คุณสามีพันล้าน - บทที่ 002 ว่าจ้างแฟน
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 002 ว่าจ้างแฟน
“กริ๊งงงงง….”
โทรศัพท์เทวิกาดังขึ้นทันที
เธอควานหาโทรศัพท์พลางเหล่มองชื่อที่ปรากฏตามที่บันทึก จึงยิ้มพร้อมทั้งพูดกับยศพัฒน์อย่างขมขื่น “พฤติกรรมก่อกวนวกกลับมาอีกแล้ว ต้องเพราะไอ้ผู้ชายห่วยแตกคนนั้นไปฟ้องเรื่องฉันเมื่อกี้กับแม่สื่อแน่ๆ ค่ะ”
ตั้งแต่ที่เธอโดนคุณแม่สุดที่รักบีบบังคับให้เริ่มนัดบอด ราวกับหลังจากสิ้นสุดการนัดบอดทุกครั้งก็จะโดนคู่นัดบอดโทรมาฟ้องอยู่เสมอ
ใช่ว่าเธอหัวสูง เธอก็ไม่อยากเลือกยาก แต่เธอก็ไม่อยากฝืนทนให้ต้องยอมรับกับสภาพนั้นมากกว่า
การแต่งงานถือว่าเป็นเรื่องใหญ่โตของชีวิต ถ้าไปแต่งงานกับไอ้ผู้ชายห่วยแตก แถมยังต้องออกไปหาเงินเพื่อมาเลี้ยงดูครอบครัว และยังต้องพ่วงตำแหน่งเป็นแม่บ้านให้ฟรีอีกหนึ่งอัตรา สู้เธอไม่แต่งงานเสียดีกว่า
ยศพัฒน์หัวเราะทันที “เธอก็พูดกับคุณน้าให้ชัดเจนไปเสียสิ”
เทวิกาก่นบ่น “คุณแม่ฉันแทบจะไม่ฟังคำอธิบายจากฉันเลยค่ะ”
หลังจากบ่นเสร็จ เธอยอมจำนนพลางกดรับโทรศัพท์
จังหวะที่กดรับสาย อาการตีโพยตีพายของคุณนายแม่สุดที่รักก็ตวาดลั่นทันที “เทวิกา แม่บอกกับแกกี่หนแล้ว แกอายุยี่สิบสี่แล้วนะ ถ้ายังไม่รีบอีก ผู้ชายดีๆ ก็จะถูกผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าแกฉกไปครองหมด เลือกนักมักได้แร่ แล้วแกจะมานั่งเสียใจภายหลัง”
“คุณจณัตว์เขาดีขนาดนั้น แกก็ยังปฏิบัติต่อเขาอย่างเสียมารยาท การได้รับการอบรมของแก มันเสียหน้ามาถึงหน้าแม่ของแกนี่ ฉันไม่ได้สั่งสอนให้แกเที่ยวไปเขวี้ยงแก้วใส่คนอื่นเขา คุณจณัตว์เขาพูดมาถ้าแกยอมขอโทษเขา เขาจะยอมยกโทษให้แกและจะลองคบหาดูใจกับแกดู”
“ธาริกาอ่อนกว่าแกตั้งสองปี ยังแต่งเข้าตระกูลคนรวยเลย ฉันไม่ได้วิงวอนให้แกแต่งเข้าตระกูลคนรวย แค่วิงวอนให้แกหาผู้ชายสักคนและแต่งงานให้เร็วๆ ถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงที่ต้องให้ฉันมาคอยจ้ำจี้จ้ำไชเรื่องสำคัญของแกอยู่ทุกวัน”
เทวิกาฟังคำพูดระเบิดอารมณ์ของมารดาเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงกล่าวตอบอย่างหมดความอดทน “คุณแม่ หนูเพิ่งจะยี่สิบสี่ไม่ใช่สามสิบสี่นะ ถือว่าเด็กมาก พี่ชายหนูอายุยี่สิบเก้าแล้ว ทำไมยังไม่เห็นแม่เร่งรัดเขาสักที”
พิชญ์สินีพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ก็แม่เร่งรัดเขาไม่ได้นี่ไง”
เทวิกาทำหน้าเจื่อน เพราะว่าแม่เร่งรัดพี่ชายไม่ได้เลยมาทรมานเธออยู่งั้นสิ ความกตัญญูของเธอกลายมาเป็นการถูกทรมานจากคู่นัดบอด มันดูไม่ยุติธรรมกับเธอเลยใช่มั้ย?
“คุณแม่ คุณแม่คงไม่รู้ว่าคุณจณัตว์เขาห่วยแตกขนาดไหน สรุปคือ มันอธิบายยากมาก รอหนูมีเวลาแล้วค่อยพูดให้แม่ฟังนะ ถ้ายังอยากให้หนูไปขอโทษเขา ไปเจอคนประสาทอย่างเขา ต่อให้คนอย่างหนูเทวิกาขึ้นคานก็ไม่มีวันจะลองพิจารณาเขาใหม่ด้วยซ้ำ”
“อีกอย่างนะ ไม่เรียกว่าแต่งงานธาริกา ไปเป็นเมียน้อยคนอื่น อย่านึกนะว่าหนูไม่รู้ความจริง? ผู้ชายคนนั้นอายุเท่าพ่อเขาแล้ว แถมยังไม่ใช่เศรษฐีที่ไหนด้วย ก็แค่มีเงินนิดหน่อย มีตึกให้คนเช่าสองตึกเท่านั้น ถ้าอยากให้แต่งแบบนั้นก็ทำได้นะ —”
เทวิกาใช้มือป้องโทรศัพท์ พลันกระซิบถามยศพัฒน์ “ตระกูลมหาเศรษฐีในเมืองแอคเซสซ์ของเราที่เป็นเศรษฐีตัวจริงที่สุดคือตระกูลไหนเหรอคะ?
เมืองแอคเซสซ์เป็นเมืองอันดับหนึ่ง มีคนร่ำรวยมากมายนัก ชาวบ้านร้านตลาดอย่างเช่นเทวิกายังไม่รู้จริงๆ ว่าตระกูลไหนที่ร่ำรวยที่สุด และเป็นอภิมหาเศรษฐีที่สุด
ยศพัฒน์กดเสียงทุ้มต่ำเพื่อตอบเธอ “ตระกูลอริยชัยกุลเป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งของเมืองแอคเซสซ์ ถือว่าเป็นตระกูลอภิมหาเศรษฐีตัวจริง บริษัทในเครือของตระกูลของพวกเขาก็คือบี.เอ.เอ็ม. กรุ๊ป โดยมีกิจการกระจายสาขาอยู่ทั่วประเทศ”
เทวิกาพูดกับคุณแม่สุดที่รักทันที “มีปัญญาก็เรียกให้ธาริกาแต่งเข้าตระกูลอริยชัยกุลซะเลยสิคะ แต่ไปเป็นเมียเก็บของผู้ชายแก่ๆ แม่อิจฉาจนตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว หรือแม่อยากให้ลูกสาวของแม่อย่างหนูไปเป็นเมียเก็บของผู้ชายแก่ๆ อย่างงั้นเหรอคะ”
“ถุยๆ ลูกสาวฉันขายไม่ออกไปทั้งชีวิตก็ไม่อนุญาตให้ไปเป็นเมียน้อยของคนอื่นแน่”
พิชญ์สินีผรุสวาทออกมาประโยคหนึ่ง พลันออกคำสั่งกับเทวิกาทันที “พรุ่งนี้วันเสาร์ แกปิดร้านแกไปก่อน แล้วรีบกลับมาเพื่อไปเจออีกคน คุณยายเจ็ดของแกแนะนำมาให้ แม่เห็นรูปผู้ชายคนนั้นแล้ว โอเคเลยแหละ”
เทวิกา “…แม่ ขนาดจะแขวนคอตายยังสามารถสูดหายใจเข้าได้ นี่คุณแม่แทบไม่ให้เวลาหนูได้สูดหายใจเข้าปอดเลยนะคะ”
“ไม่อยากโดนฉันเร่งรัด แกก็ไปหาแฟนของแกเองสิ แม่ดูดวงให้แกแล้ว หมอดูบอกว่าถ้าปีนี้แกไม่แต่งงาน งั้นก็ไม่มีทางเจอเนื้อคู่ของแกแล้ว ต่อไปก็เป็นมนุษย์ป้าเหี่ยวเฉาจนตาย”
เทวิกา : …นี่แม่ก็ยังจะเชื่อเรื่องดูดวงเหรอเนี่ย
“เทวิกา นี่แกฟังฉันอยู่มั้ยเนี่ย? อย่าเอาโทรศัพท์วางบนโต๊ะแล้วปล่อยให้แม่พูดพล่ามให้เปลืองน้ำลายนะ”
“แม่ หนูฟังอยู่เนี่ย คำพูดของแม่ หนูจะกล้าขัดขืนได้ยังไงคะ แม่ หมอดูก็ดูดวงให้แล้ว จะตรงเป๊ะมั้ยมันต้องดูอนาคตนะ ถ้าดูเป๊ะจริงๆ ก็ต้องให้เขาช่วยดูหน่อยว่าพรุ่งนี้หวยออกเลขอะไร หนูจะได้มีบ้านขายบ้านมีรถขายรถซื้อเทหมดหน้าตักเลยค่ะ”
ยศพัฒน์คอยฟังการสนทนาของสองคนแม่ลูก พลันก้มหน้าหัวเราะเสียงทุ้มต่ำอย่างอดใจไม่อยู่ ตอนที่เทวิกาเหล่มองมาทางเขานั้น เขากระแอมอย่างรีบร้อน และแสร้งว่าตนเองกำลังไอแทน
การเอาใจคุณแม่สุดรักมันเป็นเรื่องที่ยากมาก หลังจากเทวิกากดวางสายแล้ว จนต้องเอาร่างกายท่อนนอนพาดบนโต๊ะ และแสดงท่าทางหมดอาลัยตายอยาก
“พี่พัฒน์คะ พี่ว่าวงเวียนชีวิตแบบนี้ของฉันเมื่อไหร่จะสิ้นสุดสักทีคะ? ช่วงนี้พอได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง ฉันก็ขนลุกซู่แล้วค่ะ”
เธอนั่งหลังตรง พลางจ้องมองยศพัฒน์ เพื่อเตรียมบ่นมารดาตัวเองอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง พลันสบตานัยน์ตาดำที่กำลังอมยิ้มคู่นั้นของยศพัฒน์ เธอกระพริบตา จากนั้นก็เริ่มพิจารณายศพัฒน์ตั้งแต่หัวจรดเท้า
ยศพัฒน์หน้าตาดี ท่าทีสง่างาม นิสัยอ่อนโยน คะแนนโดยรวม เทวิกาให้คะแนนเขาเกือบเต็มร้อย
เทวิกาครุ่นคิด พลางเอ่ยถามทันทีทันใด “พี่พัฒน์คะ พี่อายุเท่ากับพี่ชายคนโตของฉันใช่มั้ย? พี่แต่งงานยังอะ?”
ยศพัฒน์ยิ้มพลันกล่าวตอบอย่างอ่อนโยน “พี่เกิดปีเดียวกับพี่ชายของเธอ ปีนี้อายุ 29 ยังไม่แต่งงาน และไม่มีแฟนด้วย”
เทวิกาส่งเสียงตอบรับ “พ่อแม่พี่ไม่เร่งรัดให้พี่แต่งงานเหรอ? อายุปาไป 29 แล้ว ทำไมไม่มีแฟนล่ะ?”
“พี่พูดกับพ่อแม่ไว้แล้วว่าอายุสามสิบถึงคิดเรื่องแต่งงาน ส่วนเรื่องไม่มีแฟน” เขาใช้สายตาอันลึกซึ้งเหล่มองเทวิกา พลางกล่าวตอบอย่างสุขุม “น่าจะยังไม่เจอคนอยากจะแต่งงานด้วยมั้ง”
เทวิกาพึมพำตอบรับ เธอจ้องมองยศพัฒน์สักพัก ซึ่งยังลังเลอยู่หลายนาที สุดท้ายก็เหมือนราวกับตัดสินใจอะไรได้ พลันลองถามยศพัฒน์ดู “พี่พัฒน์คะ ฉัน ฉันขอจ้างพี่เพื่อไปหลอกว่าพี่เป็นแฟนได้มั้ย?”
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของยศพัฒน์ที่ดูตกตะลึงมาก เทวิกาพลันรีบกล่าวต่อทันควัน “วางใจเถอะค่ะ ค่าตอบแทนสูงอยู่นะ ฉันจะไม่เข้าไปยุ่มย่ามชีวิตส่วนตัวของพี่แน่ค่ะ เราสามารถเซ็นสัญญากันไว้ รอวันที่พี่อายุครบสามสิบแล้ว เราก็จัดการยกเลิกสัญญา ต่อจากนั้นก็จะแยกย้ายกันไปโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก”
ยศพัฒน์เงียบขรึมอยู่นาน แววตาจับจ้องใบหน้าอันงดงามของเธอ พลันเอ่ยถามเธอเสียงเข้ม “เธอแน่ใจนะว่าจะว่าจ้างพี่เป็นแฟน?”
เทวิกาพยักหน้า ผู้ชายอย่างยศพัฒน์ ต้องสามารถอุดปากมารดาไว้ได้แน่ ซึ่งมันยังเพอร์เฟคกว่าบรรดาผู้ชายที่คนเหล่านั้นนิยามเอาไว้และแนะนำมาให้ตั้งหลายเท่าแน่
“ถ้าคุณน้ายอมรับพี่ แล้วรบเร้าให้เราสองคนแต่งงานกันจะทำยังไงล่ะ?”
เทวิกายิ้มพลางกล่าวตอบ “ตราบใดที่ฉันมีแฟน ในเวลากระชั้นชิดแบบนี้แม่ฉันก็คงไม่รบเร้าอีกค่ะ”
อย่ามัวแต่มองในจุดที่คุณแม่สุดที่รักที่มักจะเร่งให้แต่งงาน พอเธอมีแฟนจริงๆ แล้ว คุณแม่สุดที่รักก็ต้องคำนึงเรื่องเวลาอยู่สักพัก ซึ่งสามารถทำให้เธอหลีกเลี่ยงที่ต้องไปพบเจอกับผู้ชายสารเลวได้อีก
ยศพัฒน์ยกแก้วน้ำอุ่นที่วางอยู่ด้านหน้าของเขาขึ้นมาจิบสองอึก หลังจากวางแก้วกาแฟลงแล้ว นิ้วมืออันเรียวยาวของเขาก็เคาะหน้าโต๊ะ หลังจากครุ่นคิดแล้ว เขาจึงเอ่ยขึ้น “เอางี้เราก้าวล้ำหน้าไปอีกขั้นเอามั้ยล่ะ?”
เทวิกากระพริบตา ก้าวล้ำหน้าไปอีกขั้นเหรอ?
เธอลองสอบถาม “ความหมายของพี่พัฒน์คือเราแต่งงานกันหลอกๆ เหรอคะ? แม่ฉันไม่เชื่อแน่ถ้าไม่ได้จดทะเบียนสมรส”
ยศพัฒน์อารมณ์ดีมาก “พี่ไปจดทะเบียนสมรสที่สำนักเขตกับเธอได้นะ”
“พอได้ทะเบียนสมรสมา ก็ไม่ใช่การแต่งงานหลอกๆ แล้วแหละ”
เทวิกาก็ไม่ได้โง่นี่ ตราบใดที่ไปดำเนินการเรื่องเอกสารที่สำนักงานเขต ก็จะเป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย แถมยังไม่ใช่การแต่งงานแบบหลอกๆ ด้วย
“ยศพัฒน์หัวเราะร่า “เธอพูดว่าต้องการว่าจ้างพี่ใช่มั้ยล่ะ? เราทำสัญญาขึ้นมาก็จบแล้ว”