คุณสามีพันล้าน - บทที่ 093 คนในครอบครัว
บทที่ 092 คุณไม่อยู่ผมนอนไม่หลับ
“แม่คะ หนูไม่อยากให้แม่เป็นห่วง แล้วอีกอย่าง หนูจัดการเองได้ แค่เจอปัญหาเล็กๆ ก็มาขอความช่วยเหลือจากทุกคน หนูจะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?”
“ตอนที่หนูยังเด็ก แม่กับพ่อสอนหนูเองนะคะ ว่าต้องจัดการปัญหาของตัวเอง ถ้าหนูจัดการเองไม่ได้ถึงกลับมาขอความช่วยเหลือจากครอบครัว”
พิชญ์สินีถูกคำพูดของลูกสาวทำให้จุกจนพูดอะไรไม่ออก
สองสามีภรรยาเลี้ยงดูลูกโดยเน้นความเป็นอิสระในการดำเนินชีวิต
เพราะอย่างนี้ ลูกทั้งสองคนถูกเลี้ยงดูให้เป็นคนที่ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง
มีปัญหาอะไรก็ไม่ยอมบอกครอบครัว
ถ้าเธอไม่เข้าอินเทอร์เน็ต เธอคงไม่รู้ว่าร้านของลูกสาวถูกศัตรูความรักพาคนมาทำลายร้านแบบนี้
“ตระกูลของผู้หญิงคนนั้นร่ำรวยและมีอำนาจไหม?”
พิชญ์สินีถามด้วยความกังวลใจ
ยังไม่ทันที่ลูกสาวจะตอบ เธอก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “วิกา ลูกก็เห็นแล้ว พื้นฐานครอบครัวของเรา ถึงแม้จะไม่ได้ยากจน แต่ถ้าต้องสู้กับครอบครัวที่มีอำนาจ พวกเราก็ถือว่าเสียเปรียบ”
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูก พ่อกับแม่ก็ช่วยอะไรลูกไม่ได้”
“นี่ยังแค่ถูกคนนอกรังแก ถ้าลูกถูกครอบครัวของสามีรังแก ตระกูลอริยชัยกุลร่ำรวยและมีอำนาจ พ่อกับแม่คงไม่มีโอกาสได้รู้ด้วยซ้ำ”
ลูกสาวถูกทำร้ายจนตาย แล้วโกหกพวกเขาว่าเธอเสียชีวิตเพราะป่วยหนักก็อาจเป็นได้
ถุย!
ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแน่นอน!
พิชญ์สินีรีบแก้คำพูดตัวเองในใจ
กลัวว่าความคิดบ้าๆ ของตนเองจะเป็นจริง
“แม่คะ อย่าคิดมากสิคะ ตาพัฒน์บอกว่าครอบครัวของเขาเป็นกันเอง ในคืนนั้น แม่ก็ได้พบกับคุณปู่คุณย่ากับลูกพี่ลูกน้องของเขาแล้ว แม่คิดว่าพวกเขาไม่เป็นกันเองเหรอคะ?”
“นั่นแค่ได้เห็นหน้า ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ถ้าอยู่ด้วยกันอาจจะเกิดปัญหาทะเลาะกันได้”
เทวิกายกยิ้มแล้วพูดว่า “แม่คะ ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจัดการความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ได้ หนูเห็นวิธีการอยู่ด้วยกันของแม่กับคุณย่าตั้งแต่หนูยังเด็ก แม่ยังเป็นห่วงว่าหนูจะจัดการความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ได้อีกเหรอคะ?”
“ย่าของลูกเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย ไม่เหมือนแม่สามีคนอื่นๆ แม่สามีในตระกูลผู้ดีนั้นเข้ากันได้ยากจริงๆ”
“แม่คะ”
“ได้ ได้ แม่รู้ว่าลูกไม่อยากฟัง ไปล้างมือ รอพ่อกลับมาถึงจะได้กินข้าวกัน”
เทวิกาตอบกลับเพียงสั้นๆ
ก่อนจะหันกลับไปล้างมือ
“แม่คะ”
“พูดมาสิ”
พิชญ์สินีเริ่มผัดผัก
“ตาพัฒน์เคยถามหนูเรื่องหนึ่ง เขาถามหนูว่า ถ้าหนูไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของแม่กับพ่อ จะเป็นยังไง”
พิชญ์สินีตกตะลึงไปสักพัก มือของเธอที่กำลังผัดผักก็หยุดนิ่งไปด้วย
ไม่นาน เธอก็กลับมาเป็นปกติ แล้วพูดว่า “ทำไมลูกถึงจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของพ่อแม่ล่ะ แล้วทำไมตาพัฒน์ถึงถามอะไรลูกแบบนี้ล่ะ”
พอนึกถึงอำนาจของตระกูลอริยชัยกุล ในใจของพิชญ์สินีเริ่มรู้สึกหวาดหวั่น
หรือว่า ตระกูลอริยชัยกุลจะตรวจสอบครอบครัวของพวกเธอ และพบว่าเทวิกาไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของพวกเธอ?
แต่เรื่องนี้พวกเธอปกปิดไว้มิดชิดขนาดนั้น และเวลาในการรับมาก็พอเหมาะมาก ทางฝั่งเธอลูกสาวแท้ๆ ของเธอเพิ่งเสียชีวิต และอีกฝั่ง สามีของเธอก็เพิ่งเก็บเทวิกาได้
อีกทั้งเด็กสองคนนี้ก็อายุใกล้เคียงกัน
ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าของลูกสาวให้กับเทวิกาใส่ เธอยังเคยคิดว่าเป็นลูกสาวของเธอที่ฟื้นคืนชีพกลับมาเลย
หลังจากเลี้ยงดูเทวิกามาเกือบยี่สิบสี่ปี พิชญ์สินีก็คิดว่าลูกสาวคนนี้เป็นลูกสาวแท้ๆ ของเธอมานานแล้ว
นอกจากคนในครอบครัว ในหมู่บ้านไม่มีใครรู้เรื่องนี้
“หนูฝันแบบเดียวกันถึงสองครั้ง พอหนูเอาเรื่องนี้ไปคุยกับเขา เขาก็ถามหนูแบบนี้”
หลังจากที่เทวิกาล้างมือเสร็จ เธอก็เดินมา และแอบหยิบอาหารมากิน แล้วถูกแม่ตบหลังมือ
“มีตะเกียบทำไมไม่ใช้”
เทวิกาหัวเราะคิกคัก ก่อนจะหันไปหยิบตะเกียบ แล้วเอ่ยพูดในขณะกินผักว่า “หนูฝันว่ามีผู้หญิงสติไม่ดีคนหนึ่ง ดูท่าทางน่าจะอายุสี่สิบนิดๆ หน้าตาสวยมาก เธอมักจะเรียกหนูว่าลูกรัก และหนูก็รู้สึกผูกพันทุกครั้งที่ฝันเห็นเธอ”
“ในความฝัน ลูกของเธอถูกคนอื่นอุ้มไป เธอร้องไห้จนแทบจะขาดใจ พอหนูตื่นนอน ปลอกหมอนของหนูก็เปียกชื้นไปด้วยน้ำตา”
ในขณะที่เทวิกากำลังพูด เธอพบว่าแม่ของเธอกำลังยืนเหม่อลอย
“แม่คะ?”
เทวิกาหยุดกินผัก
ท่าทางของแม่…
คงไม่ใช่ว่า เธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของบ้านตระกูลวาชัยยุงจริงๆ หรอกนะ?
อีกทั้งตาพัฒน์คงไม่ถามคำถามแบบนี้กับเธอโดยไม่มีเหตุผลด้วย
คนรวยอย่างพวกเขา มักจะรู้เรื่องมากมายที่คนธรรมดาไม่รู้
“แม่คะ กำลังคิดอะไรอยู่”
พิชญ์สินีเพิ่งได้สติกลับมา เธอรีบตักผัดผักลงบนจาน
จากนั้นก็เทน้ำลงในหม้อ แล้วเริ่มล้างหม้อ
พิชญ์สินีพูดในขณะที่กำลังขัดหม้อ “ลูกเป็นลูกสาวแท้ๆ ของแม่ ตอนที่แม่คลอดลูกเกือบคลอดไม่ได้ ตอนนี้ป้าที่ช่วยทำคลอดให้ยังจำลูกได้เลย”
เทวิกาพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ตอนที่ตาพัฒน์ถาม หนูก็พูดแบบนี้เหมือนกัน หนูจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของแม่ได้ยังไงกัน”
“ผู้หญิงเสียสติที่หนูฝันถึง อาจเป็นแม่ของหนูในชาติที่แล้วมั้ง”
แตาในใจกลับได้คำตอบแล้ว
เธออาจจะไม่ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของพ่อกับแม่จริงๆ
ไม่สนแล้ว
เธอเติบโตขึ้นมาในครอบครัวนี้ และทุกคนในบ้านก็รักเธอมาก ในเมื่อพ่อกับแม่บอกว่าเธอเป็นลูกแท้ๆ ของพวกเขา เธอก็คือลูกสาวแท้ๆ ของพวกเขา
ถ้าหากพ่อแม่แท้ๆ ของเธอมาตามหาเธอจริงๆ เธอก็อยากจะถามพวกเขาว่าทำไมในตอนนั้นพวกเขาถึงทอดทิ้งเธอ?
ในเมื่อทอดทิ้งเธอแล้ว ก็ไม่ต้องมาตามหาเธออีก ไม่ต้องมาทำลายชีวิตอันสงบสุขของเธอ
แต่ว่า พอเอาความฝันของเธอมาปะติดปะต่อแล้ว
เธอ ไม่น่าจะถูกทอดทิ้ง แต่ถูกลักพาตัวไปมากกว่า
ถ้าเธอถูกลักพาตัวไปจริงๆ ถ้าพ่อแม่แท้ๆ ของเธอตามหาเธอเจอ… เธอจะใจร้ายไม่สนใจพวกเขาไม่ได้
โอ๊ย น่าปวดหัวจริงๆ!
ทำไมเธอถึงไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของบ้านตระกูลวาชัยยุงล่ะ?
ทุกคนในครอบครัวต่างก็รักและเอ็นดูเธอมากกว่าลูกแท้ๆ เสียอีก
“เทวิกากลับมาแล้วใช่ไหม”
คำพูดของสิรภพดังเข้ามา
เขาเดินเข้ามาพร้อมกับถุงอาหาร ในถุงมีกล่องอาหารสองกล่อง
“พ่อคะ”
“ว่าไง กลับมาแล้วเหรอ พ่อซื้อเคาหยก (สามชั้นตุ๋นผักกาดแห้ง) ที่ลูกชอบ แล้วยังมีซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานด้วย ยังร้อนๆ อยู่เลย”
สิรภพพูดพร้อมกับนำจานมา แล้วทำการล้างจาน จากนั้นก็เทเคาหยก (สามชั้นตุ๋นผักกาดแห้ง)กับซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานที่ซื้อมาลงในจานสองจาน
“หอมจังค่ะ”
เทวิกาเดินเข้ามา แล้วยื่นตะเกียบในมือของเธอไปทางเนื้อสามชั้น และคีบชิ้นเนื้อเข้าปากอย่างรวดเร็ว
“รสชาติไม่เลวค่ะ แต่ไม่เท่าเคาหยก (สามชั้นตุ๋นผักกาดแห้ง)ที่พ่อทำ”
“วันนี้ลูกกลับมากะทันหัน พ่อไม่มีเวลาทำ พรุ่งนี้นะ พรุ่งนี้ พ่อไปซื้อวัตถุดิบกลับมา แล้วทำให้ลูกกินเอง เผือกที่ย่าของลูกปลูกไว้ก็ถึงเวลาเก็บแล้ว เดี๋ยวพ่อทำเนื้อสามชั้นตุ๋นเผือกให้”
“ขอบคุณค่ะพ่อ”
พ่อแม่ที่ดีเช่นนี้จะไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริงได้ยังไง?
ถึงแม้จะไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ แต่เธอก็เคารพและกตัญญูต่อพวกท่านเหมือนพ่อแม่แท้ๆ
พวกเขานั้น รักและห่วงใยเธอจริงๆ
“ตาพัฒน์จะมารับลูกกลับไปไหม”
สิรภพเอ่ยถาม “พ่อจะได้ทำเยอะหน่อย พวกลูกห่อกลับไปกินในเมืองด้วย”
“หนูบอกให้เขามารับวันอาทิตย์ค่ะ งั้นพ่อทำเยอะหน่อยนะคะ หนูจะห่อกลับไปให้เขาลองกินด้วย หนูรับรองว่าหลังจากนั้นเขาจะต้องติดใจเคาหยก (สามชั้นตุ๋นผักกาดแห้ง)ที่พ่อทำเหมือนหนูแน่นอน”
“ได้เลย”
สิรภพตอบอย่างสบายใจ
เขาไม่ได้ถามถึงเรื่องร้านของลูกสาว และไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ลูกเขยเป็นผู้นำตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองด้วย
ในเมื่อลูกสาวกลับมา เขาก็จะทำอาหารอร่อยๆ ให้เธอได้กินอย่างมีความสุข
ส่วนเรื่องที่ลูกสาวแต่งงานเข้าไปในตระกูลที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งของเมือง สิรภพคิดว่าพระเจ้าได้ลิขิตไว้เช่นนี้ มันเป็นพรหมลิขิตของพวกเขา
เขาจะปล่อยให้ไปตามธรรมชาติ