลซิโดนีโบราณ ผิวของซีเหมินจินเหลียนนุ่มเนียนกว่าปกติ นิ้วมือขาวนวลเหมือนกับผิวของเด็ก หลังฝ่ามือมีดอกบัวสีทองกึ่งบานกึ่งตูมสีสันสดใส
“คุณซีเหมิน คุณจะนั่งแห้งอย่างนี้เหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ฉันจะนั่งรอหูชีเยี่ยน!” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มลำพองไม่สนใจใคร พูดจบก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองจ่านมู่ฮวา ไอ้หนูนี่น่าจะมีใจกับซีเหมินจินเหลียนจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่เงียบเพื่อประจบเอาใจผู้หญิงแบบนี้
ไม่สนว่าเป็นจ่านมู่ฮวาหรือจ่านป๋าย ในกระดูกต่างก็มีความลำพองใจเป็นรากฐาน เรื่องนี้ซีเหมินน่งเย่ว์รู้ชัดเจนดี
“นั่งเฉยๆ ก็ดูน่าเบื่อเกินไป!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “พวกเรามีสี่คนพอดี สู้มานั่งเล่นไพ่นกกระจอกฆ่าเวลากันไม่ดีกว่าเหรอคะ? พ่อออกไปตั้งแต่เช้า จนถึงตอนนี้ยังไม่กลับมา ถ้าพ่อไปพม่าขึ้นมา แค่ช่วงเวลาสั้นๆ คงมาถึงไม่เร็วหรอกค่ะ”
“ไม่เป็นไร เขาไม่ได้ไปพม่าหรอก แค่เขาไม่มีใบขับขี่เลยถูกตำรวจจับ ฉันให้ทางนั้นปล่อยตัวออกมาแล้ว ไม่นานเพื่อนเก่าของฉันคงได้มาที่นี่” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มๆ
จิตใจที่กลัดกลุ้มของซีเหมินจินเหลียนพลันปล่อยวางลง สิ่งที่เธอกังวลที่สุดก็คือซีเหมินน่งเย่ว์อาจจะใช้วิธีชั่วร้ายมาสร้างหลุมพรางให้กับหูชีเยี่ยน ตอนนี้รู้ว่าเขาแค่ไม่มีใบขับขี่เรื่องเล็กๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร หูชีเยี่ยนไม่มีบัตรประชาชนในประเทศ แต่มีสถานะยืนยันถูกต้องตามกฎหมายที่พม่า เขายังมีใบขับขี่ที่พม่าอีก ถึงเวลาก็อธิบายได้ง่าย ถ้าไม่ได้ก็แค่ใช้เงินจัดการนิดหน่อย เรื่องแค่นี้ก็ไกล่เกลี่ยกันง่าย
“ได้ยินว่าตอนมหาลัยคุณจินเหลียนเรียนคณะภาษาจีนใช่ไหม” ซีเหมินน่งเย่ว์ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ในใจ รีบเบี่ยงประเด็นถาม
“ใช่ค่ะ! ฉันก็เหมือนกับพวกคุณ ชอบของโบราณเข้ากระดูก” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด
“ฉันก็เหมือนกัน ฉันรอบรู้เรื่องวัฒนธรรมจีนกว้างขวาง!” ซีเหมินน่งเย่ว์พยักหน้าพูด “ความจริงขอแค่หูชีเยี่ยนรับปากฉันว่าจะแปลบางอย่างให้ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหนทางต่อรองกัน”
ซีเหมินจินเหลียนสับสน แปลบางอย่างให้? เดิมทีเธอคิดว่าเป้าหมายของซีเหมินน่งเย่ว์คือแจกันดอกบัวทอง ของพวกนี้หูชีเยี่ยนไม่มีทางให้ได้ แจกันดอกบัวทองตอนนี้สูญหายไปแล้ว
“แปลอะไรคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“คุณจินเหลียนรู้เรื่องตัวอักษรโบราณหรือเปล่า” ซีเหมินน่งเย่ว์ถาม
“รู้แค่ผิวเผินค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้นเรียบๆ ศึกษาตัวอักษรโบราณไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะศึกษาได้ โดยเฉพาะตัวอักษรเหนี่ยวจ้วนก่อนราชวงศ์ฉิน ปกติแค่อยากจะดูให้ประจักษ์แก่สายตายังเป็นเรื่องยาก ที่เธอเข้าใจนิดหน่อยก็เพราะอาจารย์เป็นคนถ่ายทอดให้ จากนั้นหลังจากอยู่ที่มหาลัยก็พอได้เรียนรู้จากศาสตราจารย์จ้าวมาบ้าง
“ฉันต้องการคนรู้แตกฉาน” ซีเหมินน่งเย่ว์พูด
“พ่อของคุณแตกฉานตัวอักษรโบราณ” ซีเหมินจินเหลียนพูดจาเสียดสีทันที
“ฉันรู้!” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มเย็น “เพียงแต่เธอคงไม่อยากจะให้ฉันขุดหลุมศพของพ่อขึ้นมาแล้วเรียกวิญญาณมาถามหรอกใช่ไหม? ฉันเลยต้องหาหูชีเยี่ยน”
“คุณให้ฉันอยู่ที่นี่ก็เพื่อให้เขามาช่วยแปลตัวอักษรโบราณ?” ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะทันใด “คุณไม่คิดว่ามันไร้สาระไปหน่อยเหรอคะ?”
ซีเหมินน่งเย่ว์ไม่สนคำเสียดสีของเธอ เคลื่อนย้ายโซฟามานั่งข้างหน้าเธอ ใช้นิ้วมือเรียวยาวจุ่มลงไปในน้ำชาและเขียนตัวอักษรสองตัวบนโต๊ะน้ำชาพร้อมถาม “เธอรู้จักตัวอักษรสองตัวนี้ไหม”
ซีเหมินจินเหลียนมองตัวอักษรทั้งสองอย่างสับสน ตัวอักษรทั้งสองนี้ดูคุ้นๆ อย่างไรไม่รู้ หูชีเยี่ยนมอบหยกกฤษณาให้เธอและบนนั้นสลักตัวอักษรทั้งสองตัวไว้ ตอนนั้นเธอเคยถามหูชีเยี่ยน เขาบอกว่าตัวอักษรทั้งสองคือคำว่าชีเยี่ยน เป็นชื่อของเขา คนที่แกะสลักหยกบางครั้งชอบนำชื่อของตัวเองเขียนไว้ด้านบน นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร ดังนั้นเธอจึงไม่นึกฉงนใจ
“พ่อบอกว่าตัวอักษรทั้งสองเป็นชื่อของเขานค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม ส่วนจี้หยกของเขาอีกชิ้นก็มีตัวอักษรทั้งสองนี้เหมือนกัน น่าจะเป็นชื่อของเขาไม่ผิด แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือทำไมซีเหมินน่งเย่ว์ถึงได้ถามคำถามนี้?