คุณสามีพันล้าน - บทที่ 109 พ่อลูกตระกูลสาระทา
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 109 พ่อลูกตระกูลสาระทา
ประยสย์พาแม่เดินวนสนามหญ้าไม่กี่รอบก็กลับมา
ตอนที่คุณหญิงธิษณากลับมา เธออุ้มตุ๊กตาเอาไว้ ใบหน้าแต้มยิ้มอ่อนโยน เธอดูสุขุมใจเย็น ท่วงท่าสง่าสาม
เธอในตอนนี้ ดูไม่เหมือนคนบ้าเลยสักนิด
ทว่า นอกจากป้าอ้อยที่เดินไปหาเธอ ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เธออีก
แม้แต่ไซม่อนเองก็ลุกขึ้นมาจากโซฟา แต่กลับไม่ได้ก้าวเดินไปหา
“ป้าอ้อย ป้าพาแม่ผมกลับห้องไปพักผ่อนเถอะ”
ประยสย์เห็นพ่อยังอยู่ในบ้าน ก็รู้แล้วว่าพ่อมีเรื่องอยากจะคุยกับเขา
เขาจึงฝากแม่ให้ป้าอ้อยดูแล แม้บางครั้งป้าอ้อยจะบ่นบ้างว่าแม่เป็นยังไงๆ แต่ในใจก็ยังคงหวังให้แม่หายดีในสักวัน
ตอนนี้ในบ้านหลังนี้ คนที่หวังให้แม่หายดีจากใจจริงมีนับนิ้วได้
“ไซม่อน ฉันอุ้มลูกกลับห้องไปพักผ่อนก่อนนะคะ คุณยุ่งเสร็จเมื่อไหร่ก็รีบพักผ่อนด้วยล่ะ”
คุณหญิงธิษณาไม่เรียกลูกว่าคุณสามี แต่กลับเรียกชื่อสามีออกมาตรงๆ
ตอนที่เธอเรียกชื่อ ไซม่อนก็เผยยิ้ม กำลังจะตอบเธอ แต่กลับได้ยินลูกชายเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “แม่ ผมรู้แล้วครับ แม่รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ก่อนเที่ยงผมมีเวลาว่าง ผมจะพาแม่ออกไปพักผ่อนหย่อนใจนะครับ”
เพราะหลังจากที่แม่กลายเป็นบ้า หนึ่งคือคนตระกูลสาระทากลัวเสียหน้า สองคือกลัวคนบ้าทำคนอื่นบาดเจ็บ ดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้คุณหญิงธิษณาออกจากบ้าน
พูดได้ว่า ตั้งแต่ที่เนตรดาวหายตัวไป คุณหญิงธิษณาก็ไม่เคยออกจากบริเวณของตระกูลสาระทามายี่สิบกว่าปีแล้ว
โชคยังดีที่ตระกูลสาระทามีพื้นที่กว้างขวาง แม้จะเดินเล่นอยู่ในบ้านตัวเองก็ไม่รู้สึกเบื่อ
รอยยิ้มของไซม่อนชะงักกึก มองดูภรรยาอุ้มตุ๊กตาเดินขึ้นบันไดไปกับป้าอ้อยต่อหน้าต่อตา
ภาพในตอนนี้ เหมือนเมื่อยี่สิบกว่าปีไม่มีผิด……
“พ่อมีเรื่องอยากคุยกับผมเหรอ?”
ประยสย์เดินไปใกล้ สังเกตเห็นแววสลดในดวงตาของพ่อ เขายิ้มเย็น มุมปากแต้มไปด้วยแววเสียดสี
หลังจากที่แม่กลายเป็นบ้า พ่อกับพลอยก็รักใคร่สนิทสนมกัน ตอนนี้ไม่เพียงแค่คนของตระกูลสาระทา แม้แต่คนทั้งเมืองซูเพร่าก็ต่างเห็นพลอยเป็นคุณหญิงธิษณาของตระกูลสาระทา
ประยสย์รู้ดี ว่าก็เป็นเพราะครอบครัวฝั่งแม่ล้มเหลวแล้วเช่นกัน คุณตาคุณยายและน้าอาของเขาล้วนตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงญาติพี่ชายที่แบกภาระไว้เพียงลำพัง ทว่ากลับยากจะยืนหยัดได้ด้วยตัวคนเดียว
หลายปีที่ผ่านมานี้ หากไม่ใช่ว่ามีตระกูลสาระทาเป็นแบคหนุนหลัง ทรัพย์สินของญาติพี่ชายคนนั้นและบริษัทคงถูกคนบางกลุ่มแบ่งกันเสร็จสรรพจนไม่เหลือแล้ว
ดังนั้น หากแม่คาดหวังอยากให้ครอบครัวฝั่งแม่ช่วยหนุนหลังนั้นเป็นไปไม่ได้
นี่เองก็เป็นเหตุผลที่พลอยยิ่งอยู่ยิ่งเหิมเกริม เพราะครอบครัวฝั่งแม่ของพลอยแข็งแกร่งไง
“อืม ไปห้องสมุดพ่อ”
ไซม่อนละสายตาจากภรรยา พลันปะทะกับแววตาที่เสียดสีของลูกชาย เขาอ้าปากเล็กน้อย ราวกับว่าอยากอธิบาย ทว่าท้ายที่สุดกลับกลืนคำพูดลงไป ไม่พูดอะไรอีก แล้วหันตัวเดินจากไป
ห้องสมุดของไซม่อนไม่เหมือนของคนอื่นที่อยู่ในบ้าน ของเขานั้นสร้างอยู่ด้านนอก เป็นบ้านไม้เดี่ยวหลังหนึ่ง บริเวณบ้านไม้ว่างเปล่า ไม่มีอะไรทั้งนั้น
ปกติ บอดี้การ์ดของไซม่อนจะคอยเฝ้าห้องสมุด หากไซม่อนไม่ได้พามา ใครก็ไม่สามารถเข้าไปในห้องสมุดของผู้นำตระกูลได้ นั่นคือบริเวณต้องห้ามของตระกูลสาระทา
ปรึกษาหารือในห้องของคุณท่าน ก็ไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะได้ยิน เพราะไม่มีที่ซ่อนให้แอบฟัง
ไซม่อนเลือกคุยโทรศัพท์ที่สนามหญ้า ก็คือเลียนแบบมาจากวิธีการของพ่อ
ตลอดทั้งทาง สองพ่อลูกต่างไม่พูดอะไรกัน
ยามค่ำคืนที่เงียบสงบ
ไฟข้างทางราวกับทหารเฝ้าเมืองที่จงรักภักดี นำแสงสว่างมาให้ใต้หล้านี้
“คุณท่าน นายน้อย”
บอดี้การ์ดที่เฝ้าห้องสมุดเห็นสองพ่อลูกเดินมาก็ขานเรียกอย่างนอบน้อม
บอดี้การ์ดสี่คนเป็นลูกน้องคนสนิทของไซม่อน จงรักภักดีต่อเจ้านาย ไม่ว่าใครก็ไม่อาจซื้อตัวไปได้ พวกเขาเชื่อฟังไซม่อนเพียงผู้เดียว แม้แต่นายใหญ่ก็สั่งการพวกเขาไม่ได้
ทว่ากับนายน้อยประยสย์ ทั้งสี่คนก็ถือว่าปฏิบัติตัวกับเขาดีมาก
ไซม่อนตอบเสียงอืม
ก่อนจะพาลูกชายเข้าไปในห้องสมุด
แม้จะบอกว่าเป็นบ้านไม้ ทว่าด้านในกลับถูกตกแต่งอย่างประณีต มีข้าวของเครื่องใช้ครบครันทุกอย่าง
ไซม่อนไปเทน้ำ เดินถือแก้วน้ำอุ่นให้ลูกชายและตัวเองคนละแก้ว
ประยสย์ไม่ได้นั่งลง กลับเดินตรงไปยังหน้าโต๊ะทำงาน แล้วหยิบกรอบรูปที่วางไว้บนโต๊ะขึ้นมาดู ด้านในคือภาพถ่ายครอบครัวของพวกเขาที่ถ่ายเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
แม้รูปภาพจะเก่า แต่มีคนทะนุถนอมอย่างใส่ใจ แม้จะผ่านไปยี่สิบกว่าปี รูปถ่ายก็ยังคงดูเหมือนเพิ่งถ่ายใหม่
ไซม่อนและคุณหญิงในรูปต่างยังหนุ่มยังสาว พวกเขาอุ้มเด็กไว้คนละคน ซึ่งก็คือสองพี่น้องประยสย์นั่นเอง
เขากับน้องสาวคือแฝดชายหญิง ทว่าหน้าตาของทั้งคู่กลับไม่ได้เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว แต่ก็คล้ายคลึงกันสี่ห้าส่วน เขาเหมือนพ่อ ส่วนพ่อเขาก็หน้าตาเหมือนปู่เขาตอนยังหนุ่ม
ส่วนน้องสาว แม่บอกว่าเธอเหมือนย่ามากๆ เพียงแต่ตอนที่อายุไม่กี่เดือน ไม่ว่าประยสย์จะมองยังไงก็ไม่สามารถเห็นหน้าของน้องสาวที่น่ารักทับซ้อนกับหน้าของย่าได้
เพราะคุณหญิงใหญ่อายุเยอะแล้ว แม้จะดูแลตัวเองดียังไง ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงริ้วรอยบนใบหน้าได้
“ดื่มน้ำก่อนสิ”
ไซม่อนยื่นน้ำแก้วหนึ่งให้ลูกชาย
ประยสย์รับแก้วน้ำที่พ่อยื่นมาให้แล้วเอ่ยขอบคุณ
“เราสองคนเป็นพ่อลูกกัน ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้น”
ไซม่อนถอนหายใจ เอ่ยว่า “ข้างกายพ่อมีแค่ลูกเพียงคนเดียวแล้ว เราสองคนพ่อลูกควรจะสนิทสนมกันหน่อยสิถึงจะถูก”
ประยสย์ไม่ตอบ แต่ดูจากรอยยิ้มตรงมุมปากเขาก็ดูออกได้ว่าเขากำลังยิ้มเย็น
ทำไมความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกถึงแตกหักกัน ก็เป็นฝีมือพ่อเพียงคนเดียวไม่ใช่หรือไง?
รังเกียจที่แม่เขากลายเป็นบ้า แล้วไปหาผู้หญิงอีกคนออกงานเลี้ยงด้วยกัน อย่างน้อยก็ควรจะให้คำอธิบายกับแม่เขาสิ
หย่ากันก็ได้
แต่ไม่ใช่มานอกใจแม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำยังพาพลอยมาที่บ้านอีก ผู้หญิงคนนั้นตั้งตนเป็นคุณหญิงธิษณา ถือโอกาสตอนที่เขาไม่อยู่บ้านกลั่นแกล้งแม่เขาไม่น้อย
“พ่อ พ่ออยากพูดอะไรก็พูดมาตรงๆเลย”
ประยสย์ยอมปริปากแล้วสักที
คำพูดตรงไปตรงมาของเขาทำให้ไซม่อนสะอึก
“น้องสาวนาย…..นายยังตามหาอยู่อีกเหรอ?”
ประยสย์ไม่ตอบ รอพ่อพูดต่อไป
“ตั้งหลายปีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเธอตายร้ายดียังไง มีชีวิตอยู่ก็ไม่เห็นคน ตายไปแล้วก็ไม่เห็นศพ จนวรันธรตายไปเกิดใหม่แล้ว”
เมื่อพูดถึงวรันธร แววตาของไซม่อนก็เผยแววเกลียดแค้น
ผู้หญิงคนนั้นทำให้ครอบครัวเขาแตกแยก
“หายสาบสูญไปตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว ถ้าเธอถูกคนอื่นเก็บไปเลี้ยง ไม่รู้ตัวตนของตัวเอง แม้ตอนนี้วิทยาศาสตร์จะก้าวไกล แต่อยากจะหาเธอเจอ ก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร”
“พ่อ พ่ออยากบอกให้ผมเลิกตามหาใช่หรือเปล่า?”
ไซม่อนเงียบครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “พ่อแค่รู้สึกว่าถ้าเราตามหากันต่อไป สมมติว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ งั้นเราก็อาจจะนำพาอันตรายให้เธอได้”
“หากเราล้มเลิก พวกเขาก็จะคิดว่าไม่มีภัยคุกคาม น้องสาวนายก็จึงจะสามารถอยู่รอดปลอดภัยต่อไปได้”
“เรากับเธอไม่มีวาสนาต่อกันเอง ไม่ว่าเธอจะยังมีชีวิตอยู่ที่ไหน เราก็อย่าไปรบกวนชีวิตเธออีกเลย”
ประยสย์เผยสีหน้าถมึงทึง ถามว่า “พลอยบอกให้พ่อยอมแพ้เหรอ?”
พลอยต้องการแต่งเข้ามาเป็นคุณหญิงธิษณา ในอนาคตก็จะมีลูกเหมือนกัน เธอย่อมไม่ต้องการให้มรดกทั้งหมดของไซม่อนตกเป็นของลูกคู่ฝาแฝดของเมียหลวง
ตอนนี้ประยสย์ยังเป็นนายน้อย รอเธอแต่งเข้ามาแล้วมีลูกชาย เธอก็จะไม่ให้ไซม่อนเป็นนายน้อยอีก