ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 326
ซีเหมินจินเหลียนเขย่งส้นเท้าหลัง รู้สึกว่าตนเองยังสูงไม่พอเธออยู่ดี ความกลัดกลุ้มใจนี้ไหลหลั่งไปทั่วท้อง ทำไมถึงได้สูงขนาดนี้เนี่ย? โดยปกติเธอไม่ได้รู้สึกว่าตนเองเตี้ยขนาดนี้ ความสูงหนึ่งร้อยหกสิบสามเซนติเมตร ใส่รองเท้าส้นสูงก็น่าจะสักหนึ่งร้อยหกสิบหก หกสิบเจ็ดแล้ว แต่ถ้าเทียบความสูงกับเธอคนนี้ เธอก็รู้สึกเ**่ยวเฉาเหลือเกิน
ต้องโทษหูชีเยี่ยนเฒ่าหงส์นั่น ซีเหมินจินเหลียนคิดอย่างขมขื่น เขาสูงขนาดนั้น อย่างน้อยก็สักหนึ่งร้อยแปดสิบสองแล้ว ทำไมถึงได้คลอดลูกสาวตัวเตี้ยแบบเธอ? อีกอย่างเขาเป็นชายหนุ่มใหญ่แล้วหน้าตาหล่อเหลาไปเพื่ออะไร อายุปูนนี้แล้วยังทำให้สาวต่างชาติอย่างอลิซลุ่มหลงจนหัวปักหัวปำ
กรรมพันธุ์ดีขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ถ่ายทอดมาให้เธอบ้างสักนิด ขี้งก ขี้งกจริงๆ
ในใจของซีเหมินจินเหลียนก็โทษโพยหูชีเยี่ยน แต่อีกทางก็แอบกวาดสายตาสำรวจหญิงงามสูงเพรียวคนนี้ สวยจังเลย ผิวขาวใสใบหน้าทรงแตงโม เพราะดวงตาทั้งสองข้างที่ประดุจหงส์ยิ่งทำให้รูปลักษณ์สวยงามกว่าเก่า
ผู้ชายที่เธอเรียกว่าพี่ชายรีบเดินเข้ามาถาม “น้องสาว เธอสนใจก้อนนั้นเหรอ?”
“ก้อนนี้” น้องสาวแสนสวยรีบพูด
ซีเหมินจินเหลียนกวาดสายตามองลูกพี่ลูกน้องชายเหมือนกัน น่าจะเป็นเพราะเห็นผู้ชายหน้าตาดีมามาก เธอเลยไม่รู้สึกอะไร เมื่อเรียกสติกลับมาได้ก็เรียกพนักงานพร้อมสั่งกำชับ “ฉันเอาก้อนนี้ค่ะ”
“เฮ้…” สาวสวยผู้เป็นน้องรีบพูด “หล่อนทำอะไรของหล่อน?”
ซีเหมินจินเหลียนมึนงง น้องสาวคนสวยดูก้อนข้างๆ ถัดจากเธอแท้ๆ นั่นเป็นหินหยกดิบเปลือกสีขาวทรายก้อนหนึ่ง น้ำหนักราวๆ ยี่สิบกิโลกรัม ลักษณะผิวเปลือกไม่เลว จุดหยกแน่นหนา แถมยังมีเส้นลายหยกล้อมพันอยู่หนาแน่น
“ฉันซื้อไงคะ” ซีเหมินจินเหลียนอธิบาย ได้ยินน้ำเสียงสองพี่น้องนี่คุยกัน น่าจะเป็นคนฝั่งกวางตง เพราะพวกเขาใช้ภาษาจีนในการสื่อสาร เลยไม่มีทางที่จะเป็นคนต่างชาติ
“คุณครับ ก้อนนี้น้องสาวของผมเป็นคนสนใจก่อนนะครับ” พี่ชายรีบพูดปกป้องผู้เป็นน้องสาว
“ตอนที่น้องสาวคุณเข้ามาดู ฉันก็สนใจไปตั้งนานแล้วค่ะ น้องสาวคุณแม้แต่สัมผัสยังไม่มีโอกาสสัมผัสสักครั้ง จะบอกว่าเธอสนใจได้ยังไงล่ะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนโกรธเคืองเล็กน้อย นี่มันภาษานกอะไรเนี่ย? รังแกคนอื่นนี่นา? “อีกอย่าง น้องสาวของคุณเมื่อสักครู่สนอกสนใจอยู่กับก้อนนั้นนะคะ” เธอชี้ไปที่ก้อนเปลือกสีขาวทรายที่อยู่ข้างๆ
แต่ผิดคาดจากที่ซีเหมินจินเหลียนประเมินไว้ พี่ชายคนนั้นกลับพ่นคำออกมาเป็นชุด “คุณครับ คุณกล้าพูดประโยคนี้มาได้ยังไง นักพนันหินที่แท้จริงมองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าหินหยกดีหรือร้าย สำหรับการสัมผัสมันเป็นขั้นตอนที่ตอกย้ำความแน่ใจอีกครั้ง สำหรับคนที่ถือแว่นขยายหรือไฟฉายแล้วเรียกตัวเองว่าเป็นนักพนันหิน อย่าหาว่าผมพูดจาอวดเก่งถือดีเลย เกรงว่าคนพวกนั้นก็แค่แสร้งทำตัวดูดี แต่เนื้อแท้ว่างเปล่า”
ในขณะนั้นซีเหมินจินเหลียนไม่รู้จะพูดอะไรมาหักล้างเขาดี ดูแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าหยกดีหรือร้าย นอกเสียจากมีความสามารถพิเศษในการมองแหล่งกำเนิดแสงมันก็อีกเรื่อง แต่ภายใต้แสงไฟที่เจิดจรัสแบบนี้ ตาเปล่าไม่มีทางเห็นแหล่งกำเนิดแสงอ่อนๆ ที่อยู่ภายใต้เปลือกหยกพวกนั้นได้หรอก
อีกอย่างก็ไม่ใช่ว่าหินหยกดิบทุกก้อนจะสามารถเปล่งประกายได้ มีเพียงหยกชั้นดีคุณภาพเยี่ยมที่มีอยู่น้อยนิดถึงสามารถเปล่งแสงผ่านเปลือกผิวมาได้ อีกอย่างต้องเป็นช่วงที่แสงเทียนหรือรุ่งอรุณถึงจะเปิดเผยความงามให้เห็น
นอกเสียจากจะบอกว่ามองข้ามผ่านเปลือกหินหยกดิบแล้วก็สามารถใช้สายตาปราดเดียวอ่านหยกขาดว่าเป็นสีอะไร ทว่าในโลกนี้คงไม่มีใครได้รับคำสรรเสริญยกย่องนี้ได้เลย แม้จะเป็นหูหวังก็ตาม
อืม บางทีหูชีเยี่ยนอาจจะได้? แต่ซีเหมินจินเหลียนไม่เคยเห็นเขาพนันหินมาก่อน ดังนั้นเลยไม่รู้ถึงความตื้นลึกหนาบางของเขา แต่ยี่สิบปีก่อนเขาเจริญรุ่งเรืองพรางตัวอยู่ในพม่าได้ สร้างเนื้อสร้างตัวได้ด้วยมือเปล่าก็สามารถครอบครองมีเหมืองหยกเป็นของตนเอง ความสามารถในการพนันหินเกรงว่าแม้เป็นตนเองก็อาจจะเทียบเท่าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ฉันเป็นคนดูหินหยกดิบก้อนนี้ก่อน และฉันก็เป็นคนขอซื้อก่อนด้วยค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนโคลงศีรษะไม่สนใจสองพี่น้อง และเรียกบริกรเข้ามาเพื่อทำการซื้อ
“ไม่ได้” ลูกพี่ลูกน้องสาวสวยกระวนกระวายพูด “แม้หล่อนจะดูก่อน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ให้คนอื่นดู”
“เธอจะเอายังไงกันแน่?” ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกหมดความอดทนเล็กน้อยถามออกไป แม้ฝั่งตรงข้ามจะสวยแค่ไหน แต่เพื่อหยกเธอก็ไม่เคยถอยปล่อยทางให้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นเธอเป็นคนดูก่อนด้วยแล้ว
“ไม่ใช่ว่าที่นี่สามารถซื้อพนันได้งั้นเหรอ? ถ้างั้นพวกเราก็มาซื้อพนันสักหน่อยเป็นไง?” สาวสวยเงยหน้าขึ้นมาพูด
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “ได้ เธอดูก่อนแล้วกันแล้วค่อยตัดสินใจอีกที” เพราะยังไงมันก็เป็นเงินถึงห้าแสนดอลลาร์สหรัฐ เพราะถ้าเธอชนะใครจะไม่เอาล่ะ ใครจะคิดว่าตัวเองมีเงินมากเกินไปล่ะ
พูดจบเธอก็เดินถอยหลังไปไม่กี่ก้าวหลีกทางให้สาวสวยผู้เป็นน้องเดินเข้าไป เธอเข้าไปดูเปลือกหินหยกดิบอย่างตั้งอกตั้งใจ ลูกพี่ลูกน้องชายก็เดินตามเข้าไปกระซิบกับน้องสาวที่ข้างหู “น้องสาว น้องรู้เรื่องเหรอ?”
“วางใจได้เถอะค่ะ วิธีการที่พ่อสอนมา ฉันไม่เคยพลั้งมือมาก่อน” น้องสาวพูด
แม้ว่าซีเหมินจินเหลียนไม่ได้เจตนาแอบฟัง แต่ทุกคำก็ดังเข้ามาในโสตประสาทหูของเธอไม่ตกหล่น ในใจรู้สึกสงสัยว่าพ่อของเธอเป็นใคร ทำไมถึงได้เก่งกาจสอนลูกสาวที่ไม่เคยพลั้งมือมาก่อนออกมาได้?
“แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่จำเป็นต้องก่อเรื่องให้ยุ่งยากไหม?” พี่ชายพูดอีกครั้ง
“เหอะ พี่รู้อะไรล่ะ?” ผู้เป็นน้องโกรธจัด “เมื่อครู่เธอได้แต่คอยจดจ้องมองมาที่ฉัน ท่าทางแบบนั้นน่าหมั่นไส้เหลือเกิน ไหนจะเขย่งเท้าอีก…”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วคิดไม่ถึงเลยว่าเหตุผลที่น้องสาวผู้น้องหาเรื่องเธอก็เพราะว่าเธอคอยแต่จ้องมองเธอ ที่เธอเขย่งเท้าก็เพราะแค่อยากเทียบความสูงเท่านั้น ใครใช้ให้เธอสวยหุ่นยาวเข่าดีกันล่ะ เพราะว่าเธอสวย เธอเลยมองนิดมองหน่อยไม่ได้หรือไง? จริงๆ เลย เคยเจอแต่ผู้หญิงขี้งก ไม่ยักจะเคยเจอผู้หญิงที่ขี้งกใจแคบแบบนี้
“ดูเสร็จแล้ว” น้องสาวสูงยาวเข่าดีผู้เป็นน้องปรบมือเรียก “เฮ้ หล่อนมานี่”
ซีเหมินจินเหลียนเดินเข้าไปถาม “เสร็จแล้วเหรอคะ?”
“ฉันขอเตือนเธอหน่อยนะ ถ้าตอนนี้เธอนึกเสียใจก็ยังทัน ไม่อย่างนั้นเงินห้าแสนดอลลาร์สหรัฐคงได้หายไปเหมือนลอยน้ำ แล้วก็ระวังจะได้เอาค่าสินสอดทองหมั้นออกมาช่วยจ่ายด้วยล่ะ” หญิงสาวผู้เป็นน้องหัวเราะ
ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจเบาๆ คนสวยก็คือคนสวย แม้ว่าเธอจะพูดจาร้ายกาจแค่ไหน แต่เธอก็กลับไม่โกรธ เพียงแต่แค่ยิ้มอ่อนๆ ตอบไป “ไม่เป็นไรค่ะ สินสอดทองหมั้นฉันมีเหลือล้น คนที่จะชดใช้ได้ไม่หมดคงเป็นคุณมากกว่า ระวังให้ดีเถอะค่ะ อย่าได้ควักเงินค่าสินสอดของตัวเองมาแล้วกัน”
“งั้นเอาเถอะ นี่มันแค่เริ่มต้น” สาวสวยหุ่นดีพูด เมื่อพูดจบก็เรียกพนักงานให้เข้ามา ทั้งคู่รูดบัตรในตอนนั้นทันที
สิ่งที่ทำให้ซีเหมินจินเหลียนคาดไม่ถึงก็คือ ในขณะที่หญิงสาวหุ่นดีร่างสวยคนนี้กำลังเซ็นชื่อ เธอกวาดสายตามองแวบหนึ่ง เธอแซ่หู? ส่วนทางรอยัล คาสิโนก็เตรียมการรับรองเอกสารของศาลมาให้ทั้งคู่เขียนความโปร่งใส ชนิดของหยกและสีที่ตัวเองวิเคราะห์อ่านไว้
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินสิ่งที่พยานอ่านออกมา ก็สงสัยสิ่งที่สาวน้องคนสวยเขียน…ชนิดเนื้อน้ำแข็งสีเขียว สีเขียวสด ความโปร่งใสทั่วทั้งก้อน…
และเหมือนกัน หญิงสาวก็หันไปมองซีเหมินจินเหลียนด้วยความสงสัยแวบหนึ่ง ชนิดเนื้อน้ำแข็ง สีเขียวถั่วเขียว ความชุ่มชื่นสม่ำเสมอเท่ากัน โปร่งใสแต่มีความขุ่น…
ที่เหลือก็คือการเปิดเปลือกหยกที่เป็นจุดไฮไลต์ ไม่นานเครื่องผ่าหยกก็ถูกเคลื่อนย้ายเข้ามา มีช่างผู้มากฝีมือเข้ามาผ่าหยกให้ ซีเหมินจินเหลียนเห็นช่างคนนั้นคิดที่จะเจียระไนหิน จึงรีบพูดไปทันทีว่า “ไม่ต้องเจียระไนหินแล้วค่ะ ผ่าลงไปสักครั้งด้วยความหนาหนึ่งจุดห้าเซนติเมตร”
นายช่างมองเธอด้วยความสงสัยครู่หนึ่ง ส่วนสาวสวยคนนั้นก็มองเธอเช่นกัน ในระหว่างที่กำลังจะพูด ซีเหมินจินเหลียนก็ยิ้ม “ก็แค่ห้าแสนเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาให้มากความ…เท่ากับว่าฉันต้องคอยมองคุณไปอีกตั้งครู่หนึ่งไหมล่ะ? ยอมได้เหรอ?”
หญิงงามผู้เป็นน้องจ้องมองเธอตาเขม็งและพยักหน้าพูดกับนายช่างว่า “ทำตามที่เธอพูดนั่นแหละ”
ซีเหมินจินเหลียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมว่าอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกาพัฒนาอย่างรุดหน้า เครื่องผ่าหยกก็ล้ำหน้ากว่ามาก แค่ใบมีดครั้งนี้ลงไป หน้าหยกบางๆ ก็ถูกเปิดออก และเผยสิ่งที่อยู่ข้างในออกมาตรงหน้า
สีเขียวถั่วเขียว ชนิดเนื้อน้ำแข็งและมีความขุ่นนิดหน่อย สีสันสดใสดีมาก แต่ไม่ใช่สิ่งที่น้องสาวคนสวยบอกว่าเป็นเนื้อน้ำแข็งสีเขียวสด และไม่ใช่สีเขียวสดบริสุทธิ์…เพื่อความยุติธรรมนายช่างจึงนำเนื้อหยกที่ผ่าออกมาแล้ววางไว้กับที่และมีพยานมาตัดสินผู้ชนะ
ส่วนพยานก็ไม่ได้มีความลังเลใจแม้แต่น้อย และตัดสินใจให้ซีเหมินจินเหลียนเป็นผู้ชนะและได้สิทธิในการครอบครองหยกก้อนนี้ เพราะว่าในขณะที่ผ่าหยก เธอเป็นคนบอกเองกับปากว่าให้ผ่าเปลือกผิวด้วยความหนาเท่านั้น เลยทำให้นายช่างผู้เฒ่าถึงกับต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงและคนที่เป็นพยานจากศาลก็เห็นได้ชัดว่ารู้เรื่องทฤษฎีการพนันหินอยู่บ้าง ดังนั้นเลยตัดสินชี้ขาดให้ซีเหมินจินเหลียนเป็นผู้ชนะ
น้องสาวคนสวยกระทืบเท้าพูด “ถือว่าหล่อนดวงดี”
เงินถูกโอนไปที่บัญชีของซีเหมินจินเหลียน เนื้อหยกสีเขียวถั่วเขียวก้อนนั้นเธอเตรียมเรียกหาให้บริกรย้ายนำมันไปเก็บไว้ที่ตู้เซฟนิรภัยชั่วคราว เวลานี้พนักงานรับซื้อของบริษัทชิงซื่อ จิวเวลรี่เข้ามาติดต่อเธอ และถามเธอว่ายินยอมที่จะขายเนื้อหยกสีเขียวถั่วเขียวหรือเปล่า
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มหวานปฏิเสธไป สีของเนื้อหยกก้อนนี้ไม่เลวเลย ไม่จำเป็นต้องขาย อีกอย่างถูกสมิธเล่นกลับกลอกไปมาอย่างนี้ ราคาหินหยกดิบในอนาคตคงต้องน้ำขึ้นเรือลอยแน่ จะเก็บสินค้าไว้เมื่อไหร่ล่ะ?
“ความจริงฉันแค่มองเพราะว่าคุณสวย” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มให้กับน้องสาวคนสวย “เงินห้าแสนดอลลาร์นั้น เดี๋ยวฉันจะคืนให้คุณ รบกวนคุณนำเลขบัญชีมาให้ฉัน แล้วพรุ่งนี้ช่วงสายฉันจะได้ไปจัดการเรื่องที่ธนาคารค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก เงินแค่ห้าแสนฉันจ่ายได้” หญิงสาวคนสวยมองซีเหมินจินเหลียนด้วยความเยือกเย็นและคล้องแขนลูกพี่ลูกน้องชายกำลังจะออกไปจากที่นี่ จู่ๆ ใบหน้าก็พลันยิ้ม “พ่อคะ”
ซีเหมินจินเหลียนมึนงง หญิงสาวสวยสูงคนนี้น่าจะมาด้วยกันกับพ่อ จากนั้นก็หันหลังขวับไปดูด้วยความสงสัย
“พ่อคะ หนูหาพ่อซะทั่วเลย ท่านไปที่ไหนมาคะ มีที่ไหนสนุกแล้วท่านไม่พาพวกเราไปบ้างล่ะคะ” หญิงสาวคนสวยยิ้มอ่อนโยนในขณะที่พูดก็ทิ้งซีเหมินจินเหลียนไว้ด้านหลังและรีบวิ่งไปข้างหน้า
ซีเหมินจินเหลียนเหมือนดั่งสายฟ้าฟาด มองหญิงงามร่างสูงผอมคนนั้นคล้องแขนหูชีเยี่ยนด้วยรอยยิ้มไม่ยอมหุบ…
หรือว่าหูชีเยี่ยนจะคิดว่าเธอหน้าตาสวยไม่พอ ที่แท้ตั้งแต่แรกเธอก็มีลูกสาวที่ทั้งสวยและโตขนาดนี้แล้ว? ชั่วขณะนั้นในใจของซีเหมินจินเหลียนอลหม่านเหมือนรับรสเปรี้ยวหวานอมเผ็ดพร้อมๆ กัน นี่มันรสชาติอะไรกันแน่ ทำไมอยู่ๆ ถึงรู้สึกแสบจมูกไปหมด เธออยากร้องไห้เหลือเกิน…
“จินเหลียน?” หูชีเยี่ยนเห็นซีเหมินจินเหลียนใบหน้าซีดขาวก็รู้แล้วว่าความเข้าใจผิดนี้บานปลายแล้ว