คุณสามีพันล้าน - บทที่ 103 รับผิดชอบจนถึงที่สุด
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 103 รับผิดชอบจนถึงที่สุด
“พัฒน์ มาแล้วเหรอ มากินข้าวด้วยกันเถอะ”
สิรภพยิ้มต้อนรับลูกเขย
ผู้อาวุโสทั้งสองคนของบ้านบ้านตระกูลวาชัยยุงเองก็ต้อนรับยศพัฒน์กันอย่างอบอุ่น
“พัฒน์ คนบ้านเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้ คราวหลังมาก็ไม่ต้องซื้อของมามากมายหรอก”
สิรภพรับของฝากมาจากมือของลูกเข พลางตำหนิยศพัฒน์เล็กน้อย
ยศพัฒน์ยิ้มเอ่ยว่า “ก็ไม่ได้ซื้อของอะไรหรอกครับ เป็นแค่พวกอาหารเสริมน่ะ ให้คุณปู่คุณย่ากินบำรุงร่างกาย ได้ยินมาว่าคุณแม่นอนไม่หลับง่าย ผมก็เลยซื้อพวกอาหารเสริมช่วยนอนหลับมาให้แม่ครับ”
“พ่อ เหล้าสองขวดนี้ให้พ่อครับ”
แน่นอนว่ายศพัฒน์ย่อมไม่อาจละเลยพ่อตาไปได้
สิรภพปากบอกว่าเขาฟุ่มเฟือย แต่ตอนที่เห็นเหล้าสองขวดนั้นก็ยังคงตาลุกวาว
เทวิการีบกำชับพ่อทันทีว่า “พ่อ นานๆทีดื่มแก้วเดียวก็พอ อย่าดื่มมากเกินไป”
“พ่อรู้น่า พ่อไม่ได้ติดเหล้าเสียหน่อย” เขาชอบดื่มเหล้าก็จริง ทว่าก็ไม่เคยดื่มมากเกินไป ทุกวันตอนกินข้าว เขาก็จะดื่มแค่แก้วเดียว ถ้ามีแขกมา ก็จะดื่มมากหน่อย
แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่เคยดื่มจนเมา
เทวิกาพายศพัฒน์ไปล้างมือ
ไม่นาน คนทั้งครอบครัวก็นั่งกินข้าวกันที่โต๊ะอาหาร
ตอนที่กินข้าว เทวิกากังวลว่ายศพัฒน์ไม่กล้าคีบอาหาร เธอจึงคีบให้เขาไม่หยุด เธอชอบกินเคาหยกและซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานก็จึงคีบให้ยศพัฒน์ด้วย
ยศพัฒน์ไม่เลือกกิน ภรรยาคีบอะไรให้เขา เขาก็กินอันนั้น
แม้เทวิกาจะคีบผักเขียวให้เขากิน เขาก็กินได้อย่างเอร็ดอร่อย
คนบ้านตระกูลวาชัยยุงมองเทวิกาที่คีบอาหารให้ยศพัฒน์ไม่หยุด พลางพร้อมใจกันเงียบ
ตอนนี้ทุกคนต่างรู้ตัวตนและตำแหน่งของยศพัฒน์แล้ว
หากเทียบกับฐานะทางบ้านของพวกเขานั้นนับว่าอยู่สูงจนเอื้อมไม่ถึง
พิชญ์สินีเองก็เคยพูดกับพ่อแม่ลูกเขย แนะให้เทวิกากับยศพัฒน์หย่ากัน ตอนนี้ดูแล้ว เกรงว่าหนุ่มสาวคู่นี้คงไม่มีทางหย่ากันแล้ว
หลังทานอาหารเสร็จ ยศพัฒน์ก็แย่งเก็บถ้วยตะเกียบ
“แม่ ให้ผมทำเถอะครับ แม่ไปนั่งดูทีวีที่โซฟาเถอะ เรื่องล้างจานไว้ใจผมได้เลย”
ยศพัฒน์รู้ดีอยู่แก่ใจว่าแม่ยายคิดว่าเขารวยและสูงศักดิ์เกินไป คิดว่าเขาเป็นเทพที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก
แต่เขาจะเดินลงจากแท่นบูชา ปรับตัวเข้ากับบ้านตระกูลวาชัยยุง ให้แม่ยายวางใจ ว่าเขาไม่ได้เข้าถึงยากอย่างที่คิด
เทวิกาแต่งงานกับเขา เขาจะไม่มีวันให้เธอได้เสียเปรียบ
และจะสามารถทำให้เทวิกามีความสุขได้อย่างแน่นอน
“พัฒน์ จะให้นายทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน นายคือคุณชายใหญ่ของตระกูลอริยชัยกุล คือท่านประธานของบี.เอ.เอ็ม. กรุ๊ป ในสายตาของคนธรรมดาอย่างเรา นายคือคนที่อยู่บนยอดฟ้า”
พิชญ์สินีต้องการหยุดยศพัฒน์ไม่ให้ทำงานบ้าน
ไม่ว่าสามีภรรยาคู่นี้จะหย่ากันหรือไม่ หลังจากที่เธอรู้ตัวตนของลูกเขย ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่กล้าให้ลูกเขยทำงานบ้าน
เธอจึงหันไปพูดกับลูกสาวตัวเองว่า “เทวิกา เธอมาช่วยแม่เก็บถ้วยไปล้าง ให้พัฒน์ไปดื่มชาคุยกับพ่อ”
เทวิกาตอบโดยอัตโนมัติว่า “แม่ ตอนพักอยู่ด้านนอก ก็พัฒน์เป็นคนทำอาหารล้างจานเก็บกวาดถูบ้านทุกอย่าง เอาเป็นว่างานบ้านทุกอย่างเขาเป็นทำเองหมดเลย แม่วางใจเถอะ เขาไม่ทำจานแม่แตกหรอก”
พิชญ์สินีถลึงตาใส่ลูกสาว
ยศพัฒน์ถือโอกาสเก็บถ้วยตะเกียบเข้าไปล้างทันที
ส่วนเทวิกาก็เช็ดโต๊ะ
เห็นยศพัฒน์เข้าไปในห้องครัว พิชญ์สินีก็ตำหนิลูกสาวเสียงเบาว่า “เทวิกา นั่นพัฒน์เขาเป็นถึงใครกัน เธออย่าแกล้งเขา เอาแต่ให้เขาทำเรื่องพวกนี้ที่ไม่เข้ากับฐานะเขา”
“แม่ เขาเป็นคนแย่งไปทำเองทั้งนั้น อันที่จริง เขาก็แค่อยากจะทำดีต่อหน้าแม่ก็เท่านั้นแหละ แม่จะไม่ให้โอกาสเขาก็ไม่ได้หรอกจริงไหม?”
พิชญ์สินีสะอึก
สิรภพเองก็ตำหนิภรรยาว่า “วิกาพูดถูก พัฒน์อยากจะแสดงด้านดีๆให้เห็น เธอก็ต้องให้โอกาสเขา พิสูจน์ให้เธอเห็นว่าเขาสามารถทำให้ลูกสาวเธอได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้หรือเปล่า”
พิชญ์สินี “……”
“วิกา เธอออกมากับฉัน แม่จะคุยกับเธอที่ลานกว้าง”
และก็ถือโอกาสตอนที่ยศพัฒน์กำลังล้างจาน ไม่ได้ยินสองแม่ลูกแอบคุยกัน
เทวิกาตอบเสียงอ้อ
ซ้ำยังหยิบองุ่นไร้เม็ดที่ล้างสะอาดไปจากถาดผลไม้พวงหนึ่ง
ลานกว้างของบ้านตระกูลวาชัยยุงไม่ได้ใหญ่มากนัก เทียบกับลานกว้างคฤหาสต์ส่วนตัวของยศพัฒน์ไม่ติดเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคฤหัสถ์เมเปิล อ้อ เทวิกายังไม่เคยไปคฤหัสถ์เมเปิล เธอไม่รู้ว่าคฤหัสถ์เมเปิลใหญ่จริงๆขนาดไหน
พิชญ์สินีเห็นลูกสาวยังไม่ลืมหยิบของกินติดมือมาด้วยก็รู้สึกหมดคำพุดเล็กน้อย
“วิกา เธอบอกแม่สิ ว่าเธอคิดยังไง? ครั้งก่อนที่แม่คุยกับเธอ เธอฟังเข้าไปแล้วหรือยัง?”
เทวิกากินองุ่นไปสองลูก รู้สึกว่าหวานมาก แล้วยังไร้เม็ดอีก ไม่จำเป็นต้องคายเม็ดออกมา ล้างสะอาดก็กินได้เลยทีเดียว สะดวกสุดๆ
เธอเด็ดองุ่นลูกหนึ่งป้อนไปที่ปากแม่ แล้วเอ่ยอย่างเอาใจว่า “แม่ องุ่นนี้หวานมาก แม่ชิมดูสิ”
พิชญ์สินีอ้าปากกินองุ่นลูกหนึ่ง
“แม่ หนูกับพัฒน์ก็จดทะเบียนสมรสกันแล้ว แล้วหนูก็เป็นคนทำให้เขาเดือดร้อนก่อน ตอนนี้เรื่องที่เราสองคนแต่งงานกันก็ประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว คนทั้งเมืองแอคเซสซ์ รู้หมดแล้วว่าเราคือสามีภรรยากัน”
“หนูคิดดูแล้ว หนูเองก็รู้สึกดีกับเขา ถึงขั้นชอบเขามากๆ ในเมื่อหนูเป็นฝ่ายทำให้เขาเดือดร้อนก่อน งั้นก็รับผิดชอบจนถึงที่สุดเถอะ หนูจะใช้ชีวิตกับเขาต่อไป”
“ไม่ว่าเราสองคนจะแตกต่างกันขนาดไหน เส้นทางในอนาคตจะมีมรสุมเท่าไหร่ หนูก็ยอมจับมือไปเผชิญด้วยกันกับเขา เผชิญกับอุปสรรคต่างๆในชีวิต”
เทวิกาเอ่ยอย่างหนักแน่น
นี่คือสิ่งที่เธอคิดได้ในวันนี้
เธอไม่ต้องการคิดเรื่องหย่าร้างกับยศพัฒน์อีก
หากใช้คำพูดของเธอ เธอเป็นคนทำให้ยศพัฒน์เดือดร้อนก่อน จ้างเขามาเป็นสามีเธอ ก็ต้องรับผิดชอบจนถึงที่สุด
พิชญ์สินีเอ่ยเตือนเธอว่า “ตระกูลอริยชัยกุลคือตระกูลเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมือง ด้านบนเธอยังมีแม่กับย่าสามีอีกสองคน เธอไม่กลัวเหรอว่าจะจัดการความสัมพันธ์กับแม่และย่าสามีไม่ได้?”
“กฎเกณฑ์ก็เยอะ ไม่แน่คราวหลังถ้าเธออยากกลับบ้านแม่ ตระกูลอริยชัยกุลก็อาจจะไม่ยอม กลัวว่าเธอจะหอบเอาข้าวของบ้านสามีกลับมาบ้านแม่”
เทวิกายิ้มเอ่ยว่า “แม่ หนูไม่กลัว ไม่เคยลองดูจะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองจะจัดการความสัมพันธ์กับแม่สามีไม่ได้?”
“ตามความเข้าใจของหนูกับน้องชายของยศพัฒน์และคุณปู่คุณย่า พวกเขาไม่มีทางคิดว่าหนูกลับมาบ้านแม่ก็คือหอบเอาข้าวของมาจากบ้านสามี หนูเองก็ไม่มีทางทำแบบนั้น หนูหาเงินเองได้ ที่บ้านต้องการอะไร หนูใช้เงินตัวเองก็สามารถซื้อกลับมาให้พ่อกับแม่ได้”
“ถ้าสมมติ ว่าพวกเขาต้องการให้เธออยู่บ้านเป็นคุณนายน้อย ไม่สามารถออกมาทำงานได้อีก เธอจะทำยังไง? นิสัยเธอรักอิสระ ทนกับกฎเกณฑ์ที่ผูกมัดเธอไว้ไม่ได้หรอก”
“วิกา แม่ไม่ได้อยากจะแยกพวกเธอออกจากกัน แม่แค่รู้สึกว่าพวกเธอแตกต่างกันเกินไป แม่กังวลว่าในอนาคตถ้าหนูถูกทิ้งแล้วจะเสียใจ”
“แค่ตาณคนเดียวก็ทำหนูเสียใจนานขนาดนั้น อีกนิดก็เกือบจะไม่แต่งงานไปบวชชีแล้ว”
เทวิกา “……แม่ ตาณจะเทียบกับพัฒน์ได้ยังไง อีกอย่าง ตาณเลิกกับหนูเองก็มีเหตุผลอย่างอื่น หนูยอมรับว่าตอนเพิ่งอกหักหนูเสียใจมากๆ แต่ตอนนี้ก็ผ่านมาได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ตอนนี้พูดถึงตาณ ในใจหนูสงบมากๆและไม่รู้สึกอะไรแล้ว แสดงว่าหนูปล่อยวางจากเขาได้นานแล้ว”
บทที่ 102 ฉันคิดถึงเธอ
บทที่ 104 สารภาพเรื่องตัวตนที่แท้จริง