คุณสามีพันล้าน - บทที่ 172 คุณไม่ได้ส่งผม
“คืนให้คุณ”
“หนึ่งร้อยนี้เป็นค่าที่คุณทานเค้กของฉันไปหนึ่งชิ้น ทานน้ำของฉันไปสองแก้ว”
นฤเบศวร์:“……นั่น! ขูดเลือดขูดเนื้อ!”
เขารับเงินนั้นแล้วมองกนกอรลึกล้ำครู่หนึ่ง เห็นลำคอของเธอมีรอยแดง ที่เกิดจากแรงบีบคอเธอของเขาเมื่อสักครู่ ถึงแม้เขาไม่ได้ใช้แรงเยอะ แต่ด้วยผิวพรรณที่ขาวเนียนของกนกอร ถูกเขาบีบลำคอแล้วผลักไปด้านหลังเช่นนี้ จึงทิ้งรอยแดงเอาไว้
เม้มปากแล้ว ในที่สุดนฤเบศวร์ก็หันหลังจากไปโดยไม่พูดคำใด ๆ
กนกอรนวดบริเวณที่ถูกนฤเบศวร์บีบ
เหล่ามัณฑนากรได้หันหน้ามามองเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ คนนั้นมันบ้า ดื้อรั้น ไม่ต้องสนใจเขาค่ะ ฉันก็ไม่เป็นไรด้วย พวกคุณทำงานกันต่อเถอะค่ะ ตอนกลางวันอยากทานอะไรคะ ฉันจะห่อมาให้พวกคุณ”
“กนกอร ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
เสียงตะคอกของนฤเบศวร์ดังมาจากด้านนอก
กนกอรขมวดคิ้ว
ไอ้บ้านั่นจากไปแล้วไม่ใช่เหรอ
“อาหารกลางวันพวกเรามักจะกลับไปทานที่บ้านครับ”
มัณฑนากรกล่าว แล้วก็กล่าวกับกนกอร:“ผู้ชายคนนั้นเรียกคุณ คุณรีบไปดูว่าเขาเป็นอะไรเถอะครับ”
คุณกนกอรเรียกผู้ชายคนนั้นว่าคุณเบศวร์ คงน่าจะเป็นคุณเบศวร์แห่ง RA กรุ๊ป
มัณฑนากรมาทำการซ่อมแซม ได้แอบไปสืบมาและก็รู้สาเหตุของการถูกทุบทำลายของร้านOne Day In Coffee
ดังนั้น มัณฑนากรจึงไม่แปลกใจที่เห็นคุณเบศวร์ที่นี่ ที่ซึ่งหลายคนนัดก่อนล่วงหน้าหลายเดือนก็ยังไม่สามารถได้พบเจอ
กนกอรเดินออกไป
“คุณไม่ส่งผม”
นฤเบศวร์ตำหนิ
กนกอรอึ้งตะลึงปากค้าง
สามีในนามของเธอกล่าวตำหนิเธอด้วยสีหน้าดำทะมึน:“เมื่อกี้ที่ชเนนทร์มานั้น คุณยังมอบขนมหวานให้เขาสองกล่อง อีกทั้งยังส่งเขาออกจากร้านด้วยตัวเอง พอถึงตาผม คุณกลับไม่ส่ง ต่อให้ผมเป็นลูกค้าของคุณ คุณก็ควรจะส่งผมสักหน่อยไหม”
กนกอร:“……”
เธอตามความคิดของนฤเบศวร์ไม่ทันแล้ว
เมื่อตั้งสติได้ เธอจึงกล่าว:“คุณทำกับฉันเมื่อกี้ ยังอยากจะให้ฉันส่งคุณอีกเหรอ ฉันไม่ใช้ไม้กวาดกวาดคุณออกไป ฉันไว้หน้าคุณมากแค่ไหนแล้ว”
นฤเบศวร์ทำเสียงฮึดฮัดใส่ “ช่างเถอะ ตอนนี้คุณก็ส่งแล้ว ครั้งนี้จะไม่ถือสาคุณแล้วกัน กนกอร หากคุณสามารถการันตีได้ว่าต่อไปคุณนั้นไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผมอีก คุณก็ยโสต่อไปเถอะ”
ทิ้งประโยคนี้เสร็จ ทำเสียงฮึดฮัดแล้วก็จากไป
กนกอรไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ใครกันแน่ที่ยโส คนที่ยโสที่สุดเห็น ๆ อยู่ว่าเป็นเขา”
ใกล้จะเที่ยงแล้ว นฤเบศวร์อยู่ที่ร้าน One Day In Coffee ครู่หนึ่ง หลังจากที่จากไปแล้ว เขาไม่ได้กลับไปที่บริษัทอีก แต่ไปที่โรงแรมแอคเซสซ์ นั่นเป็นธุรกิจของครอบครัวตระกูลเดชอุป ปกติเขาไม่กลับบ้าน และมักจะพักอาศัยอยู่ในโรงแรมแอคเซสซ์
ดาดฟ้ามีร้านอาหารบุฟเฟ่ต์แบบเวียนหมุนที่ราคาสูง แต่กลับมีคนส่วนมากชอบขึ้นไปทานบุฟเฟ่ต์บนชั้นดาดฟ้า เพราะตั้งอยู่บนตึกสูง เมื่อมองลงไปสามารถมองเห็นวิวของเมืองทั้งหมด
ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมแอคเซสซ์ แบ่งออกเป็นสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ที่เปิดบริการให้กับคนภายนอก อีกด้านหนึ่งเป็นห้องเพรสซิเดนท์สูท ห้องของนฤเบศวร์ที่อยู่ที่นี่มีไว้สำหรับเขาคนเดียวเท่านั้น
และมีลิฟต์ส่วนตัว ไม่ให้แขกที่มาทานบุฟเฟ่ต์รบกวนโดนเขา
ห้องเพรสซิเดนท์สูทของนฤเบศวร์ ด้านในก็มีห้องอารหารเล็ก ๆ แบบเวียนหมุนเช่นกัน เพราะเปรมาชอบทานบุฟเฟ่ต์ ดังนั้นในห้องของเขาก็มีห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ด้วย เมื่อก่อนเขามักจะพาเปรมามาทานบุฟเฟ่ต์บ่อย ๆ
แน่นอน ทุกครั้งจะเป็นเวลาที่เปรมาผิดหวังจากยศพัฒน์แล้วหงุดหงิด เขาก็จะพาเธอมาทานเพื่อปลอบโยน
ขอเพียงนฤเบศวร์มา บอดี้การ์ดของเขาก็จะแจ้งให้ผู้จัดการโรงแรมทราบก่อน แล้วผู้จัดการโรงแรมก็จะจัดแจงให้ เมื่อนฤเบศวร์มาถึงโรงแรม ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์เวียนหมุนในห้องของเขาก็จะจัดวางอาหารเรียงรายเลิศรสทุกประเภทไว้ให้เขาได้เพลิดเพลิน
หลังจากบอดี้การ์ดส่งคุณชายใหญ่มาถึงโรงแรมแล้ว พวกเขาก็ไปทานอาหารบุฟเฟ่ต์ฝั่งตรงข้าม
นฤเบศวร์นั่งคนเดียวอยู่ที่โต๊ะอาหาร เผชิญหน้ากับอาหารเหล่านั้น เขาไม่มีการลงมือทานแต่อย่างใด ๆ
แล้วก็เห็นขนมหวานที่ประณีตเหล่านั้นอย่างไม่ตั้งใจ
หวนนึกถึงเค้กที่กนกอรทำ ฝีมือของกนกอรย่อมไม่สามารถที่จะเทียบกับปรมาจารย์ด้านขนมหวานของโรงแรม
นฤเบศวร์กะพริบตา แล้วกล่าวพึมพำ:“ผมเคยทานเค้กที่เปรมาทำ เพียงแต่……กนกอร พูดถูกต้อง”
ตั้งแต่ที่เปรมาทำเค้กเป็น ทุกปีที่ถึงวันเกิดของยศพัฒน์ เธอก็จะเตรียมไว้อย่างตั้งอกตั้งใจ และทำเค้กวันเกิดให้กับยศพัฒน์ จากนั้นก็ส่งไปให้ที่บ้านของตระกูลอริยชัยกุล
ทุกครั้งเธอจะถูกยศพัฒน์ปฏิเสธ
ตอนนั้นธุรกิจของบ้านตระกูลไชยรัตน์ยังไม่ได้ย้ายไปต่างประเทศ คุณหนูใหญ่คนนี้ของบ้านตระกูลไชยรัตน์ ก็ถูกเลี้ยงแบบตามใจ
เธอรับไม่ได้กับการปฏิเสธด้วยสีหน้าที่เย็นชาของยศพัฒน์ จึงโมโหและถือเค้กออกจากบ้านตระกูลอริยชัยกุล จากนั้นก็นำเค้กไปให้เขาทาน
เมื่อตอนยังเป็นเด็กนั้น นฤเบศวร์ไม่รู้ว่าอะไรคือความรัก เขารู้เพียงว่าเปรมาเป็นคนมอบให้เขา เขาก็จะทาน
ต่อมาเขาถึงได้เข้าใจถึงความใจกว้างที่มีต่อเปรมา การปฏิบัติที่ดีต่อเปรมา นั่นเพราะว่าเขารักเธอ
เปรมามอบของขวัญให้กับเขา แทบเป็นของที่ล้วนมอบให้กับยศพัฒน์ อีกฝ่ายปฏิเสธ เธอถึงได้ส่งมอบต่อให้กับเขา
ตอนแรกเขาไม่รู้ เขาดีใจมาก ที่มักจะได้รับของขวัญจากเปรมา
จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาเห็นกับตาว่าเปรมามอบเนกไทให้กับยศพัฒน์ แต่ยศพัฒน์ปฏิเสธไป
จากนั้น เธอก็ส่งต่อเนกไทนั้นให้กับเขา เขาถึงได้รู้ว่าทุกครั้งที่ได้รับของขวัญจากเธอ ล้วนเป็นของที่ยศพัฒน์ไม่ต้องการ
รวมถึงเปรมาด้วย
ยศพัฒน์ไม่รักเปรมา และก็ไม่ต้องการเธอ
เขาถึงมีโอกาสได้อยู่ข้าง ๆ เปรมา รอวันที่เธอเปลี่ยนใจ รอเธอเห็นความดีของเขา ยอมรับความรักของเขา
เมื่อหวนนึกถึงอดีต นฤเบศวร์จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองอยู่ต่อหน้าเปรมานั้นไร้ค่ามาก ไร้ค่ามาก ๆ!
คุณปู่เคยบอก ถ้าแม้นเปรมามีใจให้กับเขาเพียงสักนิด คุณปู่ไม่มีทางที่จะห้ามเขาคบกับเปรมาเลย
นฤเบศวร์สางผมด้วยความหงุดหงิด
……
เมือง C
คุณชลเดินมาที่โซฟาพร้อมนมอุ่น ๆ หนึ่งแก้ว แล้วก็ยื่นแก้วนมให้กับหญิงชู้ของเขา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน:“ที่รัก นมที่คุณอยากดื่มได้อุ่นให้คุณแล้ว ผมอุ่นกับมือเองเลยนะ”
สาวงามรับแก้วนมมา แล้วขยิบตาให้กับเขาทีหนึ่ง จากนั้นขอบคุณเขาด้วยเสียงกระซิบ: “ขอบคุณค่ะสามี”
ทั้งคู่ไม่ได้แต่งงานกัน เพราะคุณชลมีครอบครัวอยู่ที่เมืองซูเพร่าอยู่แล้ว ภรรยาของเขาแม้ว่าจะแต่งงานกันมาสิบกว่าปี ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูสนิทสนมกันดีในสายตาของคนอื่น
สาวงามก็รู้ดีว่าชายผู้นี้ไม่มีทางหย่าเพื่อมาแต่งงานกับเธอ
เธอก็ไม่ได้สนใจ ขอเพียงเขาให้เงินเธอใช้ ขอเพียงเขายอมให้เธอคลอดลูกในท้องออกมาก็เพียงพอแล้ว
ต่อให้เป็นลูกนอกสมรส ก็สามารถแบ่งกองมรดกจากชายผู้นี้ได้
เธอให้กำเนิดลูกก็เพื่อมาแย่งสมบัติ
“ที่รัก คืนนี้ผมต้องกลับไปแล้ว เลขาฯ ผมได้จองตั๋วเครื่องบินให้ผมแล้ว เที่ยวบินเวลาตอนเย็นห้าโมงสี่สิบนาที”
ใช้ข้ออ้างมาดูงานเพื่อมาอยู่กับหญิงชู้ที่เมือง Cก็เป็นช่วงเวลาระยะหนี่งแล้ว หากเขายังไม่กลับไปอีก แม่เสือที่บ้านก็จะต้องสงสัยอีกแน่
อีกอย่าง เขาได้รับข่าวว่า ประยสย์พาแม่ออกไปธุระกะทันหัน
อาศัยช่วงเวลาที่ประยสย์ออกไปทำธุระ เขาต้องกลับไปเอาใจผู้นำบ้านหน่อย เพื่อจะได้รับผลประโยชน์ดี ๆ จากผู้นำบ้านบ้าง
“กลับไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ”
คุณชลตอบรับอืมหนึ่งคำ และในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น