คุณสามีพันล้าน - บทที่ 196 รักและถูกรัก
“กริ๊งๆ ๆ……”
จู่ ๆมือถือของเขาก็ดังลั่นขึ้น
นฤเบศวร์กัดซาลาเปากินไปพลางควักโทรศัพท์ออกมาไปพลาง เมื่อเห็นสายโทรเข้า เขาก็อึ้งชะงักเล็กน้อย
ทว่าเขาไม่ได้รับสายทันที
กนกอรจงใจเหน็บแนมเขาว่า “เปรมาโทรมาสินะ? ทำไม ไม่กล้ารับเหรอ กลัวว่าเปรมารู้ว่าเราสองคนอยู่ด้วยกันเหรอ?”
เธอยังจำครั้งก่อนที่เปรมาตบหน้าเธอได้
กนกอรคิดว่าถ้าหากเปรมามาหาเรื่องเธอถึงที่แล้วตบหน้าเธออีก เธอก็จะเอาคืนแน่นอน ต่อยเปรให้น่วมจนหน้าเขียวจมูกบวมและฟันร่วงเต็มพื้น
ยังไงซะ เธอเองก็ไม่ได้รักนฤเบศวร์ ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าคำพูดและการกระทำของตัวเองจะทำให้นฤเบศวร์รังเกียจ
นฤเบศวร์อ้างเรื่องบุญคุณกับเธอ บีบบังคับให้เธอแต่งงานกับเขา แม้เขาจะให้ค่าจ้างเธอสูงมาก แต่เธอจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบไม่ได้
นฤเบศวร์ถลึงตาใส่เธอ ตำหนิเธอว่า “เธออย่าพูดจามะนาวไม่มีน้ำได้ไหม ตั้งแต่ที่ฉันรู้จักกับเธอ เธอก็ไม่เคยพูดจาดีๆเลย ผู้หญิงที่หน้าตาสวยเรียบร้อยอย่างเธอ ต้องระวังมารยาทตัวเองหน่อย อย่าใจแคบและหยาบคายเกินไป จะได้ไม่ต้องทำให้พวกผู้ชายที่อยากจีบเธอตกใจจนวิ่งหนีไปหมด ระวังจะแต่งไม่ออกแล้วจะขึ้นคานตอนแก่นะ”
กนกอรยิ้ม “ฉันมีเงินก็พอแล้ว จะเอาผู้ชายทำไม? ตอนนี้ฉันก็แต่งงานแล้ว สามีฉันก็นั่งอยู่ข้างๆฉัน แต่ใจกลับอยู่ที่ผู้หญิงคนอื่น นายบอกสิ ว่าแต่งงานกับผู้ชายแล้วมีความสุขยังไง เงินยังน่าพึ่งพากว่าเสียอีก เอาเป็นว่า นายอย่าลืมล่ะ ว่าหลังจากที่ปู่นายเสียชีวิตแล้ว นายต้องจ่ายค่าจ้างให้ฉันตามที่ตกลงกันไว้”
“ถ้านายกล้าผิดคำพูดแล้วล่ะก็……”
จู่ ๆกนกอรก็เอ่ยอย่างดุร้าย “ฉันจะตัดกระเจี้ยวนาย ทำให้ตอนนายอยู่ต่อหน้าผู้หญิงที่นายรัก ได้แต่ร้อนรนใจ เห็นแต่กินไม่ได้ เอาให้นายอกแตกตายไปเลย”
นฤเบศวร์ “……ผู้หญิงร้ายขึ้นมาแล้วร้ายยิ่งกว่างูพิษจริงๆด้วย!”
“รีบรับโทรศัพท์นายเถอะ อย่าให้นางฟ้าของนายรอนาน ระวังเธอร้องไห้ขี้มูกโป่งล่ะ”
เปรมาก็คือคนสองหน้า เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเธอแล้วเหิมเกริมมากๆ แต่ตอนอยู่ต่อหน้ายศพัฒน์กับนฤเบศวร์ ก็จะกลายเป็นผู้หญิงบอบบางที่อ่อนแอ ทำให้นฤเบศวร์เห็นแล้วอยากปกป้องได้อย่างง่ายดาย
คุณพัฒน์หลักแหลมเสียจริง
แค่แวบเดียวก็มองออกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้วว่าคุณหนูเปรมาเป็นผู้หญิงเสแสร้ง และอยู่ห่างจากเธอ
หลังจากที่เถียงกันเสร็จ รอจนกระทั่งเปรมาโทรมาหาครั้งที่สอง นฤเบศวร์ก็จึงจะรับสาย
“เบศวร์……”
ทันทีที่รับสาย ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเปรมา
นฤเบศวร์หันไปมองกนกอรทันที เห็นกนกอรกำลังหัวเราะ สีหน้าของเขาถมึงทึง แต่กลับว่าอะไรไม่ได้
“เบศวร์ ทำไมถึงเพิ่งรับโทรศัพท์ฉันตอนนี้?”
เปรมาร้องไห้ไปพลางถามไปพลาง
นฤเบศวร์โกหกอย่างนิ่งสงบว่า “ฉันกำลังขับรถอยู่ เปรมา เป็นอะไรไปงั้นเหรอ? เธออย่าเพิ่งร้องไห้ ค่อยๆพูดก่อน”
เปรมาเอ่ยเสียงสะอื้นว่า “ปกติคนขับรถจะรับส่งนายไปทำงานตลอด ทำไมวันนี้นายถึงขับรถไปเองล่ะ? ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ฉันโทรไป นายก็จะรับสายทันที แต่วันนี้กลับนานขนาดนี้ถึงจะรับสายฉัน ฉันนึกว่า นายไม่ต้องการฉันแล้วจริงๆ”
“เบศวร์ ฉันถูกคนรังแก ยัยคนต่ำทรามนั่นไม่เพียงแค่ด่าฉัน แต่ยังตีฉันด้วย นายต้องคืนความยุติธรรมให้ฉันนะ”
ได้ยินดังนั้น นฤเบศวร์เผยสีหน้าตกตะลึง พลันรีบถามว่า “ใครมันรังแกเธอ ซ้ำยังกล้าตีเธออีก ไม่รู้เหรอว่าเธอมีฉันคุ้มครอง”
แต่ก่อนตระกูลไชยรัตน์เองก็ถือว่ามียศมีตำแหน่งในเมืองแอคเซสซ์ เพราะคุณณัฏฐาเป็นเพื่อนกับคุณหญิงของตระกูลอริยชัยกุลและตระกูลเดชอุป หลายๆคนเห็นคุณณัฏฐามีสองคนนั้นเป็นแบคหนุนหลังก็ไม่กล้ามีเรื่องกับตระกูลไชยรัตน์
หลังจากที่บ้านตระกูลไชยรัตน์ย้ายไปอยู่และทำธุรกิจที่เมืองนอก ตำแหน่งของเปรมาในเมืองแอคเซสซ์ก็ไม่ได้ร่วงหล่นลงไปซะทีเดียว เธอยังมีนฤเบศวร์คุ้มกะลาหัว และก็ยังคงเป็นคุณหนูตระกูลไชย์รัตน์เหมือนแต่ก่อน
คนทั่วไปไม่กล้ามีเรื่องกับเปรมาจริงๆ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าลงไม้ลงมือกับเธอ
“ฉันไปหาพัฒน์มาน่ะ…….”
เปรมาพูดมาถึงตรงนี้ก็ร้องไห้อีกครั้งอย่างน้อยใจ
เมื่อได้ยินเธอเอ่ยชื่อของยศพัฒน์ ใจของนฤเบศวร์ก็ค่อยๆเย็นเยียบลง สีหน้าเขาเองก็ดูย่ำแย่
เมื่อคืน เปรมาร้องไห้ฟูมฟายเองก็เป็นเพราะยศพัฒน์
วันนี้ เปรมาก็ร้องไห้เพราะยศพัฒน์อีกแล้ว
เขาลากร่างกายที่เหนื่อยล้าไปบ้านตระกูลไชยรัตน์ตอนดึกดื่นเพื่อไปปลอบใจเธอ เธอคิดว่านี่เป็นเรื่องที่สมควร ไม่เก็บมาใส่ใจเลยด้วยซ้ำ และก็ไม่รู้จักรักษาความดีของเขาเอาไว้
เพราะเปรมา เมื่อคืนเขาไม่ได้พักผ่อนดีๆ อารมณ์ก็ไม่ดี กระทั่งฝืนทนความหิวออกจากบ้าน
คนที่ให้ความอบอุ่นกับเขา ทำให้เขาอารมณ์ดี กลับเป็นกนกอร
ภรรยาในนามคนนี้ของเขา
นฤเบศวร์กัดซาลาเปาคำใหญ่แรงๆและกินอย่างมูมมาม จนอาหารติดคอ
กนกอรรีบยื่นน้ำเต้าหู้ที่เขาวางลงตอนรับโทรศัพท์ให้เขาทันที เขาดื่มไปไม่กี่อึกจึงจะรู้สึกดีขึ้น
“เพราะเทวิกาหรือเปล่า?”
นฤเบศวร์ถาม
เปรมาเอ่ยเสียงสะอื้นว่า “ไม่ใช่เทวิกา เป็นผู้หญิงที่ชอบพัฒน์ เป็นลูกสาวตระกูลธวัชพลังกร ยัยคนต่ำทรามนั่นบังอาจมาตบฉัน ซ้ำยังด่าว่าฉันแก่แล้ว……เบศวร์ ฉันอยากให้ตระกูลธวัชพลังกรล้มละลาย อยากให้พวกมันบ้านแตกสาแหรกขาด ให้กชนิภามาคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาจากฉัน”
ที่แท้ก็เป็นตระกูลธวัชพลังกรนี่เอง
สีหน้าของนฤเบศวร์ดูดีขึ้นเล็กน้อย
เขานึกว่าเปรมาไปมีเรื่องกับเทวิกาอีกแล้ว
ถ้าหากเป็นเทวิกาแล้วล่ะก็ นฤเบศวร์ก็จำเป็นต้องพิจารณาดีๆจึงจะสามารถลงมือได้ ยศพัฒน์เป็นทาสเมีย เขาไม่กล้าไปสะสางหนี้แค้นกับเทวิกาสุ่มสี่สุ่มห้าหรอกนะ
อีกอย่าง—
นฤเบศวร์แอบเหลือบมองกนกอรที่อยู่ข้างๆ
เทวิกากับกนกอรเป็นเพื่อนสนิทกัน
ไม่เห็นแก่เทวิกาก็ต้องเห็นแก่กนกอร เพราะไม่ว่ายังไงกนกอรเป็นภรรยาของเขา
“ตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลธวัชพลังกรก็คลอนแคลนมากแล้ว คฤหาสน์ของพวกเขาที่อยู่ติดกับยศพัฒน์ อีกไม่นานก็จะต้องถูกขายออกไปชดใช้หนี้แล้ว”
ในฐานะคู่อริของยศพัฒน์ นฤเบศวร์คอยติดตามการเคลื่อนไหวของเขาอยู่ตลอดเวลา
ขณะเดียวกัน ยศพัฒน์เองก็คอยติดตามเขาด้วยเช่นกัน
นฤเบศวร์รู้ว่าบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปกดขี่ตระกูลธวัชพลังกรลับหลัง ส่วนที่ว่าทำไมจู่ ๆ ยศพัฒน์ถึงลงมือกับตระกูลธวัชพลังกร เขาเดาว่าคงเป็นเพราะตอนนี้ยศพัฒน์แต่งงานแล้ว ไม่อยากถูกตื๊อและระรานอีก จึงใช้วิธีแบบนี้บีบคั้นกชนิภาที่ต้องใจเขา
คราวหลังหากใครบอกว่าเขานฤเบศวร์อำมหิตโหดเหี้ยม แล้วบอกว่ายศพัฒน์เป็นคนดี เขาก็จะเอาเรื่องนี้ออกมาอุดปากคนพวกนั้นแน่ ๆ
ยศพัฒน์คือผู้นำของบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป หลังจากที่บี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปถูกเขารับช่วงต่อ ก็ยิ่งอยู่ในยุครุ่งเรือง ดูออกได้ว่ายศพัฒน์ไม่ได้ดูอ่อนโยนใจดีเหมือนภายนอก เขาก็คือเสือร้ายที่กินคนไม่คายกระดูก
แต่ดันมีใบหน้าหวานหลอกลวงคน
เพียงแต่ ที่ผ่านมายศพัฒน์เป็นคนที่มีเหตุผลมากๆ แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจน ไม่มีทางกดขี่ข่มเหงบริษัทอื่นเพราะเหตุผลส่วนตัว
กชนิภาโชคดีมากๆ ที่กลายเป็นตัวอย่างแรกของยศพัฒน์ที่ข่มเหงบริษัทอื่นเพราะเหตุผลส่วนตัว
“ฉันจะซื้อคฤหาสน์ของตระกูลธวัชพลังกร เบศวร์ นายช่วยฉันติดตามข่าวของตระกูลธวัชพลังกรหน่อย ตราบใดที่คฤหาสน์หลังนั้นถูกขายออกไป ไม่ว่าจะเท่าไหร่ ฉันก็จะซื้อ”
นฤเบศวร์เงียบครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “เธอเพิ่งย้ายธุรกิจกลับมาในประเทศ ช่วงนี้ก็ยิ่งไม่ค่อยราบรื่น บ้านเธอก็บอกจะสร้างบ้านใหม่ มีแต่เรื่องให้เสียเงิน เธอมีเงินมากพอเหรอ?”
เปรมาทำธุรกิจในเมืองนอกมานาน เสื้อผ้าที่เธอออกแบบ ก็เป็นเทรนด์ที่นิยมในต่างประเทศ แต่กลับไม่ค่อยเป็นที่นิยมในประเทศมากนัก
แม้เธอก็กำลังจะเปลี่ยนสไตล์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศ แต่เธอเพิ่งกลับมา ธุรกิจยังไม่เข้าที่เข้าทาง