คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ - 147 :สงสัยยายสมศรี
เหตุผลที่พิงกี้เสียใจไม่ใช่เพราะเรื่องอื่น แต่เป็นเรื่องที่เควินใช้วิธีขั้นสูงก็เพื่อต้องการ ช่วยสะสางเรื่องราวให้เธอ ที่จะได้ไม่ต้องมี มลทินหรือเรื่องอื้อฉาวระหว่างเธอกับณรงค์ กร………………..
ถ้ารู้แต่แรก เธอไม่เห็นด้วยแน่นอน จะคิด หาวิธีเพื่อหยุดเขา แต่มันคือสิ่งที่แม้มีเงินก็ซื้อ ไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นเธอเองก็ไม่มีเงิน
–ขณะที่พิงกี้ถือกระติกอาหาร มาถึงโรงพยาบาล เห็นยายสมศรีกำลังกินข้าว อยู่
เมื่อยายที่เห็นพิงกี้เดินเข้ามายังห้องผู้ป่วย ก็เผลอทําตะเกียบตกลงบนพื้นด้วยความตื่น ตกใจ
“คุณยายคะ ทําไมถึงกินข้าวแล้วล่ะ?” พิงกี้รู้สึกหดหู่เล็กน้อยแล้วก้มเก็บตะเกียบบน พื้นขึ้นมา จึงใช้น้ำร้อนที่เหลืออยู่ในแก้วล้างตะเกียบแล้วค่อยส่งให้ยาย
“ก็หลานไม่ได้บอกว่าวันนี้จะเข้ามาเยี่ยม พอดีขายหิวไปหน่อยน่ะ เลยกินเร็วหน่อย นายสมศรียิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วถามขึ้น “วัน นี้หลานทำอาหารอะไรมา? ยายได้กลิ่นหอมๆ ออกมาจากกระติกด้วย จะต้องเป็นอาหารที่ขาย ชอบแน่ๆเลย ใช่มั้ย?
นี่เป็นคำล้อเล่นที่ตลกจนพิงกี้หัวเราะออก
มา
กระติกอาหารอันนี้ไม่เพียงรักษาอุณหภูมิ ได้ดีมาก แม้แต่กลิ่นของอาการก็ไม่ปล่อยให้ ออกมาได้ จึงทำให้ไม่สามารถรับกลิ่นได้อย่าง แน่นอน
แต่ว่า พิงกี้กลับรู้สึกดีใจมาก
เห็นยายสมศรียังกินได้ไม่เท่าไหร่ เธอจึง นําอาการออกมาจากกระติกทีละอย่าง พร้อม กับนําซุปให้ยายดื่มก่อนหนึ่งชาม “ยาย ดื่มซุปก่อนสิ ซุปกระดูกหมูนี้มีประโยชน์มากเลย นะ ตอนทําหนูตัดส่วนที่เป็นมันออกบ้างแล้ว จะ ทําให้อร่อยมากขึ้นค่ะ”
“พิงกี้หลานยายเป็นเด็กดีที่สุดเลย” ยาย ดื่มไปคำหนึ่งแล้วยกนิ้วให้พิงกี้ “ฝีมือยิ่งอยู่ยิ่ง พัฒนาขึ้นนะ หลานสาวที่น่ารักของยายนี่เก่ง ที่สุดเลย”
แค่ได้เห็นยายกินอย่างเต็มอิ่ม ก็ทำให้พิงกี้
มีความสุขมากแล้ว
เมื่อกินข้าวเสร็จ จู่ๆทำให้พิงกี้นึกขึ้นได้ เรื่องหนึ่ง “จริงด้วยค่ะยาย ว่าแต่ ป้าแจ่มใส ออกจากโรงพยาบาลไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
เมื่อก่อนเธอคิดเสมอว่าเธอกับณรงค์กร เป็นเพื่อนกัน และยังเห็นว่ายายสมศรีกับแจ่มใส เองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เธอเลยไม่อยาก เรียกแจ่มใสที่ดูเหินห่างเกินไป เลยคิดว่าเรียก ป้าคงจะดีกว่า เมื่อเรื่องราวที่ถูกเปิดเผยแล้ว แต่ ยายของเธอยังไม่รู้เรื่องที่เกิด ดังนั้นก็คงต้องand 147 a
เรียกแบบนี้ต่อไป
แจ่มใสออกจากโรงพยาบาลไปตั้งแต่เมื่อ ไหร่กันนะ ที่จริงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เธอ เพียงแค่แปลกใจเฉยๆ
“รู้สึกว่าน่าจะเมื่อวานหรือวันก่อนนี้แหละ”
นายสมศรีตอบ
“อ๋อ หรือคะ….
ตอบอย่างเรียบง่ายคำนึง พิงกี้ก็ไม่ได้พูด ถึงเรื่องนี้ต่ออีก แต่เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น อยู่เป็น ยายมาได้สักพัก เมื่อเห็นว่ายายเหมือนจะเริ่ม ง่วงนอนแล้ว พิงกี้จึงเดินไปปรับเตียงให้ตรงเพื่อ ให้ยายได้นอนหลับ
มองดูเวลาก็บ่ายสามแล้ว เธอก็กะว่าจะ กลับบ้านแล้ว
แต่ว่า เป็นเพราะการมองดูเวลาจึงทำให้ เธอรู้ว่า มือถือของตัวเองนั้นถูกตั้งค่าให้อยู่ในโหมดเครื่องบิน…ถึงว่าตลอดเวลามานี้มือถือ เงียบมาตลอด ไม่มีแม้แต่ข้อความเข้า ไม่คิด เลยว่าเพราะแบบนี้นี่เอง
ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา นี่ต้องเป็นฝีมือของ
เควินแน่นอน!
พิงกี้ไม่รู้จะทำยังไง……….
ผู้ชายคนนั้นไม่อยากให้คนอื่นติดต่อเธอ แน่นอนมั้ง? ส่วนหนึ่งในนั้นจะมีใครบ้าง ในนั้น จะต้องมีชื่อของเตชิตแน่นอน
ด้วยเหตุการณ์พวกนี้ทำให้เธอคิดอยู่ ตลอดเวลา และตอนนี้พิงกี้ที่กำลังจะขึ้น รถไฟฟ้าใต้ดินหลังจากที่รอ ทันใดนั้นก็ทำให้ เธอรู้สึกได้ถึงความผิดปกติกับท่าทางของยาย สมศรีในวันนี้
ไม่ใช่แค่ผิดสังเกตุเล็กน้อย แต่ผิดสังเกตุ
มากๆ!
ทำให้ตอนนี้เริ่มรู้สึกวุ่นวายใจขึ้นมา
แต่เธอที่ยังนึกอะไรไม่ออก ก็ดันมีสาย เรียกเข้าจาก หวาน
“พิงกี้ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณเธอ คะ? ให้ตายสิ ทำไมฉันถึงโทรหาเธอไม่ติดเลย เมื่อวานเธอทำอะไรอยู่ แล้วเช้าวันนี้เธอกำลัง ทำอะไรอยู่ หรือว่าเธอถูกมนุษย์ต่างดาวลักพา ตัวไปแล้วหรือไง?”
ทันทีที่กดรับสาย น้ำหวานก็ตะคอกมา
อย่างไม่หยุด
พิงกี้“.
รอเมื่อคุณพี่น้ำหวานตะคอกเสร็จ เธอ ถึงพูดขึ้น “เธอเห็นสิ่งที่ถูกโพสต์ลงบน อินเทอร์เน็ต กลัวว่าฉันจะเกิดเรื่องอะไรหรือว่า คิดไม่ตก ก็เลยเป็นห่วงใช่หรือเปล่า?”
“ไร้สาระ แล้วเธอว่าไงล่ะ? ตอนนี้เธอโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตแล้ว มีข่าวลือต่างๆเต็มไป หมด ฉันที่ติดต่อเธอไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าจะขอร้องให้ ใครไปช่วยเธอด้วย ก็เลยตัดสินใจแอบล็อกอิน เข้าไปในบทข้อความสนทนาของเธอเพื่อเอาไป ให้จิ้งจอกลับ ใช่แล้ว พูดแทรกคำนึง เธออย่า ด่าฉันว่าแอบดูของส่วนตัวของเธอเชียวนะ! แต่ ว่านะ ฉันไม่คิดว่าครั้งนี้จิ้งจอกลับกลับไม่ตอบ กลับฉัน ก็ไม่รู้ว่าเพราะเขาไม่เห็นข้อความที่ฉัน ส่งไปรึเปล่า? ฉันร้อนรนใจจะตายอยู่แล้ว!
“ตอนนี้ฉันดีขึ้นมากแล้วล่ะ ปัญหาทุก อย่างก็ถูกสะสางหมดแล้ว ส่วนจิ้งจอกลับเขา อาจจะกำลังยุ่งอยู่เวลาของต่างประเทศกับที่ นี่ก็ต่างกันมาก อาจจะเป็นไปได้ที่เขาไม่เห็น ข้อความ
พิงกี้ไม่ได้แคร์เรื่องนี้เท่าไหร่
“งั้นเธอจะด่าฉันมั้ย หรือเปลี่ยนรหัสผ่าน ของกล่องข้อความไปเลย?
“ไม่หรอก….”
พิงกี้รู้ว่าน้ำหวานไม่ได้กังวลว่าเธอจะโกรธ หรอก แค่ทําเป็นรู้สึกผิดต่อหน้าเธอก็เท่านั้นเอง
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอจึงเอ่ยปากชวนน้ำหวานอย่างเรียบง่าย “เธอมาหาฉันสิ หลังจากที่ย้ายบ้านฉันยังไม่ได้ เลี้ยงอะไรเธอเลย หรือว่าคืนนี้ฉันทำของอร่อย ให้เธอกินดี?”
ฝีมือการทำอาหารของพิงกี้นั้นไม่เลวอยู่ แล้ว แต่สําหรับนักกินอย่างน้ำหวาน มันคือสิ่งที่ ล่อใจได้อย่างร้ายกาจมาก
น้ำหวานที่ตอนนี้ดิ้น(กระดิกหาง)อย่างมื ความสุข “พิงกี้ เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเลย ฉัน จะไปหาเธอเดี๋ยวนี้เลย! แต่ฉันก็ไม่กินของ เธอฟรีๆหรอกนะ ฉันจะไปบ้าๆบอๆอยู่ที่ซูเปอร์ มาร์เก็ตแล้วก็ซื้อ ซื้อ ซื้อ จนเติมของในตู้เย็น บ้านเธอให้เต็มเอี๊ยดไปเลย!”
เมื่อพูดเสร็จก็วางสายไปทันที สีหน้า ท่าทางก็ประมาณว่าเธอจะไปซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยความกระตือรือร้นสุดๆ
” พิงกี้ที่ยังไม่ได้พูด คู่สายก็วางไปแล้ว
ปกติแล้วน้ำหวานก็จะชอบวางสายไปแบบ นี้แหละ เธอชินจนไม่เป็นเรื่องน่าแปลกไปแล้ว
ได้แต่ส่ายหน้าแล้วเอามือถือใส่ลงใน .
กระเป๋า
สําหรับน้ำหวานที่ทําเรื่องยุ่งยากเหล่านั้น ไป ทำให้เธอถึงกับเหงื่อตก และยังเป็นเหงื่อ ที่ทั้งเย็นและเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเธอกำลัง อ่อนแอลงเรื่อยๆ เพราะทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มลงมือ ทำให้เธอรู้สึกหนาวไปทั้งตัวแล้ว
แต่เมื่อลองคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่าง ละเอียดรวมถึงความเป็นไปได้แล้ว กลับมีความ มืดมนที่ค่อยๆก่อตัวเกิดขึ้นในดวงตาคู่สวยของ พิงกี้
เมื่อพิงกี้และน้ำหวานกินข้าวกันจนอิ่ม จากนั้นจึงช่วยกันเก็บโต๊ะทำความสะอาดถ้วยชาม จนเสร็จ แล้วทั้งคู่ก็มานั่งเล่นกันอยู่ที่โซฟากลาง ห้อง
“ตอนนี้จะบอกฉันได้หรือยัง? ทำเป็นมีลับ ลมคนในไปได้ ยังจะพูดว่า
ค่อยบอกหลังกินข้าวเสร็จ เธอคิดจะฆ่า ฉันทางอ้อมหรือไง?เพราะตอนนี้ฉันอัดอั้นใจจะ ตายอยู่แล้วเนี่ย” สิ่งที่น้ำหวานอยากรู้มากที่สุด นั้น ก็ไม่พ้นเรื่องที่เกิดขึ้นกับพิงกี้ในสองวันนี้
ภายในใจของพิงกี้ที่มีเรื่องที่กำลังเก็บซ่อน อยู่ แต่ก็หวังว่าคนข้างกายพอที่จะให้คำแนะนำ ได้บ้าง โดยที่ไม่มีเจตนาร้ายใดๆกลัวแค่ว่าเมื่อ เล่าไปแล้วจะทำให้อีกคนวิตกกังวลหรือเปล่า
“ฉันแค่กลัวว่าถ้าเล่าให้เธอฟังตอนที่กำลัง กินข้าวอยู่ เธอจะหมดอารมณ์ในการกินไปเลย น่ะสิ” เธอจ้องไปยังน้ำหวาน
เมื่อเล่าเรื่องของณรงค์กรทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ รวมถึงประวัติและตัวตนของณรงค์กร ให้เธอฟัง น้ำหวานถึงกับเกิดอาการขยะแขยง ขึ้นมาทันที กับท่าทีที่กำลังจับคอตัวเองจนแทบ อ้วกออกมา “บนโลกนี้มีคนที่หน้าด้านหน้าทน ได้ขนาดนี้เลยเหรอ”
“ฉันเองก็รู้สึกหดหู่เหมือนกัน ที่ต้องพบ เจอเรื่องแบบนี้” พิงกี้พูดพลางยักไหล่เบาๆ
หากจะต้องพูดถึงณรงค์กร ในใจตอนนี้ ของเธอเองก็รู้สึกวุ่นวายไปหมด เมื่อมองดูอีก ด้านของเขา ทำให้เธอรู้สึกเสียดายถึงความ อ่อนโยนที่เขามีและเป็นคนที่มีความสามารถ ต่างๆอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่กลับมีอีกอย่างก็คือ เรื่องความเจ้าเล่ห์เพทุบายของเขาก็ทำให้เธอ ความรู้สึกกลัวมาก
แต่ว่า เรื่องที่เธออยากให้น้ำหวานให้คำ แนะนำเธอไม่ใช่เรื่องนี้
“น้ำหวาน ฉันรู้สึกว่ายายสมศรีผิดสังเกตุ มาก!” พิงกี้พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจังและเคร่งขรึม