คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ - 162 เควินมาแล้ว
นาฬิกาเดินต็กตอกๆไปเรื่อยๆ พิงกี้นั่ง เงียบๆอยู่ตั้งนาน ยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกห้องเล็กๆห้องนี้ อ้างว้างมาก
อ้างว้างจนเธอรู้สึกเหงามาก
ลุกจากโซฟา เตรียมเอาเสื้อจะไปอาบน้ำ แล้วนอน คิดไม่ถึงว่าเสียงกริ่งประตูกลับดังขึ้น
“ใครคะ?”พิงกี้เดินมาตรงประตู และถาม
ตาแมวของประตูเสียไปแล้ว เธอมองมอง ไม่เห็นข้างนอก ได้แต่ถามแบบนี้
เธอเพิ่งย้ายมานี่ได้ไม่นาน นอกจากน้ำ หวาน น่าจะไม่มีใครรู้ว่าเธอพักที่นี่ถึงจะถูกสิ ไม่ ไม่ถูก…..พวกที่ส่งณรงค์กรมาก็รู้ที่นี่ แถมยัง มาแบบไม่หวังดีด้วย
คิดถึงจุดนี้ ทันใดนั้นพิงกี้เริ่มเตรียมการ ป้องกันตัวขึ้นมา มือหยิงโทรศัพท์ไว้และกด เบอร์แจ้งความไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าสถานการณ์ ข้างนอกผิดสังเกตก็จะได้โทรแจ้งความเลย
แต่ที่ทําให้เธอคิดไม่ถึงคือ นอกประตูมี เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา
“ฉันเอง”
เสียงทุ้มต่ำที่เสนาะหูก้องผ่านมาจากประตู
พิงกี้อึ้งไปครู่นึงและถามอย่างไม่กล้าที่จะ เชื่อ “คุณคือใคร?”
“เควิน”
พิงกี้ “
คนๆนี้นี่ ทำไมถึงมาเวลานี้ได้?
หรือว่าเขามาคิดบัญชีกับเธอ?
เธอเปิดประตูอย่างจับผลัดจับผลู แต่แล้ว เธอก็เห็นผู้ชายสูงใหญ่ที่ยืนอยู่นอกประตู สัมผัสได้ถึงดวงตาที่คมเข้มของเขา เย็นจน ราวกับว่าจะกลืนกินคนได้ ทันใดนั้นเธอตื่นตกใจ ตอนที่อยากปิดประตู ผู้ชายกลับใช้มือ ข้างเดียวขวางอยู่ที่ประตู เขาขัดขวางท่าทาง ของเธอได้อย่างง่ายดาย
“นี่คุณ คุณปล่อยนะ!” พิงกี้ตื่นเต้นเล็ก น้อย “เมื่อวานคุณบอกว่าจะปล่อยฉันไม่ใช่ และจะไม่มาหาฉันอีกไม่ใช่หรอ ทําไมวันนี้ก็ กลับคําพูดแล้วล่ะ?”
เควิน”.
พิงกี้”..
“ถอยไป” ผู้ชายพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เสียงของเธอเปยให้เห็นถึงการไม่อาจปฎิ เสธ มีความรู้สึกที่หนาวจนทิ่มแทงเข้าไปใน กระดูก ราวกับว่าถ้าขัดขืนคำสั่งเขาเป็นเรื่องที่ น่ากลัวมาก
จิตใต้สำนึกทำให้พิงกี้อยากถอยหลัง แต่ เธอกลับไม่ยอมง่ายๆ และเงยคางขึ้นเล็กน้อย“ไม่ถอยแล้วจะทําไม
“ถอยไป!”
“ที่คุณมาวันนี้ เพราะเห็นรูปที่คนอื่นส่งดู แล้ว ตั้งใจมาจับฉันกับณรงค์ใช่ไหม? แต่เสียใจ ด้วย เมื่อครู่รถฉุกเฉินมา ฉันนำตัวเขาส่งไปที่ โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คุณจะจับคา หนังคาเขาก็ไม่มีให้จับแล้ว! ”
สายตาของพิงกี้เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
“ลําบากท่านประธานวิ่งเสียเที่ยวแล้วนะคะ ต้องขออภัยด้วยจริงๆ
เดิมทีการเจอหน้ากับณรงค์กรในวันนี้ก็ ทำให้เธอไม่สบายใจอยู่แล้ว ตอนนี้เห็นเควิน เต็มไปด้วยความเยือกเย็น และหน้าบูดบึงหามา ถึงที่ ในใจเธอยิ่งรู้สึกไม่ไม่มีความสุขเข้าไปอีก นี่ทําให้เธออยากประชดประชันเขา ให้เขาก็ไม่ สบายใจไปด้วย!
คอยดูซิว่าเขาจะทำยังไง!
เควินไม่ได้คิดจะทําอะไร เขาแค่ก้าวเท้า ใหญ่เดินเข้ามาในห้อง รูปร่างที่สูงใหญ่พุ่งมาที่ ข้างหน้าอย่างเดียว เหมือนกับว่าด้านหน้าไม่มี สิ่งกีดขวางใดๆทั้งสิ้น
“เฮ้ย นี่คุณทำอะไรน่ะ?” ดูทั้งสองใกล้จะ ชนกันอยู่แล้ว พิงกี้เองก็ถอยหลังก้าวนึงด้วย ความกลัว เควินก็เข้ามาที่ห้องได้อย่างง่ายดาย และล็อคประตูไปทีเดียวด้วย
พิงกี้ “
นาฬิกายังเดินไปเรื่อยๆ ในห้องเงียบสงบ มาก ทั้งสองยืนอยู่หน้าแระตูจ้องหน้ากันไปมา บรรยากาศรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย
“คุณออกไปเลยนะ!”
“เหอะ….…….”
“ในเมื่อมาแล้ว งั้นก็เปลี่ยนรองเท้าด้วย ฉันไม่อยากถูกพื้นใหม่อีกรอบนะจะบอกให้”
สักพัก ฟัง ถึงยอมประนีประนอม เธอก้ม ตัวหยิบรองเท้าผู้ชายที่อยู่ในตู้ออกมาคู่นึง และ โยนไปที่ตรงหน้าของเควิน วันนี้เธออารมณ์ไม่ ค่อยดี ไม่อยากทะเลาะกับอารมณ์ฉุนเฉียว
เควินไม่ขยับ
เธอมองเขาด้วยความแปลกใจ พริบตา เข้าใจแล้ว “คุณใส่แบบวางใจเถอะค่ะ รองเท้า คู่นี้คือของใหม่ ยังไม่เคยมีใครใส
“เธอซื้อไว้ให้ใคร ที่นี่ยังมีผู้ชายคนไหน เคยมาอีก?” เควินไม่ขยับอีกเช่นเคย เพียงแค่ ถามด้วยเสียงที่เย็นชา
ถ้าเมื่อครู่เขายังสามารถเก็บงำอารมณ์ที่ ดุร้ายไว้ได้ งั้นตอนนี้เขายิ่งน่ากลัวเข้าไปอีก
…….คุณสงสัยฉัน?” พิงกั้นหยุดนิ่งไป ครู่นึง ทนแล้วทนอีกสุดท้ายก็ทนไม่ไหว เธอ ไปที่ประตูด้วยความโมโหจนหน้าแดง “ฉันซื้อ ให้ใครใส่มันเกี่ยวอะไรกับคุณ อยากใส่ก็ใส่ ไม่อยากใสก็ออกไป! ที่นี่เป็นห้องของฉัน ไม่ใช่ วิลล่าใหญ่โตของคุณ ฉันไม่ตามใจคุณหรอก!
เพราะที่ห้องมีแค่เธอที่เป็นผู้หญิงตัวคน เดียว ดังนั้นเธอจึงตั้งใจซื้อรองเท้าของผู้ชาย มาวางไว้ และยังวางรองเท้าที่น้ำหวานเอามา อยู่นอกประตูอีกคู่นึง เธอตั้งใจเอารองเท้าคู่เก่า ของมานพมาวางไว้ ก็เพื่อจะบอกให้คนอื่นรู้ว่า ในห้องนี้มีผู้ชายอยู่นะ ทำให้ขโมยกับโจรก็ไม่ กล้าเข้ามา ก็ถือว่าเป็นกันป้องกันตัวอย่างนึง
ตอนนี้เควินกลับมาถือสาเธอเรื่องที่มาของ รองเท้า เธอก็รู้สึกเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้ว
เธอรู้สึกโชคดีเล็กน้อยที่เขาไม่เห็นรองเท้า หนังที่อยู่นอกห้อง ไม่งั้นยังไม่รู้ว่าเขาจะซักถาม เธอยังไงเลย!
อ๋อ ไม่ถูกสิ ตอนนี้พวกเขากลายเป็นคน แปลกหน้าไปแล้ว เขามีสิทธิ์อะไรมาซักถาม เธอ?
เธอไม่สนว่าเขาจะถือว่าหรือไม่ถือสา
หรอก!
คิดถึงจุดนี้ พิงกี้ก็ยิ่งใส่สีหน้าให้เควินอีก
เควินมองดูพิงกี้สีหน้าเดี่ยวเปลี่ยนเป็นอีก แบบนึง ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ในใจ รู้แค่ว่ามีท่าที ยิ่งอยู่ยิ่งดุกับเขาคือเรื่องจริง
“พิงกี้ เธอจะเอายังไงกันแน่?” เขาถาม ด้วยเสียงเย็นบา
“ฉันจะเอายังไงกันแน่? ฉันอยากถามคุณ มากกว่านะ! เมื่อวานเราก็พูดอย่างชัดเจนแล้ว ต่อไปคุณปล่อยฉันไป ฉันก็ปล่อยคุณไป ชาติ นี้ถึงเราตายก็จะไม่เจอหน้าไม่ติดต่อ คุณคง ไม่ใช่ลืมไป
แล้วมั้ง?”
“ไม่ได้ลืม!”
เควินม้มปากไว้อย่างเงียบขรึม
“ในเมื่อคุณยังจําได้ งั้นคุณบอกหน่อย ว่า วันนี้คุณมาหาฉันมีธุระอะไร พูดจบก็ไปซะ ถ้า ไม่มีธุระอะไร งั้นรบกวนคุณไปเดี๋ยวนี้เลย!”
พิงกี้รู้สึกสมองตนเองเพี้ยนอีกแล้ว
อยู่ดีๆเปิดประตูให้เขาทำไม ปล่อยให้เขา เข้ามาได้แบบง่ายๆเลย นี่ไม่ใช่หาเรื่องใส่ตัว หรอ? ห้องที่เล็กๆแคบๆ เขาเข้ามาปุ๊บราวกับว่า ทั้งห้องยิ่งเล็กเข้าไปใหญ่ เธอรู้สึกอึดอัดจะแย่ อยู่แล้ว!
“เธออยู่กับเตชิตมาสองวันสองคืนจริงเห รอ?” เควินกลับถามเรื่องนี้
“ใช่”
“ผู้ชายแปลกหน้าที่ทานข้าวกับเธอคือ
ใคร?”
“มันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย
“พิงกี้! ทำไมแม้แต่ณรงค์กรเธอยังให้อภัย ได้ แต่กลับไม่ให้สีหน้าดีๆฉันดูบ้าง?!” บีบข้อ มือของพิงกี้ไว้ เควินเข้าใกล้เธอ แววตาที่เต็มไป ด้วยความโกรธจ้องเธอไว้ “เธอไม่มีหัวใจรึยัง ไง?”
“ทำไมฉันจะไม่มีหัวใจ?”
“ถ้าเธอมีใจ ทําไมต้องทำกับฉันแบบนี้?”
“ฉันทำกับคุณยังไง?ฉันไปขัดขวางการ รับตำแหน่งใหญ่โตหรือว่าขัดขวางไม่ให้คุณ รวยอู้ฟู่ หรือว่าขัดขวางไม่ให้คุณกอดสาวสวย ฉันไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ฉันไม่โง่ยอมรับการ ควบคุมของคุณหรอก!” ระหว่างพูด พิงกี้ก็รู้สึก หงุดหงิด