ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 316
ซีเหมินจินเหลียนเอื้อมมือไปสัมผัสหยกกฤษณาชิ้นนั้น ลวดลายโบราณซับซ้อน ด้านหลังแกะสลักด้วยตัวอักษรโบราณอย่างวิจิตร ซีเหมินน่งเยว่บอกว่านั่นไม่ใช่คำว่าชีเยี่ยน แต่เป็นคำว่าวาหวง หลังจากที่หูชีเยี่ยนไปจากเซี่ยงไฮ้ ซีเหมินจินเหลียนก็สงสัยอยู่เต็มประดา ไปหาศาสตราจารย์ที่มหาลัย แม้ว่าศาสตราจารย์จ้าวท่านนั้นไม่กล้ายืนยัน แต่ก็บอกกับเธออย่างชัดเจนว่า…ตัวอักษรทั้งสองไม่ใช่คำว่าชีเยี่ยน
ถ้าไม่จำเป็นหูชีเยี่ยนไม่มีทางโหกเธอแน่
ค่ำคืนในลาสเวกัส ภายใต้แสงไฟที่สว่างไสว สะท้อนความว้าวุ่นและปั่นป่วนใจออกมาท่ามกลางความคึกคัก
จ่านป๋ายเช่าคฤหาสน์หลังเดี่ยวไว้พักค้างแรมชั่วคราว จ่านป๋ายกลัวว่าเธอจะลำบากใจจึงยิ้ม “พักชั่วคราวแค่สองวันนะ ช่วงสองวันนี้จองห้องพักไม่ได้เลย”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มๆ ความจริงพื้นที่ของคฤหาสน์หลังนี้ขนาดเล็กกว่าคฤหาสน์จินเหลียน แต่สภาพแวดล้อมดีกว่าเยอะ มีสวนดอกไม้ มีสระว่ายน้ำ บอกว่าลำบากใจก็ดูจะเกินไป
“ตอนกลางคืนคุณสมิธเชิญพวกเราไปทานข้าว” จ่านป๋ายเห็นซีเหมินจินเหลียนจัดการอยู่กับกระเป๋าเดินทางตัวเอง จากนั้นก็หงายหลังไปบนโซฟาอย่างเหม่อลอย
“ฉันไม่ไป” ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะพูด “เหมือนฉันจะยังมึนๆ เครื่องน่ะ ไม่ค่อยสบาย”
“ไปหาหมอหรือเปล่า?” จ่านป๋ายพูดพลางเอื้อมมือไปคลำศีรษะของเธอ
ซีเหมินจินเหลียนเอื้อมมือไปสลัดมือเขาพร้อมยิ้ม “แค่เมาเครื่องเท่านั้น ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร ไม่ต้องไปหาหมอหรอก” ความจริงตอนนี้เธอกลัวที่จะเจอหมอมาก ในเมื่อสวี่อี้หรานหมอมองโกลคนนั้นจับชีพจรบอกว่าเธอแตกต่างจากคนอื่น ใครจะรู้ว่าหมอต่างประเทศที่มีเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ก้าวไกลอาจจะตรวจเจออะไรที่แตกต่างนั้นก็ได้ ถึงเวลานั้นไม่แน่เขาอาจจะคิดว่าเธอเป็นหนูแล้วจับไปทดลอง
“คุณไปเถอะ อย่างน้อยเขาก็เป็นเจ้าภาพ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “งานพนันของชิงซื่อเริ่มวันมะรืนนี้ใช่ไหมล่ะ?”
“อืม วันนี้ตอนกลางคืนจ่านมู่ฮวาจะไปออกงานฮอลลีวูด สำหรับเปิดภาพยนตร์เทพธิดาหนี่วาซ่อมฟ้ารอบปฐมทัศน์ จินเหลียน คุณรอรับเงินแล้วกัน” จ่านป๋ายยิ้ม
“ถ้าจำนวนตั๋วน้อยนิด ฉันก็ต้องรอขาดทุนสินะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม แม้ว่าตั้งแต่เริ่มสวี่อี้หรานจะใช้การโฆษณาเข้าช่วย ถือว่าดังอึกทึกครึกโครม กระแสตอบรับดีเยี่ยม ตอนนี้ก็รอดูรายได้จากการจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์แล้วกัน หนังเรื่องนี้ซีเหมินจินเหลียนมีหุ้นอยู่สี่สิบห้าเปอร์เซนต์ ถ้าขายดีแน่นอนต้องได้กำไรมาไม่เสีย แต่เป้าหมายของเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้น
สำหรับภาพยนตร์เรื่องเทพธิดาหนี่วาซ่อมฟ้า สำหรับเธอแล้วแค่เป็นเกมสนุกๆ ที่ตัวเองเล่น ขาดทุนไปก็ไม่เห็นเป็นไร
“ดูแล้วไม่น่าเป็นไปได้” จ่านป๋ายยิ้ม “เมื่อสักครู่สวี่อี้หรานโทรมาหาผม บอกว่าพรุ่งนี้จะมาลาสเวกัส”
“เขาจะมาทำไม?” ซีเหมินจินเหลียนกลอกตาขาวใส่
“จ่านมู่ฮวาก็จะมาพรุ่งนี้ด้วย” จ่านป๋ายยิ้มฝืดเฝื่อน “คุณคิดว่าผมยินดีที่พวกเขามาหรืออย่างไร เหมือนแมลงวันตอมคุณอยู่นั่น”
“คุณกำลังหึงฉันอยู่เหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถามพร้อมยิ้ม
“ผมก็หึงอยู่ตลอดไหมล่ะ?” จ่านป๋ายโอบไหล่เธอพร้อมถอนหายใจ “หัวใจของผม คุณยังไม่เข้าใจอีกหรือไง?”
“นี่คุณกำลังสารภาพรักกับฉันอยู่?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเบาๆ “อย่างน้อยคุณก็น่าเหมือนหลินเสวียนหลานที่หาข้ออ้างมาให้ซาบซึ้งใจสักหน่อยไหม?”
จ่านป๋ายก้าวถอยหลัง ครุ่นคิดไตร่ตรองพูด “จินเหลียน ผมพูดจริงๆ นะ ผมชอบคุณจริงๆ”
“บาดแผลของคุณหายดีแล้วยัง?” ซีเหมินจินเหลียนโพล่งถามขึ้น
ครั้งนี้จ่านป๋ายพ่ายแพ้ถอยร่นถึงที่สุด ผ่านไปอยู่นานถึงพูด “ถ้าแผลของผมหายดีแล้ว คุณจะไล่ผมออกไปหรือเปล่า?”
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “ตอนแรกคุณก็ใช้ข้ออ้างนี้เพื่ออยู่ ถ้าคุณหายดีแล้ว ฉันก็ต้องไล่คุณไปตามทางของคุณ” ในระหว่างที่พูดเธอก็กะพริบตาเจ้าเล่ห์ใส่
จ่านป๋ายดีใจ ยื่นมือไปช้อนจมูกเธอขึ้นเล็กน้อยพร้อมยิ้ม “คุณไม่ไปจริงๆ เหรอ? งั้นผมไปก่อน คุณอย่าเที่ยวเผ่นผ่านออกไปไหนเชียวนะ คุณซีเหมินที่รู้จักตัวอักษรภาษาอังกฤษแค่ยี่สิบหกตัว”
ภาษาอังกฤษของซีเหมินจินเหลียนย่ำแย่กว่าที่เขาคิดมาก แม้แต่จ่านป๋ายยังสงสัยว่าเขาเรียนมหาลัยมาได้อย่างไร ผลสุดท้ายซีเหมินจินเหลียนก็ตอกกลับเขาอย่างจริงจังว่า…ฉันเป็นคนจีน
สำหรับคะแนนสอบไม่ได้สูง แค่ผ่านก็ได้แล้ว เรียนไม่ลึกซึ้ง แต่โกงข้อสอบฉลาดนัก ถ้าโกงข้อสอบไม่เป็นก็ต้องพึ่งสอบซ่อม อย่างไรเสียคะแนนของเธอก็เยี่ยมยอด ส่วนภาษาอังกฤษถ้าเธออยากจะให้ผ่านมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก พรสวรรค์เรื่องท่องจำให้แม่นเธอนั้นเป็นที่หนึ่ง
“ความจริงคำศัพท์ง่ายๆ ฉันก็เขียนเป็นนะ แค่ไม่รู้ว่าอ่านอย่างไรเท่านั้นเอง และไม่รู้ว่าคนอื่นพูดอะไร ตอนเรียนยังพอได้ เพราะครูอ่านออกเสียงช้ากลัวว่าฉันจะฟังผิด แถมยังช่วยอ่านให้ตั้งหลายรอบ แต่ตอนนี้ตรงกันข้าม…อีกอย่างอเมริกากับอังกฤษก็มีข้อแตกต่างกันไหมล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนพูดจริงจัง เธอดูย่ำแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? หึ พรุ่งนี้เธอจะไปจ้างล่ามภาษาอังกฤษ จะได้ไม่ถูกเขาหัวเราะเยาะเอา
เห็นจ่านป๋ายเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดสูทดั้งเดิม ไหนจะผูกเน็กไทเป็นรูปผีเสื้อ ก็ดูสง่าผ่าเผยเหมือนเป็นคนละคน
รูปร่างหน้าตาของจ่านป๋ายแม้ว่าจะไม่โดดเด่นเท่าหลินเสวียนหลานหรือจ่านมู่ฮวา แต่ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ยืนอยู่ท่ามกลางคนทั่วไปเขาก็ยังคงเป็นที่สะดุดตา ซีเหมินจินเหลียนเท้าคางนั่งพิงโซฟากวาดสายตามองเขา
“มองอะไร ไม่รู้จักกันแล้วเหรอ?” จ่านป๋ายยิ้ม
“ไม่ค่อยได้เห็นคุณแต่งกายเป็นทางการสักเท่าไหร่น่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “ดูไม่ออกว่าคุณใส่เสื้อเชิ้ตเข้าด้วยนะเนี่ย”
“จินเหลียน คุณไม่ไปจริงเหรอ?” จ่านป๋ายถาม
“ไม่ไป” ซีเหมินจินเหลียนโคลงศีรษะ “ฉันไม่สนใจหรอก นั่งเครื่องบินนานขนาดนั้น ตอนนี้ฉันกำลังต่อสู้อยู่กับเปลือกตาของฉันอยู่เนี่ย”
“โอเค ถ้างั้นคุณรีบนอนพักผ่อนเถอะ” จ่านป๋ายยิ้มและพูดด้วยความห่วงใยอยู่หลายประโยคถึงได้ออกจากประตูบ้านไป
ซีเหมินจินเหลียนรอให้จ่านป๋ายไปจากที่นี่ถึงได้ล้างหน้าล้างตาเปิดโทรทัศน์ แต่พบว่าเป็นภาษาที่เธอฟังไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจ เปิดปุ่มทำงาน ครุ่นคิดในใจอยู่ประโยคหนึ่ง คอมพิวเตอร์ดีกว่า ไม่อย่างนั้นนอนเร็วแบบนี้ก็ดูน่าเบื่อ
เพิ่งนั่งได้ไม่นานก็พลันได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ซีเหมินจินเหลียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูด้วยความงุนงง เป็นเบอร์คุ้นเคย แต่คิดไม่ออกชั่วขณะว่าเป็นใคร แต่อย่างไรไม่ใช่จ่านป๋ายแน่…
“หูชีเยี่ยน?” ซีเหมินจินเหลียนใจเต้นเป็นประกาย เบอร์แปลกหน้านี้เป็นของหูชีเยี่ยน เธอจำได้ว่าเขาเคยใช้เบอร์นี้โทรหาเธอแล้วครั้งหนึ่ง
ซีเหมินจินเหลียนดีใจเป็นอย่างมากรีบกดรับสาย
“จินเหลียน ลูกอยู่ที่ลาสเวกัสเหรอ?” หูชีเยี่ยนหัวเราะและส่งเสียงมาในสาย
“อืม แล้วพ่ออยู่ที่ไหนคะ?” ซีเหมินจินเหลียนอมยิ้ม ได้ยินน้ำเสียงของเขาเธอดีใจมาก นับแต่ที่เขากลับไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษไปแล้วไม่กล่าวลาตอนนั้น เขาก็โทรมาหาเธอไม่บ่อยนักและไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย
“พ่ออยู่หน้าประตูลูก” หูชีเยี่ยนยิ้ม
“หา?” ซีเหมินจินเหลียนงุนงันรีบถาม “เซี่ยงไฮ้เหรอคะ?”
“ไม่ใช่ ลาสเวกัส” หูชีเยี่ยนยิ้มๆ ลูกสาวคนนี้ตลกเสียจริง
“พ่อคะ” ซีเหมินจินเหลียนตื่นเต้น ระหว่างที่พูดก็ละเลยโทรศัพท์ แม้แต่สลีปเปอร์ยังไม่ทันได้ใส่ รีบออกไปเปิดประตู
หูชีเยี่ยนใส่ชุดสูทสีดำมาพร้อมกับแว่นตากันแดดสีดำใหญ่ ปิดบังใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นทุนเดิมไปครึ่งหนึ่ง เมื่อเห็นซีเหมินจินเหลียนออกมารีบอ้าแขนกว้างกอดรับเธอ
“หนูคิดถึงพ่อเหลือเกินค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนโอบกอดคอของเขาพร้อมยิ้ม
“ลูกคิดดูสิ เมื่อพ่อลงจากเครื่องรู้ว่าลูกอยู่ที่ไหนก็มาหาลูกเลย ลูกว่าไงล่ะ?” หูชีเยี่ยนกอดเธอหมุนหนึ่งรอบ โอบเอวของเธอและวางเธอลงให้เท้าเหยียบพื้น พร้อมยิ้มเอ็ด “โตขนาดนี้แล้วยังจะซนอีก?”
“หนูไม่ทันได้สวมนี่คะ” ซีเหมินจินเหลียนยู่ปากใส่
“เข้าไปข้างในเถอะ” หูชีเยี่ยนยิ้ม “ให้คนเห็นเดี๋ยวจะเป็นเรื่องอื้อฉาวเอาได้ไหม?”
“พ่อคะ พ่อมาลาสเวกัสตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” เหมินจินเหลียนถาม
“มาเร็วกว่าหนูหน่อยเดียว” หูชีเยี่ยนพูด “พ่อพักอยู่ที่ตึกข้างๆ เหอะๆ พ่อเห็นหนูกับจ่านป๋ายเข้ามาน่ะ”
“แล้วพ่อยังจะพูดอีกว่าพอลงเครื่องบินเห็นหนู…พ่อ…” ซีเหมินจินเหลียนเบ้ปากไม่พูดจา
“พ่อเป็นคนเลว ลูกก็รู้” หูชีเยี่ยนหัวเราะยกใหญ่ “ไอ้หนุ่มจ่านป๋ายออกไปข้างนอกเหรอ?”
“บอกว่าไปร่วมงานเลี้ยงค่ะ คุณสมิธเชิญไปเป็นแขก แต่หนูไม่สนใจและยิ่งไม่รู้ภาษาอังกฤษอีก…” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจ
“จินเหลียน ที่พ่อมาหาลูกเวลานี้ ความจริงพ่อมีเรื่องให้ลูกช่วย” หูชีเยี่ยนพูด
“หา?” ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ “ช่วยอะไรเหรอคะ เรื่องของพ่อก็เรื่องของหนูทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ?”
หูชีเยี่ยนเห็นเช่นนั้นจึงลังเลใจเล็กๆ และเปล่งเสียงพูด “พ่อบอกแล้วลูกห้ามโกรธเชียวนะ”
“พ่อมีแขกสำคัญคนหนึ่ง เขาเป็นท่านเอิร์ลมาจากอังกฤษ เขาพยายามแนะนำลูกสาวของเขาใส่พานมาให้พ่อ…” หูชีเยี่ยนขมวดคิ้ว “ผู้หญิงคนนั้นตามตื้อพ่อจนน่าอึดอัด”
“พ่อคะ คิดไม่ถึงว่าพ่อเองก็มีเรื่องเจ้าชู้ไก่แจ้กับเขาด้วย วางใจเถอะค่ะ หนูใจกว้างดั่งมหาสมุทร ไม่ต้องคิดมาก” ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะยักไหล่ หูชีเยี่ยนหน้าตาหล่อเหลา แถมยังมีเงินทองมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะชอบที่ตัวเขาหรือที่เงินทองของเขา ผู้หญิงที่ชอบเขาก็มีมากอยู่ดี เรื่องนี้ซีเหมินจินเหลียนรู้มาตลอด
“จินเหลียน พ่อไม่อยากให้เธอมาคอยเกาะติดกับพ่อ ลูกมีวิธีหรือเปล่า?” หูชีเยี่ยนไม่สนใจเสียงหัวเราะเย้ยหยันของเธอ ได้แต่ถอนหายใจ “พ่อไม่ได้สนใจผู้หญิง”
“เมื่อก่อนหนูเคยได้ยินจ่านมู่ฮวาบอกว่าวิธีรับมือผู้หญิงที่ดีที่สุดต้องใช้ผู้หญิงอีกคนไปรับมือกับเธอ” ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงคำพูดไร้ยางอายของจ่านมู่ฮวาและหักข้อมือเล่น
“วันนี้มีงานเลี้ยง พ่อไม่ไปไม่ได้ ดังนั้นพ่ออยากให้ลูกไปเป็นเพื่อน” หูชีเยี่ยนถอนหายใจพูด “ให้พวกเธอรู้ว่าพ่อมีลูกมีภรรยาแล้ว เขาจะได้ไม่มาตามตื้อหน้าด้านอยู่แบบนี้…”
“พวกเธอ ยังมีคนอื่นอีกเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนแปลกใจ ดวงความรักของหูชีเยี่ยนก็พุ่งเกินไปไหม?
หูชีเยี่ยนไม่สนซีเหมินจินเหลียนที่เห็นเรื่องทุกข์เป็นสุข ได้แต่ขมวดคิ้วพูด “คืนนี้ยังมีหน้าที่อีกอย่าง พ่อไม่สะดวกที่จะออกหน้า เกรงว่าต้องให้ลูกช่วยจัดการสักหน่อย”
“งานอะไรคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความสงสัย
“มีหยกก้อนหนึ่ง ลูกคิดวิธีออกหน้าซื้อมันมา ส่วนเงิน…พ่อออกเอง” หูชีเยี่ยนพูด “เงินเท่าไหร่ไม่เป็นผลทั้งนั้น แต่หยกก้อนนี้สำคัญมากจริงๆ”
“หยกอะไรถึงได้สำคัญขนาดนั้นเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความไม่เข้าใจ หยกที่ทำให้หูชีเยี่ยนสนใจได้ เกรงว่าคงไม่ใช่เล่นๆ ใช่ไหม?