ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 342 หงส์ตกในอันตราย
หลังจากที่หูหวังไปจากเซี่ยงไฮ้ ชีวิตของซีเหมินจินเหลียนราวกับหวนเป็นดั่งเมื่อก่อน คุ้นชินกับการตื่นนอนยามตะวันโด่งฟ้า พอไม่มีอะไรทำก็แกะสลักหยกไป ทางด้านจ่านป๋ายยังคงเหมือนเมื่อก่อนที่ผ่าหยกและตัดเศษหยกพวกนั้นให้เป็นรูปทรงก้อนเต้าหู้ เพราะชอบเลยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ซีเหมินจินเหลียนเคยพูดเหย้าแหย่เขาว่า ถ้าหากวันไหนเธอไม่มีเศษหยกให้เขาตัดแล้ว เธอจะไปซื้อหินหยกเกรดต่ำกลับมาให้เขาตัดอย่างหนำใจไปเลย
จ่านป๋ายทำได้แค่ยิ้ม หากไม่มีอะไรทำก็น่าเบื่อเหลือเกิน น่าจะเป็นเพราะง่วนอยู่กับการตัดก้อนเต้าหู้เอามาก ฝีมือมีดของเขาจึงถูกฝึกปรือจนบรรลุชั้นสูง
แค่พริบตาเดียวก็ถึงช่วงต้นเดือนพฤษภาคมแล้ว คืนวันนี้ซีเหมินจินเหลียนอาบน้ำปล่อยผมนอนเปลือยเท้าเปล่ากำลังเล่นเกมอะไรสักอย่างอยู่บนเก้าอี้
“เสี่ยวป๋าย…เสี่ยวป๋าย…” ซีเหมินจินเหลียนเห็นตัวเองถูกลอบโจมตีอีกครั้ง ไหนจะถูกปล้นอีก ไม่ง่ายเลยที่จะสู้จนได้อาวุธมา จู่ๆ พลันมาหายไปแบบนี้…
“คุณตายอีกแล้วเหรอ?” ช่วงนี้จ่านป๋ายกำลังศึกษาเรื่องเทพปกรณัมจีนโบราณ ตกตอนกลางคืนที่ซีเหมินจินเหลียนเบื่อๆ เขาก็ถือโอกาสสอนเธอเล่นเกม แต่ทักษะของซีเหมินจินเหลียนห่วยแตกมาก เล่นตั้งนานกลับไม่มีความคืบหน้าเลยสักนิด
“พรุ่งนี้…” ซีเหมินจินเหลียนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด “ฉันจะเติมเงินซื้ออาวุธ”
จ่านป๋ายได้ยินแล้วปล่อยเสียงหัวเราะชอบใจไว้ไม่อยู่ ซีเหมินจินเหลียนมองค้อนใส่เขาครู่หนึ่งและพูดถามไปว่า “คุณยิ้มอะไรของคุณคะ?”
“ที่ผมหมายถึงก็คือ…คุณลองเรียกหลินเสวียนหลานให้กลับมาซื้อหุ้นบริษัทเกมเจ้านั้นดีไหม?”จ่านป๋ายถาม
“คุณ…คุณล้อฉันงั้นเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนขึงตาใส่เขา เธอยอมรับว่าการเล่นเกมของเธอห่วยแตกมาก แต่มันก็แค่ของเล่นไหมล่ะ? มีอะไรน่าสรรเสริญกัน เธอได้เห็นของจริงมาหมดแล้ว เหอะ
“จินเหลียน ผมเพิ่งรู้ว่าผู้หญิงโบราณเก่งใช้ได้กันทั้งนั้น” จ่านป๋ายรีบเบี่ยงประเด็น ขืนพูดต่อไปแล้วเกิดไปสะกิดใจของซีเหมินจินเหลียนเข้าขึ้นมาจริงๆ อยากจะย่างเท้าเข้าไปในอุตสาหกรรมเกมก็ไม่เป็นเรื่องยากแล้ว ยุคสมัยนี้มีเงินก็จัดการได้สะดวก
“เอ่อ?” ซีเหมินจินเหลียนฉงนใจถาม “ทำไมผู้หญิงโบราณถึงเก่งได้ล่ะ? ในสมัยโบราณก็เป็นระบอบสังคมชายเป็นใหญ่ทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ? ในประวัติศาสตร์ก็มีจักรพรรดินีแค่คนเดียวเท่านั้น”
“นั่นคือประวัติศาสตร์ สิ่งที่ผมกำลังศึกษาอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ประวัติศาสตร์” จ่านป๋ายยิ้ม “ในสมัยโบราณ ความจริงแล้วดูเหมือนว่าระบอบสังคมหญิงควบคุมชายต่างหาก…อย่างเช่นเทพธิดาหนี่วาไง?”
“มนุษย์โลกเกิดขึ้นมาเพราะเธอสร้างทั้งนั้น” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเขาเอ่ยถึงเทพธิดาหนี่วาพลันถอนหายใจเบาๆ ไม่ทันได้รู้ตัวก็คิดถึงหูหวังกับหูชีเชี่ยนที่พม่า สองคนนี้คืนดีกันแล้วหรือยังนะ?
“เมื่อกี้ผมได้อ่านบันทึกเล่มหนึ่ง” จ่านป๋ายถอนหายใจพูด “เพื่อที่จะให้กำเนิดบุตร ผู้หญิงสมัยโบราณมักจะ…กับผู้ชายหลายคน”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วหน้าแดงระเรื่อ อีกทั้งยังก่นด่า “เรื่องพวกนี้คุณก็รู้เห็นหมดแล้วเหรอ? ทำไมฉันไม่เห็นจะเจอเลย?”
“ผมพูดจริงๆ นะ” จ่านป๋ายยิ้ม “ผู้หญิงในสมัยโบราณมีอำนาจมาก ผมว่า…ผู้หญิงที่มีอำนาจในเวลานั้นไม่น่าแตกต่างไปจากจักรพรรดิในยุคศักดินาสักเท่าไหร่หรอก แถมในเวลาเดียวกันก็มีผู้ชายในครอบครองไว้เพียบ”
“พูดจาเหลวไหล” ซีเหมินจินเหลียนตอบโต้ทันที “ในสมัยโบราณต่างให้ความสำคัญกับความเสมอภาคของทุกคน ไม่มีอำนาจอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น จะมีเรื่องมั่วโลกีย์เหมือนที่คุณพูดได้อย่างไร?”
“มนุษย์เราเกิดมาก็ไม่เสมอภาคแล้ว” จ่านป๋ายยิ้มเยาะพูดไป “ประวัติศาสตร์ที่เรากำลังพูดถึงตอนนี้เป็นเพียงสมมติฐานของเราเอง มันไม่มีอะไรมายืนยันได้หรอก ใครจะไปรู้ว่ามนุษย์ในสมัยโบราณอยู่รอดมาได้อย่างไรกันแน่? ไม่แน่ระบอบชนชั้นที่แตกต่างกันนี้อาจจะโหดร้ายและทารุณกว่าระบอบศักดินาก็เป็นได้ สิ่งที่เรียกว่าความเสมอภาค มันก็แค่ความเท่าเทียมในระดับเดียวกันเท่านั้น…”
“คุณอยากจะพูดอย่างไรก็ช่าง” ซีเหมินจินเหลียนกลอกตาขาวใส่ ในใจแอบพูด เขาคนนี้พยายามเติมแต่งความรู้ทางประวัติศาสตร์
“จินเหลียน ผมรู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง” จ่านป๋ายพูดโผงผางขึ้น
“วันนี้อากาศดี ไม่มีอะไรผิดปกตินี่” ซีเหมินจินเหลียนน้ำเสียงขุ่นเคือง
“เอ่อ…อันที่จริงมนุษย์นั้นมีความสามารถในการให้กำเนิดบุตรสูง ข้อนี้คุณไม่คัดค้านใช่ไหม?” จ่านป๋ายถาม
“นี่มันคำพูดไร้สาระที่เห็นๆ กันอยู่ไม่ใช่เหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนโมโห ตอนนี้มีถุงยางอนามัยจำหน่ายเกลื่อนตรอกซอยเล็กใหญ่บนท้องถนน รวมถึงยาคุมกำเนิดยี่ห้อต่างๆ จากร้านขายยารายใหญ่ มากขึ้นจนนับกันไม่หวาดไม่ไหว หากมนุษย์ไม่ใช้การคุมกำเนิดไม่ช้าก็เร็วโลกคงได้พังถล่ม
“แต่ทำไมในสมัยโบราณ ผู้หญิงที่มีอำนาจอยู่ในครอบครองพวกนั้นถึงได้มีปัญหาเรื่องการให้กำเนิดบุตรล่ะ คุณลองคิดดูในตำนาน…เทพธิดาหนี่วาไม่มีลูกนี่นา” จ่านป๋ายเริ่มเจาะเข้าไปในโพรงเขาควาย
ซีเหมินจินเหลียนวุ่นอยู่กับการสังหารสัตว์ประหลาดเพื่อผ่านด่าน แม้แต่ศีรษะยังไม่คิดแหงนขึ้นมา “มนุษย์ทั้งโลกเป็นลูกของเธอด้วยกันทั้งนั้น”
จ่านป๋ายกำลังจะพูดอะไรต่อ จู่ๆ พลันได้ยินเสียงกริ่งประตูดังขึ้น ขมวดคิ้วไม่คลาย ซีเหมินจินเหลียนก็กวาดสายตามองเวลาในคอมพิวเตอร์ สี่ทุ่มกว่าแล้วยังมีใครมาอีก?
“ไป…ลองไปดูสิว่าคือพี่ชายคบไม่ได้ของคุณหรือเปล่า ถ้าใช่ก็บอกเขาด้วย เชิญมาพรุ่งนี้เช้า” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลางในขณะที่ยังคงยุ่งอยู่กับการสังหารสัตว์ประหลาดเพื่ออัพเลเวล
จ่านป๋ายลุกขึ้นเดินลงไปเปิดประตูที่ชั้นล่าง ซีเหมินจินเหลียนเห็นเงาด้านหลังของเขาแล้วรู้สึกตลกเสียจริง จู่ๆ ในใจพลันกระตุกวาบ ลุกขึ้นย้ายไปฝั่งเขาเพื่อเตรียมส่องว่าเขาอ่านหนังสืออะไรทำไมทฤษฎีถึงได้แปลกประหลาดแบบนี้? ผู้หญิงสมัยโบราณต่างเลี้ยงชายรูปงามทั้งหมดเหรอ? และยังเลี้ยงเยอะด้วย?
เพียงแต่เมื่อทอดสายตามอง ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ดี นี่มันประวัติศาสตร์สมัยโบราณที่ไหนกัน? นี่มันเขียนไว้ให้เห็นเลยว่า… บันทึกรักของจักรพรรดินี ทอดสายตาไปด้วยความไม่ระวังดันไปเห็นตัวหนังสือที่ไม่เหมาะสมกับเด็กอีก
สมควรตาย หมอนี่กำลังอ่านเรื่องพวกนี้อยู่เหรอนี่ ซีเหมินจินเหลียนโกรธเคืองอยู่ในใจ
อยู่ๆ ในเวลานี้พลันมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ซีเหมินจินเหลียนคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูกลับเป็นจ่านป๋าย
กดปุ่มรับสาย ในใจก็สงสัย เธออยู่ในบ้านจะโทรมาทำไม?
“จินเหลียน รีบลงมาเร็ว” น้ำเสียงของจ่านป๋ายค่อนข้างรีบร้อน
ซีเหมินจินเหลียนมึนงง ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ได้ยินเสียงของสวี่อี้หรานแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ “คุณซีเหมิน อาจารย์ของผมจับคุณหูไว้…”
ซีเหมินน่งเยว่จับหูชีเยี่ยนไว้? เป็นไปได้อย่างไร? ซีเหมินจินเหลียนทิ้งโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว รีบวิ่งไปชั้นล่างด้วยเท้าเปลือยเปล่าอย่างไม่สนใจ
พูดตามตรงนี่เป็นครั้งแรกที่ซีเหมินจินเหลียนเห็นสวี่อี้หรานดูจนตรอกแบบนี้ หมอมองโกลคนนี้โดยปกติจัดการเรื่องอะไรไม่ค่อยน่าเชื่อถือ จนมีบางครั้งถึงขั้นประหม่าเล็กน้อย แต่เขามักจะสงบและแน่นิ่งไว้ แต่สวี่อี้หรานในตอนนี้ ใบหน้าด้านซ้ายที่ช้ำเขียวช้ำม่วงเป็นวงใหญ่ แม้แต่ขอบตายังคล้ำดำ เห็นได้ชัดว่าถูกคนต่อยมา ผมเผ้าพะรุงพะรัง เสื้อผ้าทั้งยับทั้งเยิน…แถมยังมีรูขาดอยู่หลายจุด
“เกิดอะไรขึ้น?” ในขณะที่วิ่งจากชั้นบนลงไปข้างล่าง ซีเหมินจินเหลียนกลับสงบลง อีกด้านก็มองหารองเท้าในขณะเดียวกันก็ถามไปด้วย ในเวลานี้รีบร้อนไปก็ไร้ประโยชน์ อาจารย์เคยบอกไว้ว่ายิ่งอยู่ในภาวะวิกฤติยิ่งต้องนิ่งเข้าสู้ มิฉะนั้นหากตัวเองตื่นตระหนก เท่ากับให้โอกาสกับศัตรู
จ่านป๋ายหยิบรองเท้าสลีปเปอร์สวมให้ซีเหมินจินเหลียน ในที่สุดก็ได้หลีกเลี่ยงความเขินที่เธอเท้าเปล่าเสียที
สวี่อี้หรานรินน้ำเย็นใส่แก้วด้วยตัวเอง เมื่อดื่มลงไปหนึ่งอึกก็ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกยาวถึงพูดว่า “คุณรู้ว่าหูหวังไปพม่า”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า เรื่องที่หูหวังไปพม่า เธอรู้ดีอยู่แล้ว อีกอย่างหูหวังบอกว่าเวลาของเขามีไม่มาก เลยต้องไปหาหูชีเยี่ยน
“เขาไปตามหาหินซ่อมฟ้าที่พม่า แต่พื้นที่นั้นเป็นเขตอิทธิพลของอาจารย์ผม ดังนั้นอาจารย์ของผมแอบออกมาจากตงไห่และซุ่มโจมตีจับตัวหูหวังที่พม่า” สวี่อี้หรานพูด “ผมรู้ว่าที่อาจารย์ไปจากตงไห่มันไม่ใช่เหตุการณ์บังเอิญ เลยรีบตามไป แต่ก็สายไปเสียแล้ว…”
“ตอนนี้ปู่ของฉันอยู่ที่ไหนคะ?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วรีบถาม
“เขาไม่เป็นอะไร แค่ผิวถลอกนิดหน่อย ผมส่งเขาไปรักษาตัวเงียบๆ ที่ผมแล้ว” สวี่อี้หรานพูดต่อ “คุณวางใจได้”
“งั้นเรื่องนี้ไปเกี่ยวข้องอะไรกับคุณหูด้วย?” จ่านป๋ายถามด้วยความไม่เข้าใจ
ซีเหมินจินเหลียนกระวนกระวายใจ รู้ทั้งรู้ว่าเป็นเรื่องร้าย…เดิมทีคิดว่าที่หูหวังไปพม่าเพราะต้องไปหาหูชีเยี่ยน คิดไม่ถึงว่าเขาจะไปตามหาหินซ่อมฟ้าอะไรนั่นตัวคนเดียว? ผลสุดท้ายปล่อยโอกาสให้ซีเหมินน่งเยว่ใช้เป็นเครื่องมือ
ตามแผนที่ที่ลุงงูมอบให้เธอ สถานที่นั้นอยู่ตรงพรมแดนรอยต่อระหว่างพม่ากับลาว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าสามเหลี่ยมทองคำ ไม่มีการจัดการรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวของรัฐบาล นี่มันคือลาวที่เสื่อมทรามโดยสิ้นเชิง สถานที่แห่งนี้ด้วยคนแบบซีเหมินน่งเยว่แล้ว แน่นอนเลยยิ่งเอื้อกับเขา
อีกอย่างจากที่สวี่อี้หรานพูดเมื่อสักครู่ สถานที่แห่งนี้ก็คือเขตพื้นที่ที่ซีเหมินน่งเยว่มีอิทธิพล
“อาจารย์จับตัวหูหวังไป จากนั้นโทรไปหาชีเยี่ยนชังอู๋ท่านนั้น…ถ้าหากเขาไม่ต้องการชีวิตคนเป็นพ่อ อาจารย์ก็จะตัดหัวของหูหวังส่งไปให้เขา ถ้าเขาอยากไว้ชีวิตหูหวังก็ให้เอาชีวิตตัวเองมาแลก” สวี่อี้หรานถอนหายใจเบาๆ
“คุณรู้ดีขนาดนี้ได้อย่างไร?” ซีเหมินจินเหลียนถามฉับพลัน
สวี่อี้หรานถอนหายใจพูด พลันมองไปที่ซีเหมินจินเหลียนแวบหนึ่งแล้วพูดต่อ “ผมรู้ว่าคุณเกลียดขี้หน้าผม แต่ผมอยากจีบคุณมันคือเรื่องจริง ดังนั้นเมื่ออาจารย์ไปจากตงไห่ ผมเลยแล่นแจ้นไปหาคุณหูที่พม่า เดิมทีคิดว่าจุดมุ่งหมายของเขาคือคุณหู คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหูหวัง หลายวันมานี้ผมอยู่ข้างกายคุณหูตลอด เลยกลัวว่าอาจารย์จะใช้ยาพิษซุ่มโจมตี คุณรู้ไหมลูกไม้ใช้ยาพิษของอาจารย์ ถ้าสมมติเขาเรียกตัวเองว่าอันดับสอง ก็ไม่มีใครกล้าเรียกตัวเองว่าอันดับแรก แม้จะเป็นอาจารย์ลุงก็เหมือนกัน”
“พูดต่อไปสิ” จ่านป๋ายพูด
“ผมกับคุณหูปรึกษาหารือที่จะช่วยหูหวัง เดิมทีก็บรรลุตามเป้าหมายแล้ว แต่เพราะว่าไม่คุ้นเคยกับภูมิประเทศ มัวแต่หลงทางอ้อมไปมาอยู่บนเขา สุดท้ายถูกอาจารย์ดักทางไว้ ใบหน้าของผมก็ถูกอาจารย์ต่อยมา” สวี่อี้หรานยิ้มขมขื่น “อาจารย์พูดง่ายๆ ว่าการจะฆ่าคุณหูนั้นไม่ง่ายเลย แต่เขาวางยาพิษรุนแรงใส่ไว้ในตัวหูหวังตั้งนานแล้ว ถ้าคุณหูพาหูหวังไปจากที่นั่น ไม่พ้นสามวันร่างของหูหวังคงได้เปื่อยเน่าและตายไปอย่างน่าสังเวช”
“พิษในตัวของปู่หวัง นายแก้ไม่ได้งั้นเหรอ?” จ่านป๋ายถาม
“ผมน่าจะแก้ได้” สวี่อี้หรานพูด “แต่ต้องผสมยา ใช้เวลาสามปีก็ไม่มีทางรวบรวมตัวยาที่แปลกประหลาดนั้นได้หรอก อย่าพูดถึงสามวันเลย”
ซีเหมินจินเหลียนใช้แรงกำหมัดแน่น สวี่อี้หรานพูดต่อ “ดังนั้นคุณหูเลยอยู่ต่อ ผมพาหูหวังมาที่เซี่ยงไฮ้ อาจารย์ก็ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาให้ยาถอนพิษแก่หูหวัง…เหตุผลที่เขาปล่อยผมออกมาก็เพราะจะให้ผมมาส่งสารให้คุณไปที่พม่า”