คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ - 136: ใส่ร้ายป้ายสี
“สําคัญ สําคัญสําหรับฉันมาก! น้ำผึ้ง มองเธออย่างขอร้อง ขอแค่เธอยกโทษให้ฉัน
ฉันจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้บาปหนักขนาดนั้น กลางคืนจะได้หลับสนิทได้ ขอร้องเธอล่ะให้ยก โทษให้ฉันเถอะนะ!”
น้ำผึ้งที่เป็นแบบนี้เหมือนทนแรงกดดันไม่ ไหว เธอเปลี่ยนไปเหมือนเสียสติเล็กน้อย ให้ อภัยหรือไม่ให้อภัย?
ถอนหายใจอยู่ข้างใน พิงกี้ได้ทำการตัดสิน ใจออกมา “งั้นฉันขออวยพรให้วันข้างหน้าเธอ
มีชีวิตที่ดี
สามารถใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้นะ”
เธอหยิบลูกอมออกมาจากกระเป๋าเม็ดนึงแล้ว ยื่นไปที่มือของน้ำผึ้ง
นัยน์ตาที่แวววาวมองเธออย่างจริงจัง “กิน ลูกอมหน่อย จะได้รู้สึกชีวิตหวานขึ้น
เรื่องมันยังไม่ถึงเวลาที่สิ้นหวังที่สุด เธอนะ” เธอเองก็เคยผ่านช่วงที่สิ้นหวังที่สุด
รู้ว่าแสงที่สาดส่องมาในความสิ้นหวังนั้นคือ การช่วยเหลือที่ใหญ่โตแค่ไหน?
น้ำผึ้งทั้งน่าสมเพชและน่าสงสาร เห็นแก่ที่ เควินลงมือกับประพันธ์ก็เพื่อเธอ
และทำให้เกิดเรื่องที่น่าเศร้าสลดของน้ำผึ้ง อย่างทางอ้อมแล้ว เธอเกลียดน้ำผึ้งไม่ลงจริงๆ
เธอไม่ใช่แม่พระ แต่ก็ไม่สามารถใจแข็ง เหมือนหินได้ ว่าไปแล้วบางทีเกลียดคนๆนึงก็ไม่ ได้โล่งสบายเลย
เลือกที่จะปล่อยวางก็ถือว่าได้ปลดปล่อย ตัวเอง น้ำผึ้งได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อขึ้นแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ไปซ้ำเติมคนอื่นจริงๆ “ขอบใจเธอนะ ขอบใจเธอมาก
น้ำผึ้งน้ำตาไหลรินเหมือนสายฝน เหมือน กับว่าปล่อยวางได้จริงๆแล้ว ทั้งตัวรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะ
“ไม่ต้องขอบใจหรอก” พิงกี้เปิดปากพูด เบาๆ เธอเตรียมจะบอกลา
เสียงที่หวาดกลัวเล็กน้อยของน้ำผึ้งดังขึ้น มาอีกครั้ง ทําเสียงเหมือนเกรงใจอย่างตกที่นั่ง ลําบาก
“พิงกี้ คือเอ่อ….เธอยืมเงินให้ฉันสามร้อย ได้ไหม ฉันจะซื้อยาแต่เงินยังขาดแค่นี้
คนของตระกูลยืนยงศิลป์ไปหาเรื่องถึงที่ ทำงานของฉัน ตอนนี้ทำให้ฉันตกงาน ฉันจน ตรอกแล้วจริงๆ……
2 พิงกี้ไม่พูดสักคำก็หยิบเงินจาก กระเป๋ามาสองพัน “วันนี้ฉันไม่ได้พกเงินติดตัว มาเยอะ
ทั้งหมดนี้ให้เธอ เธอเพิ่งทําแท้งมา ก็ไปซื้อ อะไรมาทานบำรุงหน่อย แต่ว่า
นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันให้เงิน เธอ ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจจุดนี้นะ”
“ฉันรู้ ฉันเข้าใจ”
น้ำผึ้งรับเงินมา น้ำตาไหลออกมาไม่น้อย อีก ไม่เพียงแค่เสียใจแต่ยังซาบซึ้งด้วย
มองดูร่างที่ผอมบางของพิงกี้เดินจากไป จากหน้าประตูโรงพยาบาล น้ำผึ้งเอาเงินใส่เข้า กระเป๋าอย่างมือสั่น
แกะลูกอมที่พิงกี้ให้เธออย่างระมัดระวัง แล้วเอาเข้าปาก รสชาติที่หวานชื่นเต็มอยู่ใน ช่องปาก
น้ำผึ้งปิดปากไว้แล้วร้องไห้ฟูมฟายออกมา นํ้าตาไหลลงมาอย่างโหด
เธอร้องไห้อยู่ที่ห้องโถงโรงพยาบาล เหมือนคนบ้าท่ามกลางผู้คนไปมาเยอะแยะ
-เข้ามาในรถไฟใต้ดิน พิงกี้ รู้สึกอัดอั้นตันใจ รู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่า
เรื่องของน้ำผึ้งมีผลกระทบกับจิตใจเธออยู่ บ้าง พอเดินมาถึงหน้าห้างสตาร์ไลท์
คิดถึงเรื่องที่เดี่ยวจะต้องคุยงาน พิงกี้รู้สึก สภาพตอนนี้ของเธอไม่ไหวแล้ว
เธอหยิบกระจกบานเล็กออกมาจากกระเป๋า ฉีกรอยยิ้มออกมาอย่างแข็งกระด้างใส่กระจก
ปรากฎว่า……..น่าเกลียดจนตัวเองเห็น แล้วยังตกใจเลย!
ขี้เหร่ขนาดนี้………..
ช่างเถอะ! ไม่ต้องแกล้งมีมิตรไมตรีแล้ว วัน
นี้มาแนวคูลลแล้วกัน
ห้างสตาร์ไลท์เป็นธุรกิจของตระกูลมหา เจริญศิลป์ วันนี้เตชิตมาเคลียร์งานที่ห้างสตาร์ไลท์
เลยนัดพิงกี้มาคุยงานที่นี่ด้วย ก่อนที่จะ เคลียร์งานจบ เขาเจียดเวลาไม่ได้สักที
ทั้งสองนัดเจอกันเวลาบ่ายสาม ตอนนี้เพิ่ง จะบ่ายสอง เวลายังเหลืออีกเป็นชั่วโมง
พิงกี้กะว่าจะไปเดินเล่นในห้างสักพัก ถึงแม้ ไม่มีปัญญาซื้อ แต่ได้ดูก็ถือว่าเป็นบุญตาเหมือน กัน
เดินมาถึงโซนเสื้อผ้าสตรีที่ชั้นสาม พิงกี้ เริ่มเดินดูทีละร้านขึ้นมา แต่ก็ได้แค่ดูเท่านั้น
มือที่ขาวเนียนลูบจับผ่านเนื้อผ้าที่ไฮคลาส เธอถอนหายใจอยู่ข้างใน…………
ถึงรู้สึกตนเองไม่เอาไหนมากๆ แต่เธอก็อด คิดถึงตอนที่อยู่ดำรงกูลไม่ได้ ถึงชีวิตไม่ได้สุข
สบาย
แต่อย่างน้อยทุกฤดูกาลก็สามารถได้ซื้อ เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่สวยงามอยู่บ้าง
ชาตรีเป็นคนเอาหน้าเอาตา ในเรื่องการ แต่งตัวภายนอกนี้ก็ไม่ได้ให้เธอเสียเปรียบอะไร
เพราะยังไงการแต่งตัวของตระกูลดำรงกูล ก็ต้องให้สมกับฐานะ ถ้าชาตรีประหยัดในด้านนี้
ก็เตรียมรอให้คนข้างนอกหัวเราะเยาะเอา เถอะ ตั้งแต่แตกหักกับตระกูลดำรงกูล
เธอก็ไม่ได้ซื้อเสื้อผ้ามานานเลย พิงกี้ ชื่นชมกับเสื้อผ้าอยู่ แต่หารู้ไม่ว่ามีสายตาหลาย คู่กำลังจ้องมองเธออยู่
“ลิสา เธอดูสิ นั่นไม่ใช่น้องสาวเธอคุณหนู รองของตระกูลดำรงกูลหรอ?”
ลิสากำลังลองรองเท้ารุ่นลิมิเต็ดของ แบรนด์ชื่อดังที่คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดในซีซั่นนี้
เพื่อนข้างกายที่ชื่อจูลี่สะกิดแขนเธอเบาๆ เพื่อให้เธอมองไปที่ร้านเสื้อผ้าฝั่งตรงข้าม
ลิสาเงยหน้ามองไปเห็นพิงกี้กำลังยืนอยู่ที่ ราวแขวนเสื้อ ถึงไกลแต่เธอก็สามารถเห็นแสง ไฟสาดส่องอยู่บนตัวพิงกี้
ผิวพรรณบนใบหน้าเธอขาวเนียสว่าง ราวกับไข่มุก ทันใดนั้นสายตาลิสามีความหมาย ลึกซึ้งแว๊บเข้ามา
พิงกี้เปลี่ยนไปเยอะมาก พิงกี้คนเมื่อก่อน
มีแต่จะคอยเดินตามตูดเธอ เป็นคนขาดความ มั่นใจและโง่เขลามาก
ถึงบนตัวจะใส่เสื้อผ้าราคาแพง ถึงบน ศรีษะจะติดกิ๊ฟคริสตัลที่สวยหรู
ก็ไม่สามารถปกปิดความบ้านนอกที่มาจาก รากเหง้าของเธอได้
แต่พิงกี้ในตอนนี้แค่ใส่เสื้อทีเชิ้ตราคาถูกกับกางเกงยีนส์ธรรมดา
แต่ความสดใสบนตัวเธอกับผิวพรรณที่ ขาวเนียนระเอียดทำให้เธอดูโดดเด่นน่าดึงดูด
สายตาผู้คน
แค่เสื้อแสนธรรมดาพอใส่ที่ตัวเธอกลับ เหมือนแบรนด์ดังคลอเลคชั่นใหม่ของซีซั่นนี้ เลย
ลิสาแอบเกลียดและริษาอยู่ในใจอย่างห้าม
ไม่ได้
มีสิทธิ์อะไร?
เธอเองเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ร่างกาย
มีแต่จะยิ่งอยู่ยิ่งแย่
แต่พิงกี้มีสิทธิ์อะไรที่จะมีชีวิตแข็งแรงและ มีความสุขสบายแบบนี้ แถมยังแย่งคนที่เธอ อยากได้ที่สุดไปอีกด้วย?!
คิดถึงเพื่อนข้างกายยังรอเธอตอบอยู่ ลิสา เก็บแววตาที่ซับซ้อนไว้ แล้วพูดเสียงเบา
“ใช่ นั่นน้องสาวฉันเอง”
“ฉันได้ยินมาว่าน้องสาวเธอชอบทําให้เธอ ขายหน้า จะให้ฉันไปสั่งสอนแทนเธอหน่อย ไหม?”
จู่ลี่เปิดปากพูดอย่างระริกระรี้ “ฉันรับรอง ว่าจะให้น้องสาวแสนดีของเธอได้รับกับผล กรรมที่ตัวเองก่อไว้แน่
ต่อไปจะได้ไม่กล้าให้เธอขายหน้าอีก!
“จูลี่ เธอมีไอเดียเจ๋งๆอะไร ลองบอกมาซิ พวกเราลุยด้วยกัน!” จูลี่ที่มากับลิสามีฐานะทาง บ้านสู้ลิสาไม่ได้
เธอจึงคอยยกยอลิสาทุกอย่าง ก็ย่อมไม่ ยอมให้จูลี่เอาหน้าคนเดียวอยู่แล้ว
ยัยโง่คนนี้! ไม่มีสมองยังคิดแต่จะพุ่งชน เข้าไปอย่างเดียว
ไม่ใช้เธอเป็นเครื่องมือในการต่อสู้แล้วยัง จะใช้ใครได้อีก?
จู่ลี่กรอกตาไปมาแล้วกวักมือเรียกตีรญา ตีรญารีบยื่นหูเข้าไปฟังใกล้ๆอย่างตื่นเต้น
สังเกตุไม่เห็นแม้แต่เสี้ยวเดียวว่าถูกจู่ลี่ ลอบวางแผนแล้ว
ทั้งสองคุยซุบซิบไปครึ่งค่อนวันก็ไม่รู้ว่า กำลังคุยอะไรกัน?
ปกติลิสาแคร์ภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนและใจ
กว้างของตัวเองมาก เวลาอยู่ข้างนอกคอยระวัง ตัวทุกวินาที
เธออยากเป็นแค่พี่สาวที่แสนดีคอยแก้ไข ปัญหาให้น้องสาว แต่วันนี้กลับไม่มีการห้าม ปราม
แถมในใจยังแอบเฝ้าคอยรอดูด้วยซ้ำ เรื่อง พวกนี้พิงกี้ย่อมไม่รู้อยู่แล้ว เธอเดินเล่นร้านนึง เสร็จ
กําลังเตรียมจะเดินไปอีกร้านนึง คิดไม่ถึง เพิ่งหันหลังก็ชนกับคนเข้า แขนเธอถูกสาดจน เปียก
ทันใดนั้นข้างหูมีเสียงกรีดร้อง ตกใจ ราย ดังขึ้นมา และมีเสียงของตกหล่นที่ พื้นดังขึ้นด้วย
“แกนี่อะไรกันเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยรื ไง?” ตีรญาจ้องพิงกี้อย่างโมโหทีนึง
คอยหยิบทิชชูออกมาจากกระเป๋าเช็ดมือที่ เปื้อนน้ำผลไม้ของตัวเอง และพูดย่ามใจ
“แกชนฉันๆไม่คิดบัญชีกับแกก็แล้วไป แต่ แกซนจนน้ำผลไม้ของฉันสาดออกมาหกใส่ เสื้อผ้าตั้งหลายตัว
ฉันดู แกจะทํายังไง?!
” พิงกี้ขมวดคิ้วแล้วมองดูราวแขวน เสื้อที่อยู่ข้างหลังตัวเธอ
ปรากฎว่ามีเสื้อผ้าเปื้อนอยู่ประมาณหกเจ็ด ตัวจริงๆ เสื้อผ้าที่นี่ราคาแต่ละชิ้นไม่ถูกเลย
ที่ถูกสุดตัวนึงก็เป็นหมื่นแล้ว…………จะ ให้เธอชดใช้งั้นหรอ?