คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ - 10 จากไป
บทที่ 10 จากไป
เจ็บ เจ็บไปถึงที่ใจ ถึงแม้พื้นจะปูด้วยพรหมที่นิ่ม
แขนข้างขวาที่พลิกไปชนกับโต๊ะชงชาพอดี
พิงกี้ถูกความเจ็บนี้ส่งเสียงร้องแหลมปรีดออกมาจน
แทบจะสลบไป
“ โถๆๆ ขอโทษด้วยนะ พิงกี้ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?
คุณหญิงกาญจนาเอ่ยออกมาอย่างไม่จริงใจ และ
แกล้งเอ่ย
* เห็นท่าทางเธอเหมือนคนใกล้ตาย ฉันกลัวจะได้
รับผิดชอบจังเลย
เอาอย่างนี้ ฉันให้หมอส่วนตัวของฉันมาดูอาการ ของเธอหน่อยดีไหม?”
สีหน้าเธอล้อเล่น แต่แท้จริงกำลังอยากดูเธอขาย
หน้ามากกว่า
* ดูทำไม ลุงประกอบไม่อยากมาดูคนไข้แบบนี้
หรอก!
ธีระพูดอย่างเย็นชา “ คนแบบนี้สมควรที่จะเกิดมา แล้วตายไปเอง )
“ ก็นั่นน่ะสิครับ..* ชาตรีหัวเราะและพูดเพื่อให้ เรื่องนี้จบๆไป
4 ไม่ต้องสนใจเธอหรอก เด็กคนนี้โตขึ้นมาจาก
ชุมชนคนยากจน
ถึงไม่ได้รับการสั่งสอนมาดี แต่ร่างกายที่ถือว่าถูกฝึก มาดี เธอหนังหยาบเนื้อด้าน
เจ็บแค่นี้ไม่ทำให้ตายหรอก”
“ เจ็บแค่นี้จะเป็นอะไรไป? ” เจ็บแค่นี้ไม่ทำให้ตาย
หรอก?
ไม่เจ็บที่ร่างกายตัวเอง ก็ต้องไม่เป็นไรอยู่แล้วสิ! พิง
ก็กัดฟันและรู้สึกช่างตลก!
เรื่องวันนี้ต้องขอบคุณพวกคุณมากเลย!
ขอบคุณการดูแลที่ดีของพวกคุณมาตลอด ฉันจะจำ
ใส่ใจไว้!
ทนความเจ็บปวดไว้ พิงกี้ลกขึ้นจากพื้น เหลียวมองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์
และพยายามเดินตรงก้าวเท้าออกจากบ้านหลังนี้
แววตาที่เยือกเย็นของเธอที่มแทงชาตรีและคนอื่นจน
อึ้งไปตามกัน
เหมือนมดเล็กๆตัวนึงก็สามารถมีแรงทำร้ายคน
ได้–
ยืนอยู่ข้างถนนที่มืดมน พิงกี้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
เธอดูมาครึ่งค่อนวันกลับไม่มีคนที่จะสามารถติดต่อ
ได้ ดูไปตั้งนาน
สายตาเธอเหลือบไปมองเห็นชื่อๆนึง เธอโทรสาย ออกด้วยหัวใจที่สับสน
และรีบวางสายอย่างไว เมื่อก่อนเพราะสาเหตุอะไร? ตอนนี้ก็ยังเพราะสาเหตุนั้น?
แต่ว่าไม่ถึงหนึ่งนาที ฝั่งโน้นก็โทรเข้ามา ฮัลโหล ไม่ทราบว่าท่านไหนคะ? ”
ในโทรศัพท์มีเสียงที่หวานแหววของผู้หญิงดังขึ้นมา
* นำหวาน ฉันเอง” พิงกีเม้มปากและรู้สึกอึดอัดใจ
* ฉันคือพิงกี้ เออ…มินตรา…เธอยังจำฉันได้ไหม?
“อะไรนะ พิงกี้?! ” ในโทรศัพท์มีเสียงของตกหล่น
พื้นและแตก
รู้ได้เลยว่าน้ำหวานตื่นเต้นมาก..วางสายลง ใน ที่สุดพิงกี้ก็รู้สึกโล่งอกไปหน่อย
บนตัวเธอยังพอมีตังค์อยู่หน่อยนึ่ง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี ปัญญาไปพักที่โรงแรมสักสี่ห้าคืน
แต่ว่าคนเราตอนที่บอบช้ำที่สุด ก็อยากให้ข้างกายมี คนคอยอยู่เป็นเพื่อน
เธอไม่ใช่คนที่เข้มแข็งจนไม่มีอะไรมาล้มเธอได้
เพราะฉะนั้นก็ย่อมหลบหลีกความช้ำใจไม่ได้อยู่แล้ว
ฝนเริ่มตกลงมา
ฝนซาที่ตกลงมา พริบตาเดียวก็ถล่มมาอย่างหนัก เม็ดฝนที่ตกลงมาเท่าเม็ดถั่ว
กระแทกมาที่ใบหน้าจนเจ็บ ไม่นานพิงกี้ก็เปียกเหมือนไก่ต้ม
เสื้อผ้าติดแน่นที่ร่างกายจนทรุดโทรมไปทั้งตัว
“สวรรค์ทำไมใจดำอย่างนี้ มากระทืบซ้ำเติมฉันอีก หรือ! ) เธอชี้นิ้วกลางไปบนฟ้า
พิงกี้มองไปรอบๆ พบเห็นมีป้ายรถเมล์อยู่ที่ไม่ไกล เธอลากกระเป๋าเดินไปที่ป้ายรถเมล์
เธอสามารถใช้งานได้มือเดียว เธอเดินอย่างรีบร้อน แค่เดินไปสองก้าว
กระเป๋าเธอก็พลิกตลบไปสองครั้ง ( ปัง เสียงดัง กระแทกลงที่พื้น
จนเสื้อผ้าที่อยู่กระเป๋าถูกดินโคลนสาดมาเต็มๆ
อะไรคือเดือดร้อนอยู่แล้วยังมาโดนกระหน่ำซ้ำอีก ก็ คงจะแบบนี้หล่ะมั้ง?
แต่พิงกี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะเธอไม่มีเรี่ยวแรงไป
สนใจ
เธอนั่งลงไปหยิบเสื้อที่เปื้อนดินโคลนแล้วยัดใส่ใน กระเป๋า พอยัดใส่ในกรเป๋าเสร็จ
เพิ่งสังเกตุเห็นมือของตัวเองใช้การได้ข้างเดียว แถมยังเป็นข้างซ้ายที่ไม่ถนัดซะด้วย
อยากรูดซิบกระเป๋าที่ยัดเต็มไปด้วยเสื้อผ้าไม่ใช่เรื่อง
ง่ายเลย