คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ - 148: อยากถามคำถามนึง
“เพราะอะไร ทําไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?” น้ำ หวานเป็นคนซื่อตรง เธอเป็นคนไม่ได้คิดมาก ด้วยซ้ำ
“ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกเรื่องมันผิดสังเกตุมาก! เธอ ลองคิดดูสิ ก่อนที่ฉันจะรู้ธาตุแท้ของณรงค์กร ยายคอยยัดเยือดให้ฉันอยู่กับเขา แต่พอเกิด เรื่องแล้ว ยายกลับไม่พูดถึงชื่อถึงณรงค์กรอีก เลย เธอไม่รู้สึกว่ามันแปลกๆหรอ?”
“นี่จะพิสูจน์อะไรได้?” น้ำหวานส่ายหัว “คงจะแค่บังเอิญเฉยๆมั้ง
“เธอคิดว่างั้นหรอ?” พิงกี้ขมวดคิ้วตึง
เธอก็หวังว่านี่จะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่ เซ้นส์ของเธอบอกเธอว่าทั้งหมดนี้มันมีความ เกี่ยวข้องกันบางอย่าง…..แต่เธอไม่ยินยอมที่ จะไปคิดให้กระจ่าง และไม่กล้าไปคิด…..
ปล่อยให้มันผ่านๆไปเถอะ
ถ้าโลกนี้ญาติคนเดียวที่จริงใจกับตนเองยังคิดไม่อกับตนเองอีก เธอไม่รู้จะว่าตนเอง จะต้องเจอกับสถานการณ์ที่น่ากลัวอย่างไร อีก? เธออาจจะอ่อนแอเกินไป แต่เธอไม่กล้าไป เปิดโปงความจริงด้วยตนเองจริงๆ
“คงจะเหมือนอย่างที่เธอพูดแหล่ะมั้ง” พิงกี้พยักหน้า ใบหน้าที่สะสวยมีรอยยิ้มอ่อนๆ “ฉันคงจะหวาดระแวงเกินไป ก่อนหน้านั้นถูก ยายเร่งให้มีแฟน ตอนนี้ไม่ถูกท่านเร่งแล้วกลับ กลายเป็นว่าไม่คุ้นชินซะงั้น
“มนุษย์เราต่างก็ทำตัวต่ำทั้งนั้นแหล่ะ” น้ำ หวานพยักหน้าเห็นด้วยอย่างมาก สะกิดจนพิงกี้ ตบที่ขาเธอ
“เมื่อไหร่เธอจะหาแฟนสักที?” พิงกี้
ถาม “ฉันก็อยากหานะ! อยากบอกลาความ โสดเหมือนกัน! อยากลิ้มลองรสชาติที่ไม่อาจ บรรยายเวลาที่มีอะไรกับผู้ชายเหมือนกัน! แต่ ว่า…….ก็ฉันหาไม่ได้หนี่! ” คุยถึงประเด็นเรื่อง ผู้ชายแล้ว น้ำหวานทั้งโกรธทั้งโมโห “ก็ฉันเกิด มาหน้าตาแบบนี้ ฉันทำยังไงได้หล่ะ ฉันเองก็รู้สึกสิ้นหวังมาก! เธอจำไม่ได้หรอเตชิตว่าฉัน ยังไง? เขาเจ้าชู้ป่าเถื่อนขนาดนั้นยังไม่พิศวาท ฉันเลย เธอว่าฉันยังจะไปหาใครได้อีกล่ะ?
ช่างน่าโศกเศร้าจริงๆ
น้ำหวานกอดหมอนอยากร้องไห้แต่ร้องไม่
พิงกี้กุมท้องไว้ ยักไหล่และอดหัวเราะ
หัวเราะ ฮ่าๆ
ไม่ใช่ว่าเธอยินดีปรีดาในความโชคร้าย ของผู้อื่น แต่เพราะหน้าตาโกรธของน้ำหวาน ช่างน่ารักเกิน
พูดจากใจจริง น้ำหวานหน้าตาถือว่าไม่เลว นะ หน้ากลมเหมือนแอ๊เปิ้ลแถมยังเบบี้เฟสอยู่ ดวงตาที่กลมโตแวววาวเปล่งประกาย จมูกเล็กๆ กับริมฝีปากชมพูระเรื่อ ดูสวยหวานมาก แต่เธอ ไม่ใช่สวยงดงามเหมือนที่นางในวรรณคดี ดู แล้วเป็นสาวน้อยข้างบ้านที่น่ารักและไร้เดียงสา
ออกมากกว่า
ใช้คําของเตชิตมาพูด ถ้าคบหาและมีอะไร กับนําหวาน มีความรู้สึกผิดเหมือนกับว่าล่อลวง สาวน้อยยังไงไม่รู้
“หัวเราะดีนัก หัวเราะเข้าไป!” น้ำหวาน โดดขึ้นมาบีบคอของพิงกี้เบาๆแล้วข่มขู่ “ฉันจะ บอกให้นะ ถ้าชาตินี้ฉันหาผัวไม่ได้ ฉันก็จะอยู่ บ้านเธอ ถ้าเควินสุดที่รักเธอไม่หาผู้ชายให้ฉัน คอยดูฉันก็จะอยู่เป็นก้างขวางคอพวกเธอไป ตลอดชีวิตเลย!”
เควิน……….
สุดที่รักของเธอ? ได้ยินชื่อนี้ พิงกี้กลับยิ้ม ไม่ออกแล้ว
“อย่าพูดถึงเขาเลย พูดแล้วฉันปวดหัว” เธอทิ้งตัวลงไปที่โซฟา ปล่อยให้น้ำหวานบีบเธอ ไว้และหยอกล้อเล่น เธอพูดอย่างหดหู่ “เธอดูซิ วกไปวนมารอบใหญ่ขนาดนี้ ฉันก็กลับไปพัวพันกับเขาอีกแล้ว ฉันควรจะทำยังไงดีเนี่ย?”
เธอยังไม่ได้เตรียมใจไว้เลยสักนิด!
ก่อนหน้านั้นเธอถูกชาตรีข่มขู่ให้ไปยั่ว สวาทเควิน ตอนนั้นเธอก็หมดหนทางเลยได้แต่
ทําตาม
แต่ต่อมามานพไม่อยากมีผลกระทบถึงเธอ จึงไปต่างประเทศ ชาตรีไม่สามารถใช้บริษัท ของมานพข่มขู่เธออีกต่อไป สิ่งเดียวที่สามารถ หลอกใช้ก็เหลือแต่คลิปของหลายปีก่อน นั่นทำ เธอถูกจํากัดน้อยลง
เธอรู้สึกไม่ต้องทำตามสัญญาที่เซ็นต์ กับชาตรีมากขนาดนั้นก็ได้ เพราะเธอพนันว่า ชาตรีไม่มีทางแชร์คลิปนี้เด็ดขาด เพราะในใจมี ความคิดแบบนี้ กับคำสั่งของชาตรีเธอก็แค่ต่อ หน้าหาเป็นทําตามแต่ลับหลังกลับผิดสัญญา กลับกันเพราะไม่อยากเอาหัวใจทั้งดวงถลำลึก เข้าไป สุดท้ายจนตนเองได้รับบาดเจ็บ จากนั้น เธอยังต้องหลบหน้าเควินอีกแต่ตอนนี้กลับดี ไปๆมาๆกลับมาพัวพัน กันอีก สิ่งที่ก้อนหน้านั้นท่ากลายเป็นสูญเปล่า หมด!
น้ำหวานกลับไม่มีหัวจิตใจ “ยังจะทำยังไง ได้อีก ก็นอนกับเขาต่อน่ะสิ เธอไม่ใช่บอกว่า ของเขาอึดใหญ่ทนแข็งหรือ?!
พิงกี้ “
เธอเคยพูกหรอ? ไม่เคยมั้ง!
แต่ว่า……คำพูดนี้ก็ไม่ผิด ร่างกายของคน
บางคนช่างอึดจริงๆ!
———เวลาสองทุ่ม
หลังจากน้ำหวานไป นึกถึงก่อนหน้านั้น ที่เตชิตช่วยเธอออกหน้าอย่างมีนํ้าใจที่ห้างส ตาร์ไลท์แล้ว เธอจึงโทรไปหาเขา
ถ้าสองวันนี้เขาติดต่อเธอก็ถือซะว่าเขาแจ้งข่าวให้เธอว่าสบายดี ถ้าไม่ติดต่อ ระหว่างเพื่อน กันโทรคุยกันก็ไม่มีอะไรผิดหนี่ บนโซเชียลเกิด เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ตอนนี้ปัญหาเคลียร์จบ แล้วแจ้งให้เขาทราบหน่อยก็ถือว่าเป็นมารยาท แล้วกัน
คิดไม่ถึงพอโทรไป เตชิตก็ไม่ปล่อยเธอไป ง่ายๆ โมโหสั่งสอนเธอไปชุดใหญ่ บอกว่าเธอ ไม่มีน้ำใจเลย และดันจะให้เธอชดใช้หนี้ก่อน หน้านั้นให้ได้
ช่วงนี้มีเวลาว่างพอดี พิงกี้เลยตอบตกลง ก็ แค่เล่นเกมส์ไม่ใช่หรอ?
ก็ถือซะว่าผ่อนคลายอารมณ์แล้วกัน!
พิงกี้โพสต์หนึ่งข้อความว่าจะปิดเครื่อง ปิด เครื่องไปก็อยู่ที่วิลล่าของเตชิตสองวันสองคืน ติดต่อกัน สุดท้ายโหมเล่นเกมส์จนจะอ้วกแล้ว ถึงได้ฝืนใช้หนี้คืนให้เตชิต ต่อไปก็ไม่มีอะไรติด ค้างแล้ว!
กลับห้องเช่าเล็กๆของตนเองด้วยหมี แพนด้าคู่นึง พิงกี้กลับมาถึงห้องก็เริ่มหลับ หลับ จนถึงช่วงเที่ยงของวันที่สองถึงตื่น ดีที่อายุน้อย ก็คือต้นทุนชีวิตที่ดี หลังจากพักผ่อนเต็มอิ่มกั รู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
เวลาต่อจากนี้ พิงกี้ส่งกับข้าวไปให้ยาย สมศรีที่โรงพยาบาลทุกวัน
ทุกวันพูดคุยกันปกติ แต่อารมณ์ของพิงกี้ กลับเปลี่ยนเป็นมืดมนลงไปทีละนิดๆ ในตอนที่ ยายสมศรีไม่ได้สังเกตุเห็น สายตาที่มองเธอก็ เปลี่ยนไปเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่…….
หลายวันแล้ว ยายสมศรีไม่เอ่ยถึงชื่อของ ณรงค์กรเลยสักครั้ง นี่มันปกติหรอ?
ก่อนหน้านั้นแทบจะถามความคืบหน้าของ เธอกับณรงค์กรทุกวัน แทบอยากจะให้เธอกับ เขารีบแต่งงานมีลูกเดี๋ยวนี้เลยถึงจะดี แต่ตอน ยายกลับปิดปากไม่เอ่ยถึงณรงค์กรเลย เป็น เพราะว่ายายรู้อะไรรึเปล่า?
หรือว่า………งค์เข้าใกล้เธอ ยายสมศรีรู้ ตีตั้งแต่แรกแล้ว?
ยิ่งคิดพิงกี้ยิ่งรู้สึกสะเทือนขวัญ
หลอกตนเองนี่มันยากจริงๆ
ที่จริงเธอไม่ใช่คนที่จะเก็บซ่อนเรื่องราวไว้ ในใจเก่ง แต่เพราะเรื่องเกี่ยวโยงถึงคนใกล้ชิด ของตนเอง ความวิตกกังวลกับผลได้ผลเสียที่ อยู่ในใจไม่นานก็เปลี่ยนเป็นความวู่วาม ลังเล มาหลายวันก็ยังอยากถามคำถามคาใจให้มัน กระจ่าง
วันนี้ตอนที่เตรียมจากไป เธอเองก็เดินไป ถึงหน้าประตูห้องผู้ป่วยแล้ว แต่แล้วก็ได้ย้อน กลับมาใหม่อย่างไว ยืนอยู่ข้างเตียงยายสมศรี ดวงตาที่ใสสะอาดบริสุทธิ์จ้องมองเธอและ ถาม “ยายคะ ทำไมหลายวันมานี้ยายไม่พูด ถึงณรงค์กรเลย บอกสาเหตุให้หนูฟังหน่อยได้ มั้ย?”เธอไม่ได้พูดอ้อมค้อม แต่ถามตรงไปเลย
ไป
“ยาย…..” ยายสมศรีลังเลไปครู่นึง “เอ่อ คือ ยายรู้เรื่องของณรงค์กรหมดแล้ว ลิสาเป็น คนบอกยาย พิงกี้เอ๊ย เรื่องนี้ยายเป็นคนผิดเอง ยายดูคนผิดไปเอง!