คุณสามีพันล้าน - บทที่ 111 แพนแค้กไข่กุยช่าย
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 111 แพนแค้กไข่กุยช่าย
ในตู้เย็นนอกจากไข่ไก่กับกุยช่ายหนึ่งกำก็ไม่มีวัตถุดิบอย่างอื่นที่ใช้ได้แล้ว
สองสามีภรรยาเห็นวัตถุดิบแค่นี้แล้วมองหน้าสบตากัน
ทำอะไรได้บ้าง? กุยช่ายผัดไข่?
“ฉันทำแพนเค้กไข่กุยช่ายให้เธอกิน” ยศพัฒน์เอ่ยเสียงเบา
เทวิกาตาลุกวาว ถามเขาว่า “นายทำเป็นเหรอ? แม่ฉันเคยทำให้ฉันกิน อร่อย ฉันชอบ”
ยศพัฒน์เอาไข่ไก่กับกุยช่ายออกมา ถามเทวิกาว่า “ที่บ้านมีแป้งอยู่ใช่ไหม?”
“มีสิ ตอนฉันอยู่บ้านก็ชอบทำของกินเล่นพวกนี้”
แม้คาเฟ่ของเธอจะมีเชฟขนมหวาน แต่บางครั้งเธอกับกนกอรก็จะช่วยงานด้วย เทวิกาถนัดทำพวกของกินเล่นหรือขนมหวานมากๆ
แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็คิดไม่ถึงว่ายศพัฒน์จะทำเป็นด้วย
ยศพัฒน์เคยบอกเธอว่า ลูกหลานของตระกูลอริยชัยกุล แม้จุดเริ่มต้นจะอยู่สูงกว่าคนอื่น แต่หากถึงอายุที่กำหนด ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนและฤดูหนาวของทุกปีก็จะส่งพวกเขาไปที่ฐานฝึกของตระกูล
ก็คือเข้ารับการฝึกฝนที่เกาะส่วนตัวของตระกูลอริยชัยกุล ต้องดูแลตัวเองและพึ่งตัวเองทุกอย่าง
เทวิกานึกว่ายศพัฒน์แค่พูดไปงั้นเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทำเป็นหลายอย่างจริงๆด้วย สำหรับเธอแล้ว เขาเหมือนเป็นหนังสือหนาเตอะเล่มหนึ่งชัดๆ
ทุกครั้งที่พลิกหน้ากระดาษ ก็จะได้พบกับเนื้อหาใหม่ๆ ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นและเซอร์ไพรส์
เธอน่ะ เก็บสมบัติได้จริงๆด้วย
“สมัยวัยรุ่นตอนที่ฉันอยู่ที่ฐานฝึกของตระกูล ฉันเรียนทำของว่างเยอะมาก แพนเค้กไข่กุยช่ายฉันทำมานับครั้งไม่ถ้วน อยู่ที่นั่น แม้แต่กุยช่ายฉันยังปลูกเอง ไข่ไก่ก็ออกมาจากแม่ไก่ที่ฉันเลี้ยงเอง”
ยศพัฒน์พูดไปพลางล้างกุยช่ายไปพลาง
“ได้ยินนายพูดแบบนี้ ฉันก็ยิ่งสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับฐานฝึกของตระกูลนายแล้ว ฉันไปดูที่นั่นได้ไหม?”
ยศพัฒน์หันศีรษะมามองเธอ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ได้อยู่แล้ว ฉันคือผู้นำตระกูล เธอคือคุณนายน้อยของตระกูลอริยชัยกุล ฐานฝึกของตระกูล เธอไปได้ทุกเมื่อ”
“อาทิตย์นี้ไม่มีเวลาไปแล้ว อาทิตย์หน้า ฉันพาเธอไปอยู่ที่นั่นสักสองวัน”
“ได้เลย”
เทวิกาตอบอย่างไม่ลังเล
เมื่อนึกได้ว่าดึกมากแล้ว สองสามีภรรยาก็ไม่ได้คุยกันต่ออีก
เทวิกาจงใจไม่ช่วยอะไร มองดูยศพัฒน์ทอดแพนเค้กไข่กุยช่ายให้เธอกิน
เมนูนี้ก็ทำไม่ยาก
ไม่นาน แพนเค้กไข่กุยช่ายก็ทำเสร็จและถูกตัดแบ่งเป็นชิ้น ก่อนจะถูกเสิร์ฟตรงหน้าเทวิกา
“หอมจัง”
เทวิกาชอบกลิ่นของกุยช่ายมากๆ
เธอรับแพนเค้กไข่กุยช่ายจานนั้นมา แล้วหยิบขึ้นมากินชิ้นหนึ่งอย่าอดใจรอไม่ได้
ยศพัฒน์เพิ่งล้างตะเกียบเสร็จ ก็เห็นเธอใช้มือหยิบกิน เขาหลุดขำแล้วยื่นตะเกียบให้เธอ “ใช้ตะเกียบเถอะ”
“ขอบคุณนะพัฒน์ นายจะกินด้วยไหม?”
ยศพัฒน์มองเธอยิ้มๆ เอ่ยว่า “ฉันไม่หิว เธอกินเถอะ”
แค่มองดูเธอกิน เขาก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว
ปกติงานยุ่งเกินไป เขาจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองไม่ได้ทำอาหารนานแค่ไหนแล้ว หลังจากที่แต่งงานกับเธอ เขาจึงจะก้าวขาเข้าไปในครัวอีกครั้ง
สุดท้ายเทวิกาก็ยังคงคีบแพนเค้กชิ้นหนึ่งป้อนใส่ปากเขา
“อร่อย”
เทวิกาเอ่ย
ยศพัฒน์กินไปด้วยยิ้มไปด้วย เอ่ยว่า “ฉันไม่ได้ทำนานแล้ว ยังดีที่รสชาติไม่เลว รอไปที่ฐานฝึกเมื่อไหร่ ฉันจะทำไก่อบดินให้เธอกิน ไก่ที่นั่นอร่อยมากๆ อาจจะเป็นเพราะเลี้ยงไก่แบบปล่อยล่ะมั้ง”
“เลี้ยงแบบปล่อยก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ไม่ให้อาหารเม็ด ให้กินแค่น้ำตาลและผักเขียวแทน ไก่แบบนี้ก็อร่อยมากเหมือนกัน”
“ที่ไม่ให้อาหารเม็ด เพราะที่นั่นต้องพึ่งตัวเองทุกอย่าง ตอนช่วงฝึกฝน ก็ไม่มีเรือมาใกล้ฐานฝึกเลยสักลำ ใครมันจะมีเวลามีเงินไปซื้ออาหารเม็ดกัน”
เทวิกากินไปพลางถามอย่างสงสัยไปพลางว่า “งั้นตอนที่พวกนายเพิ่งไป ไม่เข้าใจอะไรและไม่มีอะไรสักอย่าง แบบนั้นก็หิวแย่เลยสิ?”
ยศพัฒน์ยกยิ้มเบาๆ เอ่ยว่า “ตอนที่เพิ่งไปแรกๆ ก็อนุญาตให้เอาข้าว น้ำมัน เกลือและผักไปบ้าง ขั้นแรกก็คือทำกับข้าวกินเอง ทำออกมาแบบไหนก็กินของใครของมัน ไม่อนุญาตให้ช่วยคนอื่น และก็ไม่สามารถให้คนอื่นมาช่วยได้”
“จากนั้นก็เรียนทำแปลงปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ต่างๆ เพราะต้องพึ่งพาตัวเอง ปลูกอะไรก่อนที่จะสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ก็คือบททดสอบสำหรับทุกคน”
เทวิกาฟังเขาอธิบาย เอ่ยว่า “ถึงว่าทำไมบ้านมีพี่น้องเยอะแยะขนาดนั้น แต่ละคนก็ล้วนยอดเยี่ยมมากๆ ก็ไม่แปลกที่ตระกูลอริยชัยกุลสามารถกลายเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองแอคเซสซ์ ได้ อีกทั้งแต่ละรุ่นก็เก่งกว่าแต่ละรุ่นอีกต่างหาก”
วิธีการสอนของพวกเขาครอบคลุมทุกด้านมากๆ
ไม่เคยหละหลวมในการเรียนรู้
ด้านการใช้ชีวิตก็เข็มงวดมากๆ
แม้พวกเขาจะมีพร้อมทุกอย่าง มีชีวิตสุขสบายที่ยื่นแขนก็มีเสื้อให้ใส่อ้าปากก็มีข้าวให้กิน ทว่ากลับยังคงถูกสอนให้พึ่งพาตัวเอง ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ เรียนรู้ที่จะรักษาทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองมี
นี่เป็นการยุติพฤติกรรมที่เสื่อมเสีย
ในตระกูลอริยชัยกุล หากใครประพฤติตัวเสื่อมเสีย ก็จะถูกระงับสินทรัพย์ทุกอย่าง โยนกลับไปเข้ารับการฝึกฝนที่ฐานฝึกใหม่อีกครั้ง
“บรรพบุรุษเราก็เกิดมาในครอบครัวยากจน แต่พึ่งพาความพยายามของตัวเอง แล้วคว้าโอกาสไว้เป็น จึงสร้างธุรกิจครอบครัวที่ใหญ่ขนาดนี้ไว้ได้ คนรุ่นหลังอย่างเราไม่หวังว่าจะก้าวข้ามรุ่นบรรพบุรุษได้ แต่กลับต้องมีความสามารถดำรงไว้ซึ่งหยาดเลือดและหยาดเหงื่อของบรรพบุรุษได้”
เทวิกาพยักหน้า พึงพอใจกับการสอนและทัศนคติของตระกูลอริยชัยกุลมากๆ
เธอคีบแพนเค้กอีกชิ้นหนึ่งป้อนใส่ปากยศพัฒน์
ตอนที่ยศพัฒน์อ้าปากกินแพนเค้ก สายตาของเขาจับจ้องไปที่เธอ แววตานั่นอ่อนโยนจนแทบละลาย
คุณปู่กวินท์กับคุณย่าโบว์แง้มประตูห้องออกเล็กน้อย แล้วยื่นศีรษะออกมาดู พลันเห็นสองสามีภรรยาน้อยกำลังหวานแหววกัน ผู้อาวุโสทั้งสองเห็นดังนั้นก็ปิดประตูห้อง
คนชราหลับตื้น พวกเขาตื่นตั้งแต่ตอนที่สองสามีภรรยาน้อยเดินลงบันไดแล้ว
รู้ว่าหลานสาวตัวเองหิว จะให้ลูกเขยทำของกินให้กิน พวกเขาก็ไม่กล้าจะไปเป็นก้างขวางคอ
“พัฒน์ดีกับวิกามากจริงๆ”
คุณย่าโบว์เอ่ยชม “ประสบความสำเร็จตั้งแต่ตอนยังหนุ่ม หน้าตาก็ดีอีก หล่อกว่าพระเอกที่ฉันเห็นในละครเสียอีก ที่สำคัญคือเขาไม่ถือตัวเลยสักนิด ปรับตัวเข้ากับครอบครัวอย่างเราได้ ช่างหาได้ยากจริงๆ”
“ตอนนี้เพิ่งแต่งงานก็ต้องดีอยู่แล้ว ที่เราต้องดูคือต่อจากนี้ไปต่างหาก อย่าลืมล่ะวิกายังไม่เคยเจอกับพ่อแม่สามีเลย เธอยังไม่เคยไปแม้แต่บ้านจริงๆของแม่สามีเลยด้วยซ้ำ”
เทวิกาเคยไปแค่คฤหาสต์ส่วนตัวของยศพัฒน์ที่คอนโดกรีนทาวน์
แต่ก็ถือเป็นแค่บ้านเล็กของยศพัฒน์
คฤหัสน์เมเปิลต่างหากที่เป็นบ้านที่แท้จริงของแม่สามีเทวิกา
“คนรวยชอบเลี้ยงกิ๊กมีเมียน้อยด้านนอก ใครจะรู้ว่าในอนคตพัฒน์จะไม่เป็นแบบนั้น? เขาหน้าตาดีขนาดนี้ ซ้ำยังรวยมากอีกต่างหาก”
คุณปู่กวินท์บ่นพึมพำว่า “ฉันกับพิชญ์สินีคิดเหมือนกัน เพียงแต่วิกาตัดสินใจจะอยู่กับพัฒน์ ไม่ว่าในอนาคตจะเป็นยังไง ฉันก็พูดอะไรมากไม่ได้”
ทำได้เพียงเคารพการตัดสินใจของหลานสาว
หวังว่า พัฒน์จะไม่ทำให้เทวิกาผิดหวัง
คุณย่าโบว์คิดแล้วก็เห็นด้วย รอยยิ้มบนใบหน้าเองก็จางหายไป
สักพัก เธอก็พูดอย่างเบาใจอีกว่า “น่าจะไม่หรอก ฉันดูจากโหงวเฮ้งของพัฒน์ เขาไม่ใช่คนที่ไร้หัวจิตหัวใจ เราเองก็เคยได้ยินมาแล้ว ว่าหลายปีมานี้ นอกจากเพื่อนสมัยเด็กคนหนึ่ง เขาก็ไม่เคยมีข่าวฉาวกับผู้หญิงคนอื่นอีกเลย”