คุณสามีพันล้าน - บทที่ 097 สามีของเพื่อนห้ามคิดจะแย่ง
ยศพัฒน์นิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดว่า “นฤเบศวร์ นายเองก็สามารถมีชีวิตที่ทุกคนอิจฉาได้เช่นกัน”
ขอแค่นฤเบศวร์เลิกหมกมุ่นอยู่กับเปรมา และแต่งงานกับผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง เขาก็สามารถมีชีวิตที่ทุกคนอิจฉาได้
นฤเบศวร์ก็นิ่งเงียบไปเช่นกัน
ทั้งสองเป็นคู่แข่งกัน แต่ก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ถ้าไม่ใช่เพราะต้องสู้กัน พวกเขาคงถือว่าเป็นเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกัน
“นายกับเทวิการู้จักกันมาสิบเอ็ดปี และรักเธอมาตลอดสิบเอ็ดปี นายสามารถรักมั่นคงถึงขนาดนี้ได้ ทำไมฉันจะรักมั่นคงแบบนายไม่ได้?”
ในคำพูดของนฤเบศวร์เต็มไปด้วยความไม่อยากยอมแพ้
รักมั่นอยู่กับคนคนหนึ่งเหมือนใครบางคน
ยศพัฒน์มีความสุข
แต่เขากลับจะต้องจบลงอย่างโศกเศร้าอย่างนั้นเหรอ?
“ฉันรักมั่นอยู่กับคนที่คู่ควร แต่คนที่นายรักมั่นอยู่คุ้มกับความรักของนายหรือไง”
นฤเบศวร์พูดไม่ออก
ถ้ามองข้ามฐานะทางครอบครัว บุคลิกของเทวิกาดีกว่าเปรมามาก
เปรมารู้ทั้งรู้ว่าเขารักเธอ แต่กลับใช้เขาเพื่อเข้าใกล้ยศพัฒน์ และไล่ตามยศพัฒน์เพื่อยศพัฒน์แล้ว เปรมาถึงกับพาคนไปทุบร้านของเทวิกา
สุดท้ายก็เป็นเขาที่กระโดดออกมาจัดการให้เธอ
ถึงขั้นต้องถูกคุณปู่ตำหนิเพราะเธอ แล้วเขายังโทรมา และคิดจะชำระบัญชีกับยศพัฒน์อีก
เขาทำให้เธอมากถึงขนาดนี้ แต่เปรมากลับเสพสุขกับสิ่งที่เขาทำให้ ไม่มีความรู้สึกซาบซึ้งใจ แต่กลับทำร้ายหัวใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
คุณปู่พูดถูก ที่เปรมากล้าหาเรื่องคนอื่นอย่างไม่กลัว เพราะรู้ว่าเขารักเธอ เขาจะต้องช่วยเธอทุกครั้ง จึงใช้อิทธิพลของเขาอาละวาดไปทั่ว
“นฤเบศวร์ ถึงแม้พวกเราสองคนจะเป็นคู่แข่งกัน นายทนเห็นฉันมีความสุขไม่ได้ และไม่อยากให้ฉันมีชีวิตที่ดี แต่จะว่าไปแล้ว เราไม่ได้มีความแค้นต่อกัน ถ้ามองข้ามการแข่งขันกันไป พวกเราก็รู้จักกันมายี่สิบกว่าปี”
“เปรมาไม่คุ้มค่ากับความพยายามของนายจริงๆ นายจะฟังหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับนาย ฉันจะพักอาหารกลางวันแล้ว แค่นี้นะ นายไม่ต้องเข้ามา ฉันขี้เกียจจะเจอนาย”
หลังจากนั้น ยศพัฒน์ก็วางสายไปทันที
นฤเบศวร์จ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ สักพัก เขาก็ตะโกนด่าออกมา “รีบวางสายแบบนี้ ไม่ปล่อยโอกาสให้บอกลาเลยหรือไง”
บอดี้การ์ดของตระกูลเดชอุปนิ่งเงียบ
ทั้งสองต่อกรกัน สุดท้ายจบลงด้วยนฤเบศวร์ที่พ่ายแพ้ไป
นฤเบศวร์ยืนเงียบอยู่ที่ทางเข้าบี.เอ.เอ็ม. กรุ๊ปสักพัก ก่อนจะเดินกลับไปที่รถ แล้วรถก็เคลื่อนออกจาก บี.เอ.เอ็ม. กรุ๊ปไป
“คุณชายครับ จะกลับไปที่บริษัทเลยหรือเปล่าครับ”
คนขับรถถาม
นฤเบศวร์นิ่งคิด ก่อนจะพูดว่า “ยังไม่กลับไปที่บริษัท ไปที่บ้านตระกูลภูสิทธ์อุดมก่อน”
ยศพัฒน์พูดเมื่อตะกี้ ว่ามือของกนกอรได้รับบาดเจ็บจนบวมเหมือนหมั่นโถว
วันนั้น เขาให้เงินเธอ ให้เธอไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่เธอไม่ได้ไปแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่บวมถึงขนาดนั้น
ขอให้เธอแกล้งเป็นแฟนของเขาเพื่อให้เปรมาหึงหวง เขาก็จ่ายเงินค่าจ้างให้เธอถึงหนึ่งล้าน
เงินหนึ่งล้านสำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่สำหรับคนธรรมดาอย่างกนกอร หนึ่งล้านเป็นจำนวนที่เยอะมากจริงๆ
ได้กลายเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยแล้ว แต่กลับไม่ยอมเสียเงินไปรักษาที่โรงพยาบาลโรงพยาบาลอีก นฤเบศวร์บ่นว่ากนกอรเป็นคนขี้เหนียวในใจ
คนขับรถเอ่ยถามอย่างกล้าหาญ “คุณชายครับ ตระกูลภูสิทธ์อุดมไหนครับ?”
คุณชายของพวกเขา ดูเหมือนจะไม่มีความสัมพันธ์กับตระกูลภูสิทธ์อุดมที่ไหน
“บ้านของกนกอร”
คนขับรถ “…คุณชายครับ คุณกนกอรคือ”
เขาไม่รู้ว่าใครคือกนกอร
นฤเบศวร์อยากจะระเบิดอารมณ์ใส่ แต่จำได้ว่าคนที่เคยไปรับกนกอรคือลุงปริญ ดังนั้นคนขับรถส่วนตัวของเขาไม่เคยเห็นกนกอร
เขาระงับอารมณ์ แล้วพูดว่า “ฉันจะส่งตำแหน่งที่อยู่ให้ นายขับไปตามที่ตำแหน่งระบุไว้”
คนขับรถรีบตอบรับ
เขายังถอนหายใจยาว
เห็นได้ชัดว่าคุณชายกำลังอารมณ์ไม่ดี
แต่ที่ที่คุณชายจะไป เขาไม่เคยไปจริงๆ
นฤเบศวร์พยายามค้นดูบันทึกในโทรศัพท์ ถึงจะพบสถานที่ที่เขาเคยส่งคนไปรับวันนั้น แล้วส่งให้คนขับรถอีกครั้ง
One Day In Coffeeปิดชั่วคราว เทวิกากลับบ้านไปแล้ว กนกอรกำลังพักฟื้นที่บ้าน
วันนั้น มือของเธอถูกกระจกบาด ถึงแม้จะทำความสะอาดแผลแล้ว แต่ก็ยังเจ็บมากอยู่ดี
และดูเหมือนจะบวมเล็กน้อยด้วย
แต่ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่ยศพัฒน์พูดไว้
ตระกูลภูสิทธ์อุดม มีฐานะไม่ต่างจากบ้านตระกูลวาชัยยุง เป็นครอบครัวที่เรียบง่าย
พ่อของกนกอรอยู่ในทีมก่อสร้าง ต้องออกเดินทางไปทำงานแต่เช้า และกลับบ้านดึก พี่ชายของเธอก็ทำงาน แม่ของเธอเป็นแม่บ้านอยู่บ้าน ปู่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ ส่วนย่าของเธอนั้นเสียชีวิตไปตอนที่เธออายุสิบสี่ปี
ในเวลานี้ กนกอรกำลังนอนอยู่บนโซฟา ในมือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บกำลังถือแอปเปิลไว้และกำลังดูทีวีพร้อมกับกัดกินไปด้วย
แม่ของกนกอรเด็ดผักอยู่ด้านข้าง บางครั้งก็เงยหน้าขึ้นมาดูทีวีด้วย
ส่วนคุณปู่ชรัณกำลังสวมแว่นตาอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
“กนกอร เบาเสียงทีวีลงหน่อย”
คุณปู่ชรัณรู้สึกว่าหลานสาวเปิดทีวีเสียงดังรบกวนการอ่านหนังสือพิมพ์ของเขา
“ได้ค่ะ”
กนกอรหยิบรีโมทขึ้นมา แล้วลดระดับเสียงของทีวีให้เบาลง
เพิ่งลดระดับเสียงของทีวี ทุกคนก็ได้ยินเสียงกริ่งประตูดังขึ้น
“กนกอร ออกไปดูซิว่าใครมา”
สั่งอย่างไม่ใส่ใจ
“ต้องเป็นคุณปู่เซริวข้างบ้านที่มาเล่นหมากรุกกับคุณปู่แน่นอน”
กนกอรลุกขึ้นในขณะที่พูดไปด้วย ก่อนจะออกไปเปิดประตู
คุณปู่ชรัณที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ได้ยินสิ่งที่หลานสาวพูด ก็รีบพูดทันที “เดี๋ยวฉันไปเปิดประตูเอง บางทีอาจจะเป็นคุณปู่เซริวมาแล้ว วันนี้เรานัดกันไว้ว่าจะแข่งกันให้รู้แพ้รู้ชนะ”
คุณปู่เอ่ยปากจะไปเปิดประตู กนกอรจึงนั่งบนโซฟาอย่างอารมณ์ดีอีกครั้ง และดูทีวีของเธอต่อไป พร้อมกับกัดแอปเปิลกินต่อ
“กนกอร ร้านของพวกลูกปิดชั่วคราว ทำไมถึงไม่เรียกเทวิกามากินข้าวที่บ้านล่ะ”
แต่ยังไม่ทันที่กนกอรจะตอบ ทักษอรก็พูดขึ้นมาอีกว่า “แต่ตอนนี้เทวิกาเป็นหลานสะใภ้ของตระกูลอริยชัยกุล พวกเราเอื้อมไม่ถึง เธอคงไม่มาที่บ้านของเราอีกแล้ว”
“แม่คะ เทวิกาไม่ใช่คนแบบนั้น เธอกลับบ้านพ่อแม่ของเธอ ถึงแม้เทวิกาจะเป็นหลานสะใภ้ของตระกูลอริยชัยกุล แต่เธอก็ไม่ได้ทำตัวหยิ่งยโส ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ คุณพัฒน์ยังอาศัยอยู่ในห้องเช่ากับเธออยู่เลย”
“คุณพัฒน์ดีกับเทวิกามาก เพื่อเทวิกาแล้ว เขาถึงกับยอมอาศัยอยู่ในห้องเช่า ถ้าหนูได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ เหมือนคุณพัฒน์ได้สักคน แม้จะนอนหลับอยู่ยังยกยิ้มจนตื่นเลยค่ะ”
ทักษอรพูดกับเธอ “แม่ขอให้คนแนะนำผู้ชายสักคนให้ลูก ลูกก็ปฏิเสธทุกครั้ง แล้วยังบอกว่าอยากแต่งงาน แฟนยังไม่มี จะแต่งงานกับผีหรือไง”
“แม่คะ หนูยังเด็ก แม่ไม่อยากเก็บหนูไว้อีกสักสองปีเหรอคะ”
“อายุยี่สิบสี่ปีแล้ว ยังเด็กอยู่อีกเหรอ ตอนที่แม่อายุเท่าลูก พี่ชายของลูกก็เดินได้แล้ว”
ทักษอรบ่นว่า “ลูกสาวโตแล้ว ควรแต่งงานได้แล้ว จะให้อยู่ที่บ้านนานๆ ไม่ได้ ยิ่งอยู่ยิ่งเกิดเรื่องทะเลาะกันมากขึ้น แม่ไม่อยากให้เรากลายเป็นศัตรูกัน ลูกรีบหาผู้ชายแต่งงานได้แล้ว หรือลูกจะทำเหมือนเทวิกา ไปเช่าผู้ชายสักคนกลับมา เช่าไปเช่ามาก็กลายเป็นคนรักกันจริงๆ”
กนกอร “…แม่คะ หนูไม่ใจกล้าเหมือนเทวิกา แล้วอีกอย่างสามีที่เทวิกาเช่ามาเธอก็รู้จักเขาด้วย”
“ถึงแม้จะรู้จักแต่ก็ถูกหลอกจนหัวหมุนด้วย”
กนกอรยกยิ้มอย่างชอบใจ “สามารถถูกผู้ชายที่ดีแบบนั้นหลอกให้แต่งงานด้วย หนูเต็มใจถูกหลอก”
ทักษอรขว้างผักใส่ลูกสาว
“แม่คะ ทำอะไรเนี่ย”
“สามีเพื่อน อย่าคิดแย่ง! อย่าคิดอะไรบ้าๆ อย่าคิดจะเป็นเพื่อนสนิทที่คิดไม่ซื่อกับสามีเพื่อนเด็ดขาด”
กนกอรหน้าบูดบึ้ง “แม่คะ แม่พูดอะไรกัน หนูเป็นคนแบบนั้นหรือไง?”
ผู้ชายเจ้าเล่ห์อย่างยศพัฒน์ เธอสู้ไม่ไหว
“ยังไงแม่ก็ต้องเตือนไว้ก่อน ถึงแม้จะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต ลูกก็ห้ามไปเป็นมือที่สามทำลายชีวิตครอบครัวคนอื่นเด็ดขาด ถ้าลูกกล้าทำแบบนั้น อย่าโทษแม่ถ้าจะไล่แกออกจากบ้าน และตัดสัมพันธ์แม่ลูกด้วย”