คุณสามีพันล้าน - บทที่ 108 ตบไม่ยั้ง
ไซม่อนฟังคำพูดของภรรยา ในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์
ภรรยาจำอดีตของพวกเขาได้ แต่กลับแยกเขาไม่ออก มักจะเห็นลูกชายเป็นเขาตลอด
“แม่ ผมไม่เหนื่อย ให้ผมอุ้มน้องเถอะครับ”
ประยสย์อุ้มตุ๊กตาตัวนั้นจากอ้อมกอดแม่
จากนั้นก็พยุงแม่ด้วยมือเดียว แล้วเดินผ่านหน้าพวกคุณหญิงใหญ่
ตอนที่สองแม่ลูกเดินผ่าน คุณหญิงสองกับคุณหญิงสามก็แค่นเสียงเหอะแผ่วเบา
“เธอเหอะอะไร? อยากทำลูกฉันตกใจตายหรือไง?”
แม้คุณหญิงธิษณาจะเป็นบ้าก็จริง แต่กลับหูดีมากๆ
ได้ยินน้องสะใภ้สองคนแค่นเสียงเหอะ ก็พลันโมโหและหยุดฝีเท้าลงทันที จากนั้นก็กระชากตัวคุณหญิงสามแล้วง้างมือตบหน้าเธอ
“อะ!”
คุณหญิงสามคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงบ้าจะตบเธอ
เธอถูกตบจนใบหน้าแสบร้อน ทั้งโกรธทั้งเกลียด กรีดร้องเสียงดังมากๆ
“ยังจะร้องอีก ร้องจนลูกฉันตื่น ยัยคนต่ำทราม อยากแย่งสามีและลูกฉันไป ไม่มีทางเสียหรอก!”
คุณหญิงธิษณาโกรธจัดถึงขีดสุด
ไม่รอให้คุณหญิงสามมีโอกาสขัดขืนและเอาคืน เธอก็ตบหน้าคุณหญิงสามจนหน้าแดงบวมทั้งสองข้าง
คุณหญิงสองตกใจจนปล่อยมือที่พยุงคุณหญิงใหญ่เอาไว้ แล้วถอยกรูดไปหลายก้าว เมื่อนึกถึงคุณหญิงใหญ่ ก็รีบไปลากคุณหญิงใหญ่ถอยหลังด้วยกันทันที
คนบ้าแรงเยอะมากๆ ตบคนราวกับจะตีให้ตาย
ปกติพวกเธอแค่กล้าด่าต่อหน้าแม่สามีเท่านั้น ไม่กล้าปะทะกับคนบ้าตรงๆหรอก
จู่ ๆคุณหญิงธิษณาก็อาละวาด ไม่เพียงแค่คุณหญิงสามที่ตั้งตัวไม่ทัน แม้แต่พวกประยสย์เองคิดไม่ถึง
รอจนกระทั่งคุณหญิงธิษณาตบหน้าคุณหญิงสามจนพอใจ ประยสย์ก็จึงจะตอบสนอง รีบเดินไปแยกตัวแม่ออกมาทันที
เผลอดึงแรงเกินไป จนคุณหญิงสามเกือบล้มลงไปกับพื้น สรปุคือสภาพของคุณหญิงสามนั้นย่ำแย่มากๆ
“ไป ไสหัวออกไปจากบ้านฉัน! ไม่งั้นฉันเจอแกหนึ่งครั้งก็จะตบแกหนึ่งที ยัยคนต่ำทรามไร้ยางอาย นางแพศยาอ่อยสามีคนอื่น พ่อแม่แกสั่งสอนลูกสาวหน้าไม่อายแบบนี้ออกมาได้ยังไง?”
คุณหญิงธิษณาชี้หน้าคุณหญิงสามและก่นด่า
คุณหญิงทั้งถูกตบและถูกด่า พลันรู้สึกโกรธเกรี้ยวไม่ต่างกัน
เธอตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นไปสะสางหนี้แค้นกับคุณหญิงธิษณา คนใช้รีบรั้งไว้เธอไว้สุดชีวิต
“คุณหญิงสาม คุณหญิงเป็นคนบ้า คุณอย่าถือสาคนบ้าเลยนะคะ”
“แม่ เราออกไปกันเถอะ อย่าไปสนคนแบบนี้อีกเลย”
ประยสย์เองก็เกลี้ยกล่อมแม่ให้ไป
หลังจากที่ประยสย์พูดกล่อม คุณหญิงธิษณาก็เดินออกไปกับลูกชาย
“ปล่อยฉัน ปล่อยฉัน ยัยบ้านั่นบังอาจมาตบฉัน พวกแกเป็นคนตายหรือยังไง ปล่อยให้ยัยบ้านั่นมาตบฉัน”
คุณหญิงสามเองก็โมโหจนจะกลายเป็นบ้าแล้ว
เธอพุ่งตัวไปตรงหน้าคุณหญิงใหญ่ ชี้หหน้าตัวเองแล้วร้องไห้เอ่ยอย่างน้อยใจว่า “แม่คะ ดูหน้าฉันสิ ยัยบ้านั่นบังอาจมาตบฉันจนกลายเป็นแบบนี้ หน้าฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว!”
“พี่ใหญ่ พี่ส่งยัยบ้านั่นออกไปเดี๋ยวนี้เลย อย่าให้หล่อนอยู่ในบ้านอีก หล่อนอาละวาดบ่อยจนตอนนี้ถึงขั้นมาตบตีฉันแล้ว”
คุณหญิงสามระบายความน้อยใจกับคุณหญิงใหญ่เสร็จก็หันไปตะโกนกับไซม่อน
หลายยุ่ยมองน้องสะใภ้สามที่ถูกภรรยาตบหน้าหลายที แม้จะรู้สึกขอโทษน้องสะใภ้สาม ทว่าหลังจากที่ฟังคำพูดของคุณหญิงสาม เขาก็เอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า “เมื่อกี้เธอพูดอะไรใส่หล่อนล่ะ ไม่งั้นหล่อนก็ไม่มีทางลงไม้ลงมือหรอก”
“เมียฉันอยู่ในบ้านฉัน ถ้าเธอรู้สึกว่าหล่อนเสียงดัง งั้นเธอก็ไม่ต้องมาที่นี่ก็ได้”
ตระกูลสาระทาก็เหมือนตระกูลอริยชัยกุล ทั้งครอบครัวต่างอาศัยอยู่ในคฤหาสต์ที่เดียวกัน ทว่าทุกครอบครัวก็จะมีบ้านและสวนของตัวเอง
ทั้งเชื่อมต่อและเป็นอิสระออกจากกัน
สามารถอยู่ของใครของมันและไม่ยุ่งเกี่ยวกันได้โดยสิ้นเชิง
คุณหญิงสองและคุณหญิงสามมักจะมาที่บ้านใหญ่ แม้จะใช้ข้ออ้างว่ามาอยู่เป็นเพื่อนคุณหญิงใหญ่ แต่แท้จริงแล้วก็คือแย่งเอาใจและยุยงปลุกปั่น อยากจะไล่คุณหญิงธิษณาไปที่ชานเมือง
“พี่ใหญ่!”
คุณหญิงสามทั้งโกรธทั้งแค้น
“แม่ รบกวนแม่พักผ่อนแล้ว ให้น้องสะใภ้สองพาแม่กลับห้องไปพักผ่อนเถอะ”
หลายุ่นเดินไปพยุงแม่ตัวเอง
คุณหญิงใหญ่ยังคงไม่หายตกใจ เอ่ยกับลูกชายว่า “เมียนายอาละวาดแบบนี้ตลอด จนบ้านเราไม่เคยจะได้สงบสุข นายส่งหล่อนไปพักฟื้นที่คฤหาสต์ชานเมืองดีกว่า”
“นายกับพลอยเองก็ต้องตัดสินใจเร็วๆ เธออายุน้อยกว่านายขนาดนั้น จะไม่รอนายนานเกินไปหรอกนะ”
ไซม่อนเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “แม่ เรื่องของผมกับพลอย ผมจะจัดการให้เรียบร้อยแน่นอน ประยสย์ปกป้องแม่เขาขนาดนั้น พูดถึงว่าจะส่งแม่เขาไปทีไร เขาก็ทะเลาะกับผมทุกที”
“แม่ ผมมีลูกแค่สองคน วิกาหายตัวไป เป็นตายร้ายดียังไงบ้างก็ไม่รู้ มีแค่ประยสย์ที่โตมากับผม เพราะเรื่องจะส่งแม่เขาไป เราสองคนพ่อลูกมักจะทะเลาะกันบ่อยครั้ง จนความสัมพันธ์พ่อลูกจะไม่มีอยู่แล้ว”
“แม่คงไม่อยากให้ผมกลายเป็นคู่แค้นกับประยสย์หรอกจริงไหม?”
คุณหญิงใหญ่ “……ลูกสะใภ้สอง พาฉันกลับห้อง น่าโมโหชะมัด ลูกสะใภ้สาม เธอกลับไปประคบน้ำแข็ง คราวหลังก็พูดอะไรต่อหน้าหล่อนน้อยๆหน่อย ยั่วโมโหหล่อน คนที่เสียเปรียบจะเป็นเธอ”
คุณหญิงสองรีบพยุงคุณหญิงใหญ่กลับห้องทันที
คุณหญิงสามรู้สึกว่าแม่สามีก็ยังคงลำเอียงเข้าข้างบ้านใหญ่อยู่ดี
ก็จริง ตอนนี้พี่ใหญ่ยังเป็นผู้นำตระกูลอยู่เลย หลังจากที่โอเอ กรุ๊ปอยู่ในความดูแลของพี่ใหญ่ก็รุ่งเรืองถึงที่สุด ทรัพย์สินส่วนตัวของพี่ใหญ่ก็มีนับไม่ถ้วน
ช่างน่าอิจฉาจริงๆ
คุณหญิงสามหันตัวเดินจากไปอย่างโมโห
ประยสย์ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้
เขาพาแม่ออกมาจากคฤหาสต์ แล้วเดินเล่นบนสนามหญ้าที่เขาคุยโทรศัพท์เมื่อกี้นี้
“แม่ ผผมจะตามหาน้องสาวกลับมาแน่ ๆ ตอนนี้มีเบาะแสหน่อยแล้ว เชื่อว่าไม่นาน ผมก็จะหาน้องสาวเจอ”
“น้องต้องยังมีชีวิตอยู่แน่นอน”
ไม่งั้นก็ไม่มีใครสืบว่าบ้านไหนมีเด็กสูญหายไปหรอก
คุณหญิงธิษณากลับพูดเรื่องอื่น เอ่ยว่า “คุณสามี คราวหลังถ้านางจิ้งจอกพวกนั้นมาหาอีก ฉันก็จะตบปากพวกหล่อนแรงๆเหมือนเมื่อกี้นี้”
“คุณจะรู้สึกว่าฉันดุมากไปหรือเปล่า?”
ประยสย์ยิ้ม เอ่ยว่า “แม่ แม่ไม่ดุ แม่ไม่ดุเลยสักนิด แม่เป็นคนที่อ่อนโยนและใจดีที่สุด”
คุณหญิงธิษณาถูกลูกชายพูดเอาใจก็เผยใบหน้าแต้มยิ้ม เอ่ยว่า “ฉันว่าแล้วว่าสามีฉันต้องเข้าข้างฉัน แม่มักจะบอกว่า คุณเป็นผู้นำตระกูล ต้องไปงานเลี้ยงสังสรรค์ บอกว่าอยู่ในสิ่งแวดล้อมแย่ๆ ไม่มีใครหรอกที่จะไม่นอกใจ”
“บอกให้ฉันลืมตาข้างหลับตาข้าง ฉันไม่เอาหรอก สามีฉันเป็นของฉันเพียงคนเดียว ฉันไม่มีวันแบ่งปันสามีฉันกับคนอื่นเด็ดขาด”
“แม่เองก็เคร่งกับพ่อมากเลยไม่ใช่หรือไง ตัวเองยังไม่อยากจะแบ่งปันความรักของพ่อกับคนอื่น แล้วมีสิทธิ์อะไรให้ฉันแบ่งปันคุณกับคนอื่น”
“เราสี่คนจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป!”
ประยสย์ฟังคำพูดของแม่ ในใจโกรธเกลียดจนถึงขีดสุด
เขาเคยได้ยินมาว่าคุณย่ามักจะสอดมือเข้ามายุ่งชีวิตแต่งงานของพ่อแม่ เกลี้ยกล่อมแม่อนุญาตให้พ่อนอกใจเจ้าชู้ด้านนอก อย่าเคร่งกับพ่อมากเกินไป
บอกว่าผู้ชายอยู่ด้านนอกก็แค่เล่นสนุก ตราบใดที่เขายังกลับมาบ้านหลังนี้ก็พอแล้ว
แต่พ่อกับแม่ไม่ฟังคำพูดของย่า เพราะแบบนี้ คนที่ระรานพ่อจึงเกลียดแค้นที่ไม่สมหวังในความรัก แล้วอุ้มน้องสาวเขาไป
ทำให้พ่อกับแม่เจ็บปวดมายี่สิบกว่าปี