คุณทนาย จดทะเบียนสมรสกัน - ตอนที่ 4 เขาคือประธานเตชิต
นัชชาเร่งรีบออกจากนิเวศน์วิลล่าอย่างทันควันและไม่ต้องพูดถึงสัมภาระต่างๆเลยเพราะนอกจากเสื้อผ้าที่เธอใส่อยู่ก็ไม่ได้เอาอะไรออกมาด้วยเลย มาแต่ตัวก็ไปแต่ตัวแบบนั้นแหละ และนี่มันยิ่งทำให้เธอนึกถึงภาพเมื่อหนึ่งปีก่อน
ตอนที่เดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนนเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ แต่เธอไม่ได้บอกแม่ของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอต้องคอยเก็บอาการเอาไว้จนคุยโทรศัพท์เสร็จ เธอนั่งอยู่ในร้าน KFC ตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนเย็น
แต่ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว เธอโทรศัพท์หาจินต์เพื่อนสนิทอีกคนของเธอ
ทันทีที่โทรศัพท์ถูกเชื่อมต่อนัชชาก็ทรุดลงกับพื้น เธอร้องไห้จนพูดไม่เป็นภาษาจับใจความไม่ได้เป็นประโยค ได้แต่พูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ ฉันจะหย่า ฉันต้องการจะหย่า…
หลังจากที่จินต์ถามว่าเธออยู่ไหนเพื่อจะออกไปหาในระหว่างทางที่มาก็คุยกับเธอตลอดจนมาถึงร้าน ก็เห็นเธอนั่งอยู่ข้างนอกคนเดียวในซอกซอยมืดๆ จินต์เจ็บปวดใจอย่างมากเขาเดินไปแล้วกอดเธอไว้ในอ้อมกอดแน่น นัชชา ฉันมาแล้ว
สองคนไม่ได้พูดอะไรกัน นัชชาเอาแต่ร้องไห้มาตลอดทางเช็ดน้ำตาจนแห้งแล้วแห้งอีก จากนั้นจินต์ก็พาเธอมาที่คอนโดที่เป็นคอนโดทำเลดี สำหรับจินต์แล้วเรื่องครอบครัวเป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับเธอ
ค่อยๆ พูดนะ สรุปแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น จินต์ยื่นน้ำร้อนให้เธอ นัชชาเปิดใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง จินต์ฟังเสร็จก็ได้แต่ถอนหายใจ นัชชา ถ้าเรื่องที่ดวิษนอกใจเธอ ฉันไม่แปลกใจเลย เธอเชื่อไหม ?
นัชชาไม่เข้าใจในคำพูดนั้นเท่าไหร่ เธอขอให้เขาพูดอีกครั้ง ตอนนั้นที่พวกเธอแต่งงานกันมาได้ประมาณซักครึ่งปี ในวันที่พวกเราออกไปกินข้าวด้วยกัน แล้วเธอให้ดวิษมารับ ในระหว่างทางที่มาส่งฉันกลับบ้าน เขาขอเบอร์โทรศัพท์ของฉันแต่ฉันไม่ได้ให้ไปหรอกนะ ตอนนั้นฉันก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเขาหมายความว่ายังไงแต่รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย อีกอย่างพวกเธอสองคนแต่งงานกันแล้ว ฉันก็ไม่กล้าพูดอะไรมากกลัวว่าจะเข้าใจผิดไปเอง แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีอะไรกับปณิตา
นัชชาอึ้งไปครู่หนึ่ง แสดงว่าดวิษเริ่มสนใจเพื่อนสนิทของเธอมาตั้งนานแล้ว
นัชชาเรื่องหย่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ทำให้มันจบๆลงไปเลยดีกว่า แม้จินต์พูดแบบแรงๆและตรงไปตรงมา แต่มันก็ถูกต้องตามที่เธอพูดจริงๆ คุณจรรยาทำท่าหยิ่งยโสใส่เธอใช่ไหม ? เพราะเขาเห็นเธอเป็นเหมือนลูกพลับที่อ่อนนุ่มไร้ซึ่งพิษสงเธอต้องหัดมีปากมีเสียงบ้างนะ ที่บริษัทของพ่อฉันมี ทนายความจากเตนัทลอว์เฟิร์มพอดี เดี๋ยวฉันให้เขาไปถามให้
ฉันต้องฟ้องหย่าดวิษใช่ไหม ? พูดถึงเรื่องนี้นัชชาก็ค่อนข้างหนักใจ ฉันกลัวแค่ว่า ฉันจะไม่มีเงินจ่ายค่าเดินเรื่องมากพอ…
สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือจิตใจ ยังไงซะการขึ้นศาลกับคนที่เคยรักที่สุดมันก็ยังโหดร้ายเกินไปสำหรับคนเคยรักกัน ไม่สิโหดร้ายมากสำหรับเธอที่รักเขามากฝ่ายเดียว
นัชชา อย่าโง่ไปหน่อยเลย แค่นี้เธอก็ยอมแพ้แล้วเหรอ ? เธอมานั่งเศร้าอยู่ตรงนี้แต่สัตว์นรกสองตัวนั้นมีความสุขอยู่แบบนี้มันใช้ได้งั้นเหรอ มีสติหน่อยสิ จินต์ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เรื่องนี้ฉันจะถามให้เธอเอง เมื่อถึงเวลาเธอค่อยไปหาทนายโดยตรง ฉันบอกเธอได้แค่ว่าถ้าตอนนี้เธอยังไม่คิดถึงตัวเอง ต่อไปก็อย่ามาร้องไห้เสียใจทีหลังกับฉันอีกนะ
……
วันที่สอง ภายใต้การแนะนำของจินต์ นัชชาไปที่เตนัทลอว์เฟิร์ม สำนักงานกฏหมายระดับสูงที่ตั้งอยู่ในเมืองนี้ ทั้งสองชั้นเต็มไปด้วยทนายความที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศ ไม่มีทนายความคนไหนที่ไม่อยากเข้ามาทำงานในนี้ เพราะถ้าได้เข้ามาทำงานที่นี่ละก็เงินเดือนดีมีอนาคตที่ไม่มีขีดจำกัด
นัชชาไปหาทนายคนหนึ่งชื่อคุณทนายดรณ์ พนักงานต้อนรับบอกว่าอีกสักครู่ทนายดรณ์ถึงจะมา ให้เธอนั่งรอที่โซฟาก่อน
นัชชานั่งรอที่โซฟา เธอรู้สึกเบื่อเลยหยิบหนังสือบนโต๊ะมาเปิดดู ผ่านไปสักพักประตูก็ถูกเปิดออก มีคนจากข้างนอกเดินเข้ามาแล้วเขาก็ได้ยินเสียงคนตะโกน สวัสดีผู้จัดการเตชิต สวัสดีคุณทนายดรณ์
เมื่อได้ยินคุณทนายดรณ์ประโยคนี้ นัชชาก็เงยหน้าขึ้นมามองและเธอก็กวาดสายตามองไปยังอีกด้านหนึ่ง
นั้นเป็นใบหน้าที่เธอคุ้นมากเพราะเมื่อไม่นานมานี้เธอกับเขาพึ่งมีความสัมพันธ์ในเชิงอย่างว่านั้นกับเขามา ภาพจำในคืนนั้นแล่นผ่านเข้ามาในสมองอีกครั้ง ห้องสูท คืนที่มืดสนิท เตียงที่นุ่มๆ และเสื้อผ้าที่กระจัดกระจาย…
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ?!
เห็นได้ชัดว่าเตชิตก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะมาเจอนัชชาโดยบังเอิญที่นี่ เขาหรี่ตามองและหยุดเดินลงทันที พอดีกับที่พนักงานต้อนรับเดินมาบอก คุณนัชชาคะ นี่คือคุณทนายดรณ์ค่ะ
คุณดรณ์สวมแว่นตาคู่หนึ่ง อายุอานามประมาณสามสิบกว่าๆ รูปร่างดูแล้วอ้วนไปนิดหน่อย สวัสดีคุณนัชชา ยินดีมากที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณ เราเข้าไปคุยกันข้างในดีกว่าครับ
นัชชาอยากจะปฏิเสธมาก แต่สถานการณ์ข้างหน้าไม่เป็นใจเธอได้แต่พยักหน้า ได้ค่ะ
สำนักงานของคุณจะถูกใช้ในงานสัมมนาที่จะถึง เพราะงั้นมาจัดการเรื่องของผมก่อนเถอะ ทันใดนั้นเตชิตที่ยืนอยู่ข้างๆก็พูดขึ้น
บางทีคุณดรณ์คงจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดนั้นแต่ประโยคนี้เข้าหูของนัชชามันก็กลายเป็นความหมายอีกอย่างหนึ่ง เขาตั้งใจใช่ไหม ?
ทั้งสามคนเดินไปที่ห้องทำงานในระหว่างทางนัชชาเห็นทุกคนเรียกเขาอย่างสุภาพ ประธานเตชิต เขาไม่ได้เป็น ‘โฮสต์’ ในคลับ แต่เป็นท่านประธานของเตนัทลอว์เฟิร์ม เป็นคนใหญ่คนโตทางการบริหารและธุรกิจทั้งสองที่มีแต่คนเกรงขาม
เมื่อเข้ามานั่งตรงที่เก้าอี้ ร่างกายของนัชชาก็นั่งแข็งทื่อ
คุณนัชชาได้ยินมาว่าคุณต้องการจะฟ้องหย่า คุณสะดวกที่จะเล่าสถานการณ์ของคุณกับสามีตอนนี้ให้ฟังได้ไหม ? ทนายดรณ์สู่ประเด็นอย่างรวดเร็ว
นัชชาแอบมองไปที่เตชิต เห็นอีกฝ่ายก้มหัวอยู่ แล้วจึงตัดสินใจพูดเสียงเบาๆว่า ฉันกับสามีแต่งงานกันมาหนึ่งปีแล้ว แต่วันก่อนเขาพาผู้หญิงคนอื่นมานอนที่บ้านและที่สำคัญผู้หญิงคนอื่นที่ว่านั่นเป็นเพื่อนสนิทของฉันเองค่ะ แม่สามีของฉันก็รู้เรื่องนี้ทุกอย่างแต่ช่วยลูกชายของเขาปกปิดเอาไว้ มีแค่ฉันคนเดียวที่ไม่รู้อะไรเลย จนตอนนี้ฉันอยากจะหย่าแต่พวกเขาไม่ยอม
พวกคุณมีลูกด้วยกันไหมครับ?
ไม่มีค่ะ นัชชากัดริมฝีปาก เธอหยุดนิ่งไปชั่วครู่และพูดต่อว่า พวกเราไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ มีแต่ชื่อและใบทะเบียนสมรส แต่ไม่มีความจริงใจต่อกัน
ทนายดรณ์ดันแว่นขึ้น ซ่อนความประหลาดใจไว้ สำหรับคุณตอนนี้แล้วเรื่องหย่านั้นง่ายมาก แต่ผมอยากจะทราบคำร้องขอของคุณ
สายตาของนัชชามีความรังเกียจขึ้นมาทันที ฉันต้องการทำลายชื่อเสียงของสามีและต้องการต่อสู้เพื่อแบ่งทรัพย์สินสมรสค่ะ!
คุณดรณ์พยักหน้า ยังมีคำถามที่สำคัญกว่านี้ คุณมีหลักฐานว่าสามีของคุณนอกใจคุณไหมครับ ?
ครั้งนี้นัชชาตะลึงไปเพราะคำว่า หลักฐาน
เช่นข้อความ วิดีโอ หรืออาจจะเป็นอย่างอื่น ที่พอจะพิสูจน์ได้ว่าสามีของคุณมีคนอื่นจริงๆ
… ฉันไม่มีหรอกค่ะ
งั้นก่อนอื่นเลยนะครับ คุณจะต้องรวบรวมข้อมูลไว้ก่อนไม่อย่างนั้นจะเป็นการพูดไปแบบไม่มีหลักฐานจะไม่เป็นผลในชั้นศาลเอาได้ง่ายๆ เนื่องจากจุดประสงค์หลักของการฟ้องร้องคือต้องการชนะคดี ดังนั้นพวกเราจะต้องมีหลักฐานที่สามารถใช้ได้ก่อน
คำพูดของดรณ์เหมือนน้ำเย็นที่ราดลงมาใส่นัชชาเต็มๆ การพูดคุยจบลงเพียงเท่านั้นและไม่ได้ดำเนินการขั้นตอนต่อไปเพียงเพราะแค่คำว่าหลักฐานก็สามารถทำให้เธออึ้งไป แต่ก่อนจะออกไปจากห้องทันใดนั้นเตชิตที่ยืนข้างๆก็พูดขึ้นมา เดี๋ยวก่อนคุณนัชชา ผมมีคำแนะนำเล็กๆน้อยๆอยากจะบอกคุณ
ทุกคนรู้ว่าเตชิตไม่รับฟ้องคดีเรื่องการหย่าร้างแต่งงาน นี่ทำให้ดรณ์อึ้งไปสักพักจนต้องพูดว่ามีกิจอื่นๆต้องทำเลยขอตัวออกไปก่อน
ตอนนี้ในห้องทำงานห้องเดิมเหลือคนอยู่เพียงสองคน นัชชายืนอยู่กับที่ทั้งรู้สึกกดดันและเขินอาย ด้านหน้ามีผู้ชายนั่งอยู่ตรงเก้าอี้หนังใส่สูทที่เข้ากับตัวเขา
คุณต้องการหย่าเหรอ ? เสียงเข้มๆของชายคนนั้นดังมา