คุณสามีพันล้าน - บทที่ 121 กว้างขวางคอ
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 121 กว้างขวางคอ
ณภัทร “……”
“พี่ใหญ่ ผมเป็นน้องชายพี่นะ กินอาหารที่พี่ทำแค่นี้ มันจะอะไรนักหนา”
ยศพัฒน์พ่นลมอย่างเย็นชา “ถ้าแกกินหมด แล้วพี่สะใภ้แกจะได้กินอะไร แกยิ่งกินเยอะอยู่ ฉันทำไว้แค่นิดเดียวเอง ไม่เพียงพอให้แกกินด้วยหรอกนะ”
ณภัทร “…ผมก็ไม่ได้กระเพราะใหญ่ขนาดนั้น”
ดูอาหารเช้าที่โต๊ะสิ อืม แต่ละจานมีไม่มากพอสำหรับเขาจริงๆด้วย
เมื่อเทวิกาได้ยินบทสนทนาระหว่างพี่น้อง เธอก็แทบอยากจะกุมหน้าผาก
ผู้ชายของเธอขี้เหนียวขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
เธอรีบพูดว่า “ณภัทร ฉันกินไม่เยอะหรอก ไม่ต้องสนใจที่พี่ชายแกพูดพี่ แกอยากกินเท่าไหร่ก็กินได้เลย”
ณภัทรไม่เกรงใจอีกต่อไป “พี่สะใภ้นี่ใจดีจริงๆ ไม่เหมือนพี่ชายผมขี้งกสุดๆ กินข้าวแค่นี้ ทำอย่างกับผมติดหนี้เป็นแสนไปได้”
“ถ้าแกติดหนี้ฉันเป็นแสนจริงๆ ฉันก็ขี้เกียจจะหือจะอือกับคนอย่างแกอยู่ดี”
ขณะที่กำลังรับประทานอาหาร ณภัทรก็หัวเราะออกมา “ก็จริง พี่ใหญ่ของผมเงินไม่เคยขาดมือเลยนี่นา หนึ่งแสนสำหรับพี่ใหญ่แล้ว ก็คงเป็นแค่เศษเงินด้วยซ้ำ”
“อะไรคือเศษเงิน?”
ณภัทรหัวเราะ
ไม่ตอบอะไรออกมา
“พี่ใหญ่ๆ”
มีเสียงตะโกนจากข้างนอกดังขึ้นมาอีก
เทวิกามองไปรอบๆ เพื่อค้นหาที่มาของเสียง สงสัยว่าคุณชายคนไหนกำลังจะเข้ามา
ผู้ชายที่อยู่ข้างๆเธอ พลันมีสีหน้าอึมครึมราวกับเถ้าถ่าน
คนแก่อย่างคุณปู่กับคุณย่ายังรู้งานว่าไม่ควรอยู่เป็นก้างขวางคอ ปล่อยให้เขากับเทวิกามีเวลาจู๋จี๋กันจนพอใจ แต่พี่น้องของเขากลับเข้ามาเป็นกว้างขวางคอกันทีละคน
เขาบอกทุกคนแล้วว่าในวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาจะพาเทวิกากลับมา
เมื่อคืนน้องชายทั้งหลายไม่ได้กลับบ้าน ดังนั้นวันนี้พวกเขาจึงพากันวิ่งโร่มาที่นี่ทีละคน
“พี่ใหญ่ ดอกบัวในสระบานแล้ว ป่ะ ไปพายเรือชมดอกบัวกัน จะได้เก็บฝักบัวมาให้พ่อครัวทำแปะก๊วยเม็ดบัวให้กิน”
คนที่เข้ามาเป็นเด็กผู้ชาย อายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี หน้าตาหล่อและมีผิวขาวใส แถมยังดูหน้าเด็ก หลังจากที่ได้เห็นเขา เทวิกาก็คิดว่าเขาน่าจะยังเรียนมัธยมอยู่
“โอ๊ะ พี่สี่ก็อยู่นี่เหรอ”
เควินน้องคนสุดท้องของตระกูลอริยชัยกุลเดินเข้ามาตบที่ไหล่ของณภัทร แล้วมองไปที่เทวิกา เขายังเด็กและยังควบคุมสีหน้าท่าทางไม่ค่อยเก่ง เมื่อได้เห็นเทวิกาตัวจริง เขาก็ตะลึงงัน พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่าทึ่ง: “พี่สะใภ้สวยมาก! นางในตำนานก็ไม่สวยเท่าพี่สักคน”
ทุกคนล้วนแล้วแต่ชอบฟังคนอื่นเอ่ยชมตัวเองทั้งนั้น
เมื่อเทวิกาได้รับคำชมจากคุณชายตรงหน้าที่ไม่รู้ว่าอยู่ในลำดับเท่าไหร่ในบรรดาพี่น้องตระกูลอริยชัยกุล เธอก็ยิ้มออกมา แล้วถามเขาด้วยรอยยิ้มว่า “กินข้าวหรือยัง มากินข้าวด้วยกันไหม?”
“เอาสิครับ”
เควินตอบ และดึงเก้าอี้ออก ขณะที่เขากำลังจะนั่ง เขาก็บังเอิญเห็นพี่ชายคนโตที่อยู่ตรงข้ามเขา ซึ่งกำลังจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงกล่าวว่า: “พี่สะใภ้ ผมกินมาแล้ว พี่กับพี่สี่ตามสบายเลย”
“อ้อจริงสิ พี่สะใภ้ ผมชื่อเควินนะ เพิ่งเรียนจบมัธยมปลายปีนี้ หลังจากเปิดเทอมฤดูร้อน ผมก็จะได้เป็นเฟรชชี่แล้ว”
ที่แท้ก็เป็นคุณชายคนสุดท้องของตระกูลอริยชัยกุลสินะ
“แกมาทำไม”
ยศพัฒน์ถามด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“พี่ใหญ่ ตอนเข้ามาผมก็บอกแล้วไง ว่าจะมาชวนพี่กับพี่สะใภ้ไปล่องเรือชมดอกบัว แล้วก็เก็บฝักบัวมาทำแปะก๊วยเม็ดบัวกินกัน”
“แกไม่ชอบกินหวานไม่ใช่เหรอ? จะมาแปะก๊วยเม็ดบัวอะไร”
ยศพัฒน์เผยไต๋เจ้าสิบอย่างไม่ประณีประนอม
เควินหัวเราะแหะๆออกมา
เมื่อเห็นพี่สี่ยังนั่งนิ่ง แม้ว่าพี่ใหญ่จะตีหน้าเข้ม เรียบนิ่งขนาดไหนก็ตาม
เควินถอนหายใจเบาๆ เขายังเด็กมากสินะ
แค่เห็นหน้าถมึงทึงของพี่ใหญ่ เขาก็กลัวหัวหดแล้ว
แต่ว่า มีพี่สี่อยู่ด้วย แม้ว่าพี่ใหญ่จะโกรธ แต่ความโกรธก็ไม่ได้มุ่งมาที่เขาคนเดียว
เมื่อคิดเช่นนี้ เควินก็ดึงเก้าอี้ออกมา แล้วนั่งลงข้างๆ ณภัทรเงียบๆ
“พี่สะใภ้ นี่เป็นครั้งแรกที่พี่มาที่บ้าน อีกเดี๋ยวให้พี่ใหญ่พาเดินรอบๆให้รู้จักทาง และทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมไว้สิ จะได้ไม่หลงทาง”
คฤหาสน์เมเปิลมีพื้นที่กว้างใหญ่ จนผู้มาใหม่อาจจะหลงทางได้ง่ายๆ
ยศพัฒน์พูดด้วยสีหน้าอึมครึม “เจ้าสิบ แกไม่พูดก็ไม่มีใครเขาหาว่าเป็นใบ้หรอกนะ ฉันจะพาพี่สะใภ้แกไปอยู่แล้ว ไม่ต้องให้แกมาเตือนว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้”
“พี่ใหญ่ ถ้าผมไม่พูด คนอื่นเขาอาจจะคิดว่าเป็นผมเป็นใบ้จริงๆก็ได้นะครับ”
เควินพึมพำเบาๆ
ยศพัฒน์ “……”
เทวิกาอยากขำออกมา
ความสนิทสนมของพี่น้องตระกูลอริยชัยกุลช่างเป็นอะไรที่น่าอิจฉาจริงๆ
แม้ว่าน้องสามีทั้งสองจะดูปีนเกลียวไปหน่อย แต่จริงๆ แล้วพวกเขาเคารพพี่ชายคนโตอย่างยศพัฒน์มาก แถมเควินก็ดูกลัวเขาอยู่หน่อยๆด้วย
เทวิากาเดาว่า เด็กคนนี้ไม่ได้กลัวพ่อแม่ด้วยซ้ำ แต่กลัวแค่พี่ใหญ่อย่างยศพัฒน์คนเดียว
“วิกา กินเร็วๆ อย่าให้เจ้าสี่กินหมดคนเดียว ส่วนเจ้าสี่ เหลือไว้ให้พี่สะใภ้แกกินด้วย ฉันทำไว้ให้พี่สะใภ้แกกินนะ”
เมื่อเห็นว่าเจ้าสี่ยังคงกินอยู่ ยศพัฒน์ก็รู้สึกหงุดหงิด จนอยากจะจับอีกฝ่ายโยนออกไป
“ว้าว พี่ใหญ่ทำเองเหรอ ต้องลองแล้ว จำไม่ได้ว่าไม่ได้ชิมอาหารที่พี่ใหญ่ทำมานานแค่ไหนแล้ว เหมือนสิบได้แฮะ”
ขณะพูด เควินก็คว้าช้อนของพี่สี่ มาคีบอาหารกิน
“…เจ้าสิบ
“ผมไม่กล้า”
เควินเพียงแค่ชิมรสชาติเท่านั้น เขาไม่กล้าทำตัวกำเริบเสิบสานกินจริงๆจังๆหรอก
“มีพี่สะใภ้อยู่ทั้งคน ต่อให้ฟ้าจะถล่ม เราก็ไม่เดือดร้อนหรอก”
ณภัทรกล่าวอย่างได้ใจ
ยศพัฒน์ “…….”
เทวิกายิ้มออกมา
เจ้าสี่นี่ช่างรู้จักประจบประแจงดีจริงๆ
คำเยินยอนี้ทำให้เธอรู้สึกสบายใจ
ยศพัฒน์ดีกับเธอมากจริงๆ
“ที่รัก ฉันอิ่มแล้ว”
เทวิกาอิ่มแล้วจริงๆ
เธอเริ่มกินข้าวก่อนที่ณภัทรจะมาเสียอีก
หลังจากที่ณภัทรเข้ามา ทั้งสองก็ทานอาหารไม่กี่นาที ก่อนที่เควินจะเข้ามา
“อิ่มแล้วจริงๆเหรอ ไม่ต้องไปสนใจไอ้เด็กแสบพวกนี้ไม่ต้องยอมอดเพราะพวกเขา”
“ฉันอิ่มแล้วจริงๆ ฉันจะไม่ได้อด”
ใบหน้าถมึงทึงเพราะหงุดหงิดน้องชายทั้งสองของยศพัฒน์ค่อยๆ กลับสู่สภาวะปกติ
“เจ้าสิบ ไปหยิบช้อนกับจานมากินดีๆ อย่ามัวแต่นั่งดูเจ้าสี่กินอยู่ที่นี่ ทำอย่างกับฉันเลี้ยงพวกแกไม่ดีอย่างนั้นแหละ”
เสียงของยศพัฒน์อ่อนลงเควินรีบเข้าไปในครัวเพื่อไปเอาจานกับช้อน ส่วนณภัทรลงมือกินต่ออย่างหนัก…
เทวิกายิ้มไม่หุบ
“พี่ใหญ่…..”
เสียงที่เทวิกาไม่คุ้นเคยดังขึ้นมาอีกหน
ยศพัฒน์มีสีหน้าเรียบตึง เขาพูดกับเทวิกาว่า “วิกา เดี๋ยวผมออกไปดูเอง”
เขาเริ่มสงสัยละว่าน้องชายของเขากำลังเข้าแถวที่ประตูบ้านต่อคิวกันเข้ามาทีละคนหรือเปล่า
ถ้าจะเข้ามา ก็เข้ามาพร้อมกัน จะได้รู้ว่ามีกว้างขวางคอทั้งหมดกี่ชิ้น
ยศพัฒน์เดินออกไป
คนที่กำลังจะเดินเข้ามาคือคุณชายหก เมื่อคุณชายหกเห็นสีหน้าของยศพัฒน์ ฝีเท้าก็พลันชะงัก เท้าที่กำลังจะก้าวออกไปก็รีบชักกลับมา
“พี่…… พี่ใหญ่”
คุณชายหก ยิ้มอย่างรู้สึกผิด
“หึ!”
ยศพัฒน์พ่นลมออกมาอย่างหนัก แล้วเดินผ่านคุณชายหกออกไป
จึงพบว่ายังมีคนอีกหกคนที่ยืนรออยู่ตรงประตู รวมทั้งน้องชายที่เกิดจากแม่ของเขา ต่างก็พากันมาอยู่ที่นี่หมด
ทั้งหกคนยังเป่ายิ่งฉุบกัน โดยคนที่แพ้คือคนต่อไปที่ต้องเดินเข้าไปในบ้าน
เมื่อเห็นยศพัฒน์ออกมา ทั้งหกคนก็รีบเรียกพี่ใหญ่ และยิ้มแหยๆออกมา
ยศพัฒน์ “…….”
แหะๆ!
เขาล่ะอยากเตะน้องชายพวกนี้ไปทำงานแอฟริกาจริงๆ!