คุณสามีพันล้าน - บทที่ 092 คุณไม่อยู่ผมนอนไม่หลับ
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 092 คุณไม่อยู่ผมนอนไม่หลับ
“นฤเบศวร์ ฟังปู่เตือนเถอะ อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเปรมา เธอเป็นพวกไม่รู้จักบุญคุณคน”
คุณปู่เร็นกล่าวเตือนอย่างจริงจัง
“คิดดูสิว่าแกรักเธอมากี่ปี แล้วได้อะไรตอบแทนมาบ้าง”
“ยศพัฒน์แต่งงานแล้วไป และเธอก็ยังเอาแต่คิดถึงยศพัฒน์ ส่วนแก นอกจากจะใช้ประโยชน์แล้วก็มีแต่ใช้ประโยชน์ แกจะเป็นเด็กที่ฉลาด ทำไมถึงทำตัวต้อยต่ำเพราะความรักแบบนี้”
นฤเบศวร์นิ่งเงียบ
เขาเคยพยายามเลิกรักเปรมาแล้ว
แต่พอเขาคิดจะปล่อย เปรมาก็กลับมา แล้วกลับมาคบกับเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มาห่วงใยเขา ปลอบใจเขา แล้วเขาก็…
“เดือนหน้า เป็นวันเกิดของปู่ เดิมทีปู่ไม่อยากจัดงานใหญ่โต แต่ตอนนี้ปู่คิดว่าคงต้องจัดงานใหญ่สักครั้ง จัดงานที่บ้านของเรา จัดเป็นงานเลี้ยง แล้วเชิญบรรดาคนใหญ่คนโตในเมืองของเรามาร่วมงาน แกลองดู ว่าพอจะถูกใจใครหรือเปล่า”
คุณปู่เร็นคิดว่าถ้าอยากให้หลานชายเลิกคิดถึงเปรมา ก็ต้องจัดงานดูตัวให้หลานชายของเขา
นฤเบศวร์เหมือนมีอะไรอยากจะพูด แต่คุณปู่เร็นไม่ให้โอกาสเขาพูด “ถ้าแกไม่ฟังที่ปู่พูด ตำแหน่งประธานRA กรุ๊ป คริษฐ์ก็สามารถเป็นได้เช่นกัน”
คริษฐ์เป็นลูกชายคนโตของอาสามนฤเบศวร์อายุห่างกับเขาเพียงแปดเดือน ปัจจุบันเป็นรองประธานRA กรุ๊ป และเป็นมือขวาของนฤเบศวร์
“คุณพ่อคะ งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของคุณพ่อพวกเราจะต้องจัดงานให้ใหญ่โตแน่นอนค่ะ คุณพ่อวางใจได้ ตาเบศวร์จะต้องจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของคุณพ่อออกมาอย่างยิ่งใหญ่แน่นอน”
บัณฑิตารีบพูดออกมา ก่อนจะถลึงตาใส่ลูกชายของเธอ เพื่อส่งสัญญาณให้ลูกชายของเธอรีบพูดเอาใจคุณปู่เร็นไว้ก่อน
จะให้มอบตำแหน่งประธานให้กับคริษฐ์ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะทำตัวโอ้อวดต่อหน้าบรรดาสะใภ้ในตระกูลได้อย่างไร?
ตระกูลอริยชัยกุลนั้นปรองดองกันมาก และไม่มีการแก่งแย่งกันระหว่างพี่น้อง ลุงและหลาน
แต่ตระกูลเดชอุปกลับไม่ได้ปรองดองกันอย่างนั้น
สาเหตุหลักมาจากคุณปู่เร็นมีภรรยาสองคน ธารณ์กับลูกชายคนรองเกิดมาจากภรรยาคนแรก ส่วนลูกชายคนที่สามกับลูกสาวคนที่สี่และลูกสาวที่ห้าต่างก็เกิดมาจากภรรยาคนที่สอง
ครอบครัวลูกชายคนรองมีทายาทน้อย ทั้งคู่มีลูกสาวเพียงคนเดียว จึงไม่ค่อยมีสิทธิ์มีเสียงในตระกูลเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่เร็นเอ็นดูนฤเบศวร์หลานชายคนโตของตระกูล และสามารถขึ้นนั่งบนเก้าอี้ประธานบริษัท ครอบครัวลูกชายคนรองทำอะไรยังต้องเกรงกลัวคนในบ้านแน่ๆ
ลูกชายคนโตของลูกชายคนที่สามคือคริษฐ์ ซึ่งมีความสามารถเช่นกัน
ต่อหน้า ทุกคนในตระกูลต่างก็อยู่กันอย่างปรองดอง แต่ลับหลัง พวกเขากลับพยายามแย่งชิงอำนาจกันอยู่
นฤเบศวร์ถูกยศพัฒน์ฟ้องฟ้องเรื่องนี้ ทำให้ปู่ของเขาตำหนิและเร่งเร้าให้แต่งงาน เรื่องพวกนี้ เทวิกาไม่รู้อะไรเลย
หลังจากที่ร้านของเธอไม่ได้เปิดทำการตามปกติ เธอก็หยิบโน๊ตบุ้คของเธอขึ้นมา และตรงกลับบ้านเลย
ยศพัฒน์โทรหาเธอ เดิมทีนัดกันว่าจะไปกินอาหารกลางวันด้วยกัน แต่มารู้ว่าเธอกลับบ้านแล้ว ยศพัฒน์ก็แทบอารมณ์ไม่ดี
“ที่รัก คุณอารมณ์ไม่ดีเหรอคะ?”
เทวิกาฟังออก ว่าตอนนี้คนรักของเธอกำลังอารมณ์ไม่ดี
“ภรรยาของผมทิ้งผม แล้วกลับบ้านของเธอโดยไม่บอก ผมจะอารมณ์ดีได้ยังไง”
เทวิกายกยิ้ม “อย่าพูดไม่น่าฟังอย่างนั้นสิคะ ฉันแค่กลับมาอยู่บ้านสองสามวัน มาอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่ของฉัน อีกไม่กี่วัน ฉันก็กลับแล้ว”
“วิกา คุณสัญญากับผมแล้วว่าสุดสัปดาห์จะกลับคฤหัสถ์เมเปิลด้วยกัน ผมให้คนมาเตรียมท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวแล้ว คุณไม่อยากดูเหรอครับ?”
“วันนี้วันอะไรคะ?”
เทวิกาถามเองแล้วตอบเองว่า “วันพฤหัสบดี ฉันกลับไปวันอาทิตย์ ได้เห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวของคุณแน่นอนค่ะ”
เธอเองก็สงสัยว่าเขาจะสร้างท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวให้เธอดูได้อย่างไร
แค่ได้ยินก็รู้สึกโรแมนติกแล้ว
อืม มีแนวคิดแล้ว
“ผมจะไปรับคุณหลังเลิกงานตอนเย็น”
เทวิกา “…”
“คุณไม่อยู่ ผมนอนไม่หลับ”
ท่านประธานบางคนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ หน้าของเทวิกาได้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำไปทันที
ผู้ชายคนนี้ คิดจะหยอดคำหวานใส่เธอได้ตลอดเวลาจริงๆ
“วันนี้ฉันเพิ่งกลับถึงบ้าน… พรุ่งนี้นะคะ พรุ่งนี้เลิกงานแล้วคุณมารับฉัน”
“คุณสัญญากับผมก่อน ว่าจากนี้ไปจะเรียกผมว่าที่รัก แล้วพรุ่งนี้ผมถึงจะไปรับคุณ”
เทวิกา “…มันก็แค่คำเรียก”
“ผมแค่อยากได้ยินคุณเรียกผมว่าที่รัก”
เทวิกาหยุดหัวเราะ “ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ข้างๆ คุณใช่ไหมคะ ฉันอยากคนในบริษัทของคุณได้เห็นท่าทางออดอ้อนของคุณจริงๆ ฉันมั่นใจได้เลยว่าพวกเขาต้องตกตะลึงจนตาค้างแน่ๆ”
ยศพัฒน์พูดด้วยเสียงเคร่งขรึม “เรารีบเปิดร้านแว่นตากันเถอะ รอพวกเขาตกตะลึงจนตาค้างต้องใช้แว่นตา เราจะได้ทำเงินได้อีกก้อน”
“นิสัยเดิมของนักธุรกิจ”
ยศพัฒน์หัวเราะเสียงทุ้ม
“ฉันมาถึงหน้าบ้านแล้วค่ะ ไม่คุยกับคุณแล้ว ที่รัก ตั้งใจทำงานนะคะ ภรรยาของคุณตอนนี้กำลังตกงาน ต้องพึ่งคุณหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวแล้ว”
“ไม่ต้องห่วง มีผมอยู่ ไม่ปล่อยให้คุณหิวแน่นอน”
ยศพัฒน์ได้ยินเธอเรียกตนเองว่าที่รักแล้ว ในใจก็รู้สึกพอใจมาก
หลังจากวางสาย เขาก็รีบโอนเงินค่าขนมของวันนี้ไปให้ภรรยาของเขาทันที
ตอนที่เทวิกาได้รับเงินค่าขนม เธอก็หมดคำพูดไปทันที
แต่งงานกับสามีที่ร่ำรวยล้นฟ้า เงินค่าขนมที่ได้รับทุกวันจึงได้เป็นแสน หลายแสน
เงินค่าขนมที่ยศพัฒน์ให้เธอ แบ่งเป็นสามเวลาคือเช้า กลางวันและเย็น
ยอดเงินทุกครั้งจะอยู่ระหว่างห้าหมื่นถึงหนึ่งแสน
เงินจำนวนนี้ ในสายตาของยศพัฒน์เหมือนไม่ใช่เงิน
นอกจากนี้ยังทำให้เทวิกาเข้าใจ ถึงระยะห่างระหว่างเธอกับยศพัฒน์
เขาเป็นคนที่ใช้เงินฟุ่มเฟือยตามอำเภอใจ
และไม่สนใจราคา
ส่วนเธอ อยากซื้อของต้องเปรียบเทียบราคาสามร้านก่อนจะซื้อ ร้านไหนราคาถูกเธอก็จะซื้อร้านนั้น
ที่กลับมาบ้านพ่อแม่ของตนเอง เพราะเทวิกาอยากจะแยกกันอยู่สักพัก ให้เวลาตัวเองได้คิดทบทวน
ในเหตุการณ์ที่เปรมาพาคนมาอาละวาดที่ร้าน พี่ใหญ่บอกกับเธอว่า เรื่องแบบนี้ จะต้องไม่มีครั้งเดียวแน่นอน แต่จะมีอีกนับไม่ถ้วน
เธอมีคู่แข่งอยู่เยอะมาก
หลังประกาศอย่างเป็นทางการ
เธออยู่ในที่สว่าง ส่วนคู่ต่อสู้ของเธออยู่ในที่มืด
เธอมีแค่ตัวเองคนเดียว แต่เธอไม่รู้ว่าคู่แข่งมีกี่คน
ในคำพูดของพี่ใหญ่ยังคงหวังว่าเธอกับตาพัฒน์จะเลิกกัน
สรุปก็คือ ตอนนี้เทวิกาปวดหัวมาก
เธอชอบยศพัฒน์ และเคยคิดจะอยู่กับเขาไปจนแก่เฒ่า และพยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคมของเขา
แต่ปัญหาในปัจจุบันจะไม่คิดทบทวนก็ไม่ได้
คนในครอบครัวของเธอ เรียกได้ว่าไม่มีใครสนับสนุนให้เธอกับยศพัฒน์คบกันต่อไป
“วิกากลับมาแล้วเหรอ ทำไมถึงไม่โทรมาบอกล่วงหน้า จะได้ให้แม่ของหลานซื้อของมาทำอาหารที่หลานชอบเพิ่ม”
คุณปู่กวินท์เพิ่งออกมาจากห้อง และพอเขาเห็นหลานสาวของเขากลับมา เขาก็ยิ้มอย่างดีใจ ก่อนจะหันกลับไปพูดกับคนในบ้านว่า “วิกากลับมาแล้ว”
“คุณปู่คะ”
เทวิกายกยิ้มและเดินไปหาปู่ของเธอ “หนูไม่ใช่คนจู้จี้จุกจิก กินได้ทุกอย่างที่แม่ทำค่ะ ฝีมือแม่ของหนูอร่อยที่สุด ถึงแม้จะให้หนูจะกินแค่ผัดผักใส่เต้าหู้ หนูก็กินข้าวได้สองชามแล้ว”
สองปู่หลานเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน
“คุณย่าคะ”
พอเธอเข้าไปในบ้านและเห็นคุณย่ากำลังเด็ดผัก เทวิกาก็กล่าวทักทายทันที เธอวางของที่เธอซื้อไว้บนโต๊ะ แล้วเดินเข้าไปในครัว
“ว้าว กลิ่นหอมจัง แม่คะ กำลังทำอะไรอยู่”
พอเข้าไปในครัว จึงเห็นเพียงแม่ของเธอ เธอเดินเข้าไปกอดแม่จากด้านหลัง แล้วถาม “แม่คะ พ่อไปไหนคะ”
“ไปซื้อเคาหยก (สามชั้นตุ๋นผักกาดแห้ง) รู้ว่าลูกจะกลับมา ก็เลยออกไปซื้อมาให้ลูกเพิ่ม”
หลังจากที่พิชญ์สินีพูดจบ เธอก็จิ้มที่หน้าผากของเทวิกา
“ทุกครั้งที่มีปัญหาไม่เคยบอกคนในครอบครัว ลูกคิดว่าพวกเราช่วยอะไรลูกไม่ได้หรือไง”
เรื่องที่ร้านของเทวิกาถูกทำลาย ขอแค่คนที่สามารถเข้าอินเทอร์เน็ตได้ ก็รู้ข่าวนี้ทั้งนั้น
พิชญ์สินีตามทันเหตุการณ์ ในเวลาว่างเธอก็จะเข้าไปดูวิดีโอ แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่งจะได้เห็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับลูกสาวของเธอในนั้นด้วย
บทที่ 091 ด่านความรักผ่านยาก
บทที่ 093 คนในครอบครัว