คุณสามีพันล้าน - บทที่ 069 แม่ยายเจอลูกเขย
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 069 แม่ยายเจอลูกเขย
“สร่างเมาแล้ว ยังจะมาอยากกินซุปอะไรอีก?”
กนกอรพึมพำ แต่ก็ยังปรุงซุปแก้สร่างเมาให้ตามที่เขาขอ
ทำไมเขาจะม่เมาล่ะ เล่นดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขนาดนี้
ที่เขาเป็นหวัด นั่นคงเป็นเพราะเขาดื่มมากเกินไป ที่โดนเธอสาดน้ำใส่ ก็เป็นแค่เติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟเท่านั้นเอง
ทันทีที่กนกอรเข้าไปในครัว เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากเทวิกา
“กนกอร แกไม่เป็นไรใช่ไหม? นฤเบศวร์ได้ทำอะไรแกหรือเปล่า? ทำไมคนของเขาถึงมาหาแกล่ะ?”
เมื่อเทวิกาและยศพัฒน์กลับมาที่ร้าน พวกเขาก็เห็นว่ากนกอรไม่อยู่ที่นั่น เมื่อพวกเขาถามแม่ของเทวิกา ก็รู้เพียงแค่ว่ากนกอรไปกับคนของนฤเบศวร์
เธอเป็นห่วงเพื่อนของเธอ เธอจึงโทรหาทันที โชคดีที่ติดต่อได้ นั่นแปลว่ากนกอรไม่เป็นอะไร อย่างน้อยก็ยังทำอะไรได้อิสระ อย่างการรับโทรศัพท์ได้
“ฉันไม่เป็นไร”
กนกอรตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “เรื่องมันยาว เอาสั้นๆคือฉันทำให้นฤเบศวร์ขุ่นเคือง และตอนนี้ฉันก็กำลังถูกเขาเอาคืน”
“เขาทำไมแก? ต้องแจ้งตำรวจไม เดี๋ยวฉันให้พัฒน์พาไปหาแกที่นั่น”
เทวิกาไม่รู้ว่าบ้านของนฤเศวร์อยู่ที่ไหน แต่ยศพัฒต์ต้องรู้อย่างแน่นอน
“เทวิกา ไม่ต้องหรอก นฤเบศวร์ไม่ได้ทำอะไรฉัน เพราะฉันสาดน้ำใส่เขาจนเป็นหวัด เขาก็เอาคืนด้วยการให้ฉันมาเป็นเบ๊คอยรับใช้ จนกว่าเขาจะหายดีถึงจะกลับบ้านได้”
กนกอรบอกเพื่อนเกี่ยวกับการแก้แค้นของนฤเบศวร์
“เทวิกา สองสามวันนี้ฉันคงไม่ได้กลับไปที่ร้าน งานที่ร้านต้องฝากแกด้วยนะ แล้วก็ครอบครัวฉัน ฉันจะบอกครอบครัวว่าฉันยุ่งมาก เลยขอค้างกับแกสักสองสามวัน จะได้ทำงานสะดวก ถ้าแม่ฉันโทรมาถามหาหลักฐาน แกก็ช่วยแก้สถานการณ์ให้ฉันหน่อยแล้วกันนะ”
เทวิกา : “…แกไปเรื่องกับนฤเบศวร์ จนได้สาดน้ำใส่เขาได้ยังไง?”
“ฉันจะเล่าให้ฟังตอนฉันกลับไป เอาเป็นว่าแกไม่ต้องมาทวงความยุติธรรมให้ฉัน อันที่จริงฉันก็ควรต้องรับผิดชอบที่สาดน้ำใส่เขาจริงๆนั่นแหละ เขาจะไม่ทำร้ายฉัน ตราบใดที่ฉันยอมเป็นเบ๊รับใช้เขา ทำงานบ้านแค่นิดหน่อย ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงหรอก”
เทวิกาถามว่า “ฉันไม่จำเป็นต้องไปที่นั่นจริงๆเหรอ?”
“ไม่ต้อง ถ้าแกมาที่นี่ บางทีมันอาจจะจุดชนวนความขัดแย้งระหว่างฉันกับเขามากกว่าเดิมก็ได้”
เทวิกาพูดได้เพียงว่า: “ถ้าอย่างนั้นแกต้องระวังตัวด้วย ถ้านฤเบศร์ทำร้ายแก แกต้องโทรแจ้งตำรวจและบอกฉัน ฉันจะช่วยให้แกได้รับความยุติธรรม”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะระวังตัว”
กนกอรปลอบโยนเพื่อนของเธอ
เธอยืนกรานที่จะไม่ยอมให้เทวิกาเข้ามา และเทวิกาก็ตกลงกับเธอ หลังจากวางสาย เทวิกาก็ถามยศพัฒน์ว่า “คุณรู้ไหมว่าบ้านของนฤเบศวร์อยู่ที่ไหน ฉันจะไปพากนกอรกลับมา”
ยศพัฒน์ที่ยืนอยู่ข้างเธอได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสอง
เขาปลอบภรรยา: “ถึงแม้นฤเบศวร์จะไม่ใช่คนดี แต่เขาก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เขาจะไม่ทำร้ายกนกอร อย่างมากก็คงแค่เอาคืนกนกอ และสอนบทเรียนเล็กน้อยให้กับเธอ ไม่ต้องกังวลไปหรอก ที่นฤเบศวร์ป่วยก็มีต้นเหตุมาจากกนกอร ก็ถูกแล้วที่เขาจะให้กนกอรรับผิดชอบ อีกอย่างกนกอรก็บอกเองว่ายินดีที่จะรับผิดชอบ ดังนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องไปที่นั่น ”
“ถ้าเราพากนกอรกลับมาจริงๆ นฤเบศวร์ก็ยังคงหาโอกาสในการเอาคืนกับกนกอรอยู่ดี ทางที่ดีให้เขาเคลียร์กันตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า กนกอรจะได้ไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างระแวง”
ยศพัฒน์รู้จักศัตรูของเขาเป็นอย่างดี
ที่อีกฝ่ายบอกให้กนกอรไปดูแล ก็คือไปดูแลจริงๆ ไม่มีการทำอย่างอื่นแน่นอน
ท้ายที่สุด ผู้หญิงที่เขารักยังไงก็คือเปรมา ผู้หญิงคนอื่นๆ ไม่สามารถเข้าตาเขาได้เลย
ภายใต้การปลอบใจของยศพัฒน์ เทวิกาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องล้มเลิกความคิดที่จะไปรับกนกอรกลับมา
เมื่อเห็นว่าเธอยังคงกังวลเกี่ยวกักนกอรอยู่ ยศพัฒน์ก็พูดเบา ๆ ว่า “ผมจะส่งคนไปสอดแนมให้มีคน ว่า กนกอรปลอดภัยดีหรือเปล่า แล้วผมจะกลับมาบอกคุณ”
เทวิกาพยักหน้า
หลังจากที่ทั้งคู่คุยกันเสร็จ เทวิกาแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และกลับไปหาพิชญ์สินี
“แม่คะ แม่จะอยู่นานเหรอ”
เทวิกาชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางใบเล็กที่แม่ของเธอนำมา
“ทำไม ไม่อยากให้ฉันอยู่ด้วยเหรอ?”
“ไม่ใช่ ฉันหมายความว่า ทำไมจู่ๆ แม่ถึงอยากมาอยู่กับฉันล่ะ แม่ไม่เป็นห่วงพ่อเหรอ? คุณปู่คุณย่าที่อายุเยอะๆ ก็ไม่สนแล้ว?”
พิชญ์สินีสะกิดนิ้ว จิ้มหน้าผากลูกสาวและพูดว่า “แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่า เพราะกลัวว่าฉันจะรู้ความจริงอะไรบางอย่างถ้าฉันอยู่ต่อใช่ไหมล่ะ ฉันใช้เวลาสามร้อยหกสิบห้าวันต่อปีอยู่กับสามีและพ่อแม่ที่บ้านทุกวัน ให้ฉันมีวันหยุดสักสองสามวันก็ไม่ได้เลยหรือไง?”
“พวกเขาอยู่ไม่ได้เหรอถ้าไม่มีฉัน? ก่อนที่พ่อแกจะแต่งงานกับฉัน เขากับพ่อแม่ก็ยังอยู่กันได้ไม่ใช่หรือไง?”
เทวิกา: … เธอเพิ่งพูดไม่กี่คำ แต่แม่กลับเถียงกลับมาเป็นชุด
“แม่ครับ ผมเปิดตู้เย็นดูเห็นว่ามีสาลี่อยู่ ผมเลยคั้นน้ำสาลี่มาให้ อากาศร้อนๆแบบนี้ควรดื่มน้ำสาลี่เย็นๆ สักแก้วเพื่อดับความร้อน”
คนที่พูดคือยศพัฒน์
เขาลงมือคั้นน้ำสาลีเย็นๆเพื่อแม่ยาย
พิชญ์สินียิ้มทันที หยิบน้ำผลไม้จากลูกเขยด้วยมือทั้งสองข้าง และชมยศพัฒน์ด้วยรอยยิ้ม: “พัฒน์ยังคงมีน้ำใจและใส่ใจเก่งเหมือนเดิมเลยนะ ไม่เหมือนเทวิกาที่เอาแต่เถียงอยู่ได้”
ยศพัฒน์ยิ้มอย่างอ่อนโยน และพูดว่า: “วิกาก็ห่วงใยแม่มากเหมือนกันนะครับ เวลาผมไปซื้อของกับเธอ พอเธอเห็นอะไรดีๆ เธอก็คิดถึงแม่ก่อนเสมอ วิกาซื้อของดีๆ มาให้แม่เยอะแย่เลย ตอนกลับบ้าน แม่อย่าลืมนำติดตัวไปด้วยนะครับ”
เทวิกา : “…”
ที่รัก ฉันไม่ได้ซื้ออะไรมาสักหน่อย
ดูเหมือนว่ายศพัฒน์จะไม่เห็นปฏิกิริยาของภรรยา และยังคงมีทัศนคติที่อ่อนโยนต่อแม่สามีของเขา
พิชญ์สินีดุลูกสาวของเธอ: “ธุรกิจในร้านเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ยังไม่ได้ทุนคืนด้วยซ้ำ ดังนั้นแกจะใช้จ่ายเงินตามอำเภอใจไม่ได้ แม่ไม่ได้ขาดอะไร แต่ถ้าให้พูดจริงๆ ตอนนี้แม่ขาดหลาน เมื่อไหร่แกกับพี่ชายแต่มีให้แม่ก็ไม่รู้”
เทวิกาหน้าแดง “แม่”
เธอส่งเสียงเบา
ทันทีที่มองขึ้นไป เธอก็เห็นยศพัฒน์กำลังมองเธออย่างเสน่หา
ด้วยสายตาที่ไม่ต้องพูดอะไรออกมาก็เข้าใจ
ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงมากกว่าเดิม
ผู้ชายคนนี้หื่นไม่รู้จักเวล่ำเวลา อยากให้เธอช็อตตายหรือไง?
“แม่ครับ อย่าโทษวิกาเลย วิกาเป็นซื้อ แต่ผมเป็นคนจ่าย เงินเดือนผมสูง ปกติผมก็ไม่ได้ใช้เท่าไหร่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะใช้เงินที่เก็บไว้ยังไงให้หมด เทวิกาอยากซื้อ ผมเลยได้เอามาใช้”
เทวิกากระซิบ: “ตบหัวแล้วลูบหลังเหรอ คุณคือพระเจ้าจริงๆ และคุณก็เป็นผีด้วย!”
แม่ยายเห็นลูกเขยพูดแบบนี้ ก็ยิ่งชอบ
“พัฒน์ รายได้สูงก็ไม่ต้องเสียเงิน แม่ไม่ได้ขาดแคลนอะไรจริงๆ ไม่ต้องซื้ออะไรให้แม่ เก็บเงินไว้ซื้อบ้านไว้เป็นเรือนหอ รองานแต่งงานดีกว่า” . ,บ้านที่สามารถย้ายเข้าและใช้ชีวิตได้ การมีบ้านเล็ก ๆ เป็นของตัวเองดีกว่าสิ่งอื่นใด ”
เทวิกากล่าวในใจว่า: สามีของเธอไม่ค่อยมีอะไรมาก นอกจากเงิน อีกอย่างบ้านก็มีแล้วด้วย
ยศพัฒน์มีห้องชุดมากกว่าหนึ่งห้องภายใต้ชื่อของเขา
“ครับแม่ จากนี้ไป ผมจะเอาหนึ่งในสามของเงินเดือนให้วิกาใช้จ่ายทุกเดือน ส่วนที่เหลือเอาไว้ให้แม่ พ่อและคุณปู่คุณย่า จะได้ซื้อบ้านไวๆ”
เทวิกา: …..