คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ - 158 ตรวจสอบเรื่องแปดปีที่แล้วหน่อย
ฟังก์สีหน้าย้มแย้ม
ตอน จับมือทักทายมือที่นุ่มนวลของเธอ แววตาของเจษฎามีเสี้ยววินาทีนึงที่เบลอๆ
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้แตกต่างกับที่เธอ จินตนาการไว้นิดหน่อย
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เจอหน้าจังๆของพิงกี้ เขาคุ้นเคยกับหน้าเธอมาก แม้กระทั่งยังเคย เห็นตอนเธอเต้นรำร้องเพลงเด็กอย่างหน้าบึ้ง ด้วย แต่ว่าตอนนี้ตอนที่ตัวเป็นๆโผล่มาอยู่ตรง หน้าเขาแล้ว เขาก็ยังอึ้งในความสวยของเธออีก เช่นเคย
จู่ๆในใจของเขารู้สึกโชคดี
ถึงผู้หญิงเมืองนอกจะเป็นคนเปิดเผยมี มิตรไมตรีขนาดไหนก็เถอะ
แต่ที่เขาชื่นชมก็ยังเป็นความสวยแบบนี้ แบบที่ยังมีความเป็นกุลสตรีอยู่ ผู้หญิงที่สวยแต่ ยังไม่ทิ้งขนบธรรมเนียม ความรู้สึกแบบนี้มีแต่ในประเทศถึงจะสัมผัสได้
ไม่งั้นถึงเขาจะไม่ให้ความสําคัญกับเรื่อง ความต้องการยังไง ตอนอยู่เมืองนอกเขาก็ไม่มี ทางที่จะไม่มีข้อเรียกร้องเรื่องระหว่างชายหญิง เลย
แต่ว่าในใจเขาชื่นชมแบบนี้ก็ไม่ได้แปลว่า เขามีความคิดเรื่องชายหญิงกับพิงกี้นะ นี่เป็น ความแค่ความชื่นชมและทอดถอนใจเล็กน้อย เท่านั้นเอง ตอนนี้เขาแค่เห็นเธอเป็นเพื่อนที่ดี และจะคบกันต่อไปเป็นเพื่อนเฉยๆ
สังเกตุเห็นการสํารวจดูของเจษฎา พิงกี้พูด ตรงๆมาก “เจอตัวจริงฉันครั้งแรก รู้สึกว่าฉันไม่ ได้ชื่อบื้อเหมือนในคลิปแล้วใช่ไหมล่ะคะ? แต่ ฉันจะแก้ตัวให้ตนเองนะ ไม่ว่าผู้หญิงที่สวยสง่า คนไหนร้องรำทำเพลงอยู่บนหน้าจอ ก็ไม่มีทาง เต้นออกมาได้สวยงามหรอกค่ะ!
เจษฎายิ้มเล็กน้อย “อ๋อ ที่คุณท่านั่นคือ กำลังเต้นรำร้องเพลงอยู่เหรอ? ผมนึกว่าคุณกำลังสู้รบฟันแทงอยู่
พิงกี้” ..….….….”
“คลิปที่ส่งมาทุกครั้งต่างก็มีความอาฆาต มาก” เจษฎาพูดเพิ่มเติม
“ฮ่า ฮ่า” พิงกี้อดหัวเราะไม่ได้ รู้สึกว่าก็ใช่
นะ
เธอก็โตขนาดนี้แล้ว ถึงแม้ทุกครั้งรับปาก ค่าตอบแทนของจิ้งจอกลับเธอต่างก็รับปาก อย่างสะใจ แต่เรื่องขายหน้าเธอก็ทำอย่างไม่ ค่อยเต็มอกเต็มใจสักเท่าไหร่ ทำเรื่องที่ขาย หน้าร้องรำทำเพลงแบบนี้ เธอรู้สึกว่าเป็นประวัติ เสียของตนเองแท้ๆ
คิดถึงตรงนี้ จู่ๆเธอลืมตาโต “เฮ้ย คุณไม่ ได้อัดคลิปประวัติเสียของฉันไว้มั้งคะ?”
เจษฎาคิดถึงไฟล์งานที่เซฟคลิปเกือบจะ หกสิบคลิปของเธอไว้แล้ว เขาส่ายหัวอย่างเป็นธรรมชาติมาก “ไม่ได้อัดไว้ครับ”
“จริงนะ?”
“แน่นอน ครับ
มองดูสีหน้าเรียบเฉยของเจษฎา พิงกี้ก็ รู้สึกวางใจแล้ว
คุยไปคุยมา ความตื่นเต้นที่อยู่ในใจของพิง ก็ค่อยๆจางหายไปอย่างไม่รู้ตัว
สีหน้ายิ้มแย้มบนใบหน้าก็ยิ่งอยู่ยิ่ง ธรรมชาติขึ้นมา
สาเหตุอาจจะ
เพราะ“หนังสือพิมพ์”และ“กาแฟ”ในมือของ เจษฎา ทำให้เธอเปิดใจรู้สึกว่าความเก้อเขิน และความตื่นเต้นที่เขาพามาในการเจอกันครั้ง แรกน้อยลงไปเยอะมาก และมีความชิวๆและ ผ่อนคลายเพิ่มขึ้น
และอาจจะเพราะ ร้องรำทำเพลง เรื่องนี้ ตึงความสัมพันธ์ของพวกเขาให้ใกล้ชิดขึ้น พูด คุยกันก็มีความตลกขบขันเหมือนก่อนหน้านั้นที่ คุยกันในเน็ต
สรุปก็คือ………..
พิงกี้ดีใจมากที่มีเพื่อนแบบนี้เพิ่มขึ้นอีกคน เพื่อนที่ไม่เพียงแค่จำกัดอยู่แต่ในเน็ตเท่านั้น
“คุณจะอยู่ในประเทศยาวเลยมั้ยคะ?ยังจะ กลับอังกฤษมั้ยคะ?” ถ้าเจษฎากลับในเร็วๆนี้ พิงกี้จะรู้สึกเสียใจไม่น้อย
“ไม่ครับ ต่อไปผมจะอยู่ในประเทศยาว เลย เพราะฉะนั้นผมจะรักษาเพื่อนที่ดีอย่างคุณ ไว้ครับ” เจษฎายกแก้วขึ้นและอธิบายคำนึง “เพราะฉะนั้น จะชนแก้วให้กับมิตรภาพของเรา มั้ย?”
“Cheers!”
พิงกี้หยิบแก้วขึ้นมาชนกับเขาเบาๆ เพราะ การชนแก้วทําให้กลิ่นหอมของไวน์โชยออกมา ลําแสงที่แผ่มาจากขอบแก้วสะท้อนอยู่ในแววตา ของพิงกี้ ทำให้ดวงตาที่แวววาวบริสุทธิ์ของเธอ ยิ่งดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีก
ผู้หญิงหน้าตาสะสวย ผู้ชายสุขุมหนักแน่น ตอนที่พวกเขาสบตายิ้มให้กัน เหมือนกับว่ามีไฟ สปอร์ตไลท์ส่องมาที่บนตัวพวกเขา ทำให้คน ห้ามใจไม่ได้ที่หันไปมอง
คนที่นั่งทานอาหารอยู่รอบๆอดไม่ได้ที่จะ แอบติดตาม และอดถอนหายใจไม่ได้ ภาพนี้ก็ ถูกคนที่แอบอยู่ในมุมมืดถ่ายไว้อย่างไม่ให้ซุ่ม ไม่ให้เสียง
เจอหน้ากับจิ้งจอกลับ ไม่ ตอนนี้ต้องเรียก เจษฎาแล้ว หลังจากเจอหน้ากับเขาแล้ว พิงกี้ อารมณ์ดีมาก
เธอเป็นคนที่ให้ความสําคัญกับ สัมพันธไมตรีมาก ตอนเธอเด็กชายสมศร กับ เธอ เธอก็ยังยอมอดทนกับความล่ามากเพื่อหา ค่ารักษาให้ยาย ตระกูลกิจโอสถเคยให้ความ รักความอบอุ่นเธอ เธอก็ยิ่งยอมกล้ำกลืนฝืนทน ไว้ก็ไม่อยากให้มานพมีผลกระทบเพราะเธอ
ส่วนเจษฎาก็เหมือนกัน
เธออยากรักษาเพื่อนที่คุยกันในเน็ตมา หลายปีคนนี้ไว้ ก็เพราะแบบนี้ ก่อนเจอหน้าถึง ได้รู้สึกใจตุ้มๆต่อมๆ เกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ พอเจอหน้าก็ผิดหวังไม่เหมือนที่คาดเอาไว้ และ ทิ้งความทรงจำที่ไม่ดีไว้กับเจษฎา ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อไปก็ไม่สามารถเป็นเพื่อนกันแล้ว
ตอนนี้ทุกอย่างต่างก็ราบรื่นดี!
พิงกี้อารมณ์เบิกบาน แม้แต่เดินยังนำพา ความรื่นรมย์มาด้วย อากาศที่ร้อนอบอ้าวก็ไม่ กระทบอารมณ์ที่แจ่มใสของเธอ
ส่วนเจษฎาเองก็อารมณ์เหมือนกัน แต่
หลัง นรถ เขาก็สั่งการให้ผู้ช่วยส่วนตัว “ไปตรวจสอบคุณพิงกี้หน่อย โดยเฉพาะเรื่อง แปดปีที่แล้ว ตรวจให้ระเอียดหน่อย ตรวจสอบ ได้แล้วรีบมารายงานฉัน”
ผู้ช่วยส่วนตัว(วิชัย)อึ้งไปครู่นึง คิดถึง ใบหน้า สวยโดดเด่นของพิงกี้ เขานึกว่าตนเอง พอเดาออกได้บางอย่าง
“ยังต้องไปตรวจอะไรอีกครับ เรื่องพวกนี้ ผมรู้หมด! ผมได้ยินมาว่าตั้งแต่เด็กคุณพิงกี้ถูก สลับตัว ถูกคนของตระกูลบุญถาวรเลี้ยงมาจน โต เรื่องในนี้สลับซับซ้อนมาก ผมว่านะ……
“ฉันรู้”เจษฎาใช้สายตาตักเตือนวิชัยเบาๆ ไปทีนึง “นายนึกว่าระหว่างสัมพันธ์ของฉันกับ เธอ ฉันจะไม่รู้เรื่องที่นายพูดหรอ?”
ในความเป็นจริง พิงกี้นับว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดี เรื่องหลายเรื่องเขาได้ยินและรู้ดีกว่าคนส่วน ใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น บางครั้งเขายังเป็นผู้เข้าร่วม ที่แท้จริงด้วย รวมถึง…….. …..เรื่องที่ผู้หญิงคนนี้ จีบเควินอย่างน่าชื่นตาบาน
นึกถึงเรื่องที่เมื่อก่อนพิงกี้ทำแบบโง่ๆแล้ว ทำให้เขาอดขำไม่ได้
แววตาที่มีความเอ็นดูโผล่ขึ้นมาเล็กน้อย
เขาเป็นแค่ลูกนอกสมรสที่เจอผู้คนไม่ ได้ ตอนเด็กก็ถูกตระกูลสมุทรเทวาไล่ไปอยู่ ที่อังกฤษ เขาไม่ค่อยมีความผูกพันกับทาง ครอบครัว และไม่ค่อยได้ติดต่อกับตระกูล สมุทรเทวาเท่าไหร่ รวมถึงพ่อของเขาด้วย
ส่วนพิงกี้ที่ตัวเล็กซุกซน ตอนที่เขาเห็นเธอ เขาก็นึกถึงน้องสาวที่ขี้อ้อนแต่กลับเสียชีวิต เพราะอุบัติเหตุตั้งแต่เด็กของเขา นั่นเป็นคน เดียวที่เขายอมรับว่าเป็นญาติ
ก็เพราะเหตุนี้ในใจถึงได้มีความรู้สึกที่อยากชดเชย ที่จริงเขาค่อนข้างตามใจฟังมาก
ถึงวิชัยถูกรังเกียจด้วยสายตา แต่เขาก็ไม่ กลัวจะทำให้เจษฎาโมโห เขากับเจษฎาถึงเป็น ฐานะเจ้านายกับลูกน้อง แต่ก็ยิ่งเป็นเพื่อนพี่น้อง ที่ดีต่อกันมากกว่า ปกติหยอกล้อเล่นกันก็ไม่ เป็นไร
เขาถามด้วยความสงสัย “แล้วคุณยังให้ ผมตรวจสอบอีก เพราะที่คุณรู้ยังไม่ระเอียดพอ หรอ? จู่ๆทำไมคุณถึงประหลาดใจเรื่องของคุณ พิงกี้ขึ้นมาล่ะ……….ห้า! คุณคงไม่ใช่ชอบเธอ เข้าแล้วมั้ง?”
“หุบปาก!” ทันใดนั้นอารมณ์ดีของเจษฎา ก็ปลิวหายไป เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ให้นาย ไปตรวจก็ตรวจสิ พูดจาไร้สาระเยอะแยะขนาด นี้ทำไม นายยังอยากกลับไปอยู่อังกฤษต่อใช่ มั้ย?”
“ไม่อยากแล้วครับๆ! ” วิชัยหัวเราะและไม่
กล้าถามต่ออีกเจษฎามองดูวิวที่ถอยหลังไปเรื่อยๆ นอกกระจกรถ แววตามีใบหน้าที่สะสวยของ พิงกี้โผล่ขึ้นมา มองจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับ
เขาสั่งการอีกที “เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ ตรวจสอบแค่เรื่องแปดปีก่อนเธอเคยถูกลักพา ตัวรึเปล่า?”
“ครับ!” ครั้งนี้วิชัยตอบอย่างเด็ดขาดเลย