คุณสามีพันล้าน - บทที่ 202 ร้อนใจไม่ได้
“แม่ แม่”
เทวิกาหลุดออกจากภวังค์ พลันรีบไล่ตามไป
ยศพัฒน์ก้มเก็บตุ๊กตาตัวนั้น ก่อนจะวิ่งตามไปด้วยเช่นกัน
คุณหญิงธิษณาอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย ตื่นตระหนกจนหนีไม่เลือกทาง เธอวิ่งเร็วไม่เท่ายศพัฒน์ ไม่นานก็ถูกสองสามีภรรยาไล่ตามทัน
“แม่”
เทวิการั้งตัวคุณหญิงธิษณาเอาไว้ แล้วโผกอดเธอจากด้านหลัง
“ลูก ลูกของฉัน……”
คุณหญิงธิษณาถูกเธอกอดแล้วก็ยังคงดิ้นรน
“แม่ ลูกแม่หาเจอแล้ว หนูก็คือลูกของแม่ไง หนูกลับมาที่ข้างกายแม่แล้ว แม่!”
คุณหญิงธิษณาไม่ฟังคำพูดของเทวิกา เธอดิ้นรนสุดชีวิต อยากจะขืนตัวออกจากอ้อมกอดของเทวิกา ปากก็ยังคงร้องตะโกนไม่หยุดว่า “วรันธร คืนลูกสาวให้ฉัน เธออยากได้ไซม่อน ฉันยกไซม่อนให้เธอ ฉันยกตำแหน่งนายหญิงตระกูลให้เธอ ฉันจะหย่า ฉันจะหย่ากับไซม่อน เธอคืนลูกสาวให้เธอ ฉันไม่ต้องการอะไรแล้ว ฉันต้องการแค่ลูกของฉัน”
“คืนลูกให้ฉัน ฉันไม่เอาอะไรแล้ว ฉันต้องการแค่ลูกของฉัน ขอแค่ลูกของฉันกลับมา……”
คุณหญิงธิษณากรีดร้อง ทว่ากลับเป็นความในใจของเธอในตอนนั้น
หากเธอรู้ว่าศัตรูหัวใจจะต่อกรกับเธอแบบนี้ งั้นต่อให้เธอต้องหย่า เธอก็ไม่อยากเสียลูกไป
เธอทำอะไรผิดกันแน่?
เธอกับไซม่อนเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งคู่เองก็รักใคร่ผูกพันกัน พวกเขามีลูกชายและลูกสาวที่น่ารัก สี่คนพ่อแม่ลูกใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข
แต่เพียงเพราะวรันธรชอบไซม่อน ไซม่อนปฏิเสธเธอ และเพราะวรันธรเคยระรานเธอมาก่อน ไซม่อนจึงโกรธและทำลายบริษัทของตระกูลภักดิภูมิเมธีจางจนย่อยยับ ทำให้วรันธรแก้แค้นกับเธอแบบนี้
วรันธรเองก็เป็นลูกสาวตระกูลเศรษฐี ร่ำรวยและหน้าตาก็ดี อยากได้ผู้ชายแบบไหนก็เลือกได้ทั้งนั้น ทำไมต้องเข้ามาเป็นมือที่สามทำลายชีวิตคู่ของคนอื่นด้วย?
ทำไมต้องแย่งสามีเธอไปให้ได้?
เพราะยศถาบรรดาศักดิ์ของไซม่อนนั้นยั่วยวนใจเกินไป!
ยศพัฒน์รีบยัดตุ๊กตาตัวนั้นเข้าไปในอ้อมกอดของแม่ยาย
“แม่ ลูกของแม่อยู่นี่ ไม่ได้ถูกคนชั่วอุ้มไป เราช่วยลูกแม่กลับมาได้แล้ว เธอยังอยู่ดี”
ยศพัฒน์ปลอบโยนแม่ยายด้วยเสียงอ่อนโยน
ตุ๊กตาเหมือนทารกอายุครึ่งขวบ แล้วยังเป็นตุ๊กตาผ้าฝ้ายนุ่มนิ่ม สวมเสื้อของเทวิกาตอนยังเด็ก เมื่อถูกยัดกลับเข้าไปในอ้อมกอดของคุณหญิงธิษณา เธอก็กอดตุ๊กตาไว้แน่นทันที
“ลูก ลูกของฉันกลับมาแล้ว”
คุณหญิงธิษณาน้ำตารื้น กลับกอดตุ๊กตาและจุมพิตไม่หยุด
“ลูก แม่ตกใจแทบแย่ ลูกทำให้แม่ตกใจแทบแย่”
คุณหญิงธิษณาจุมพิตตุ๊กตาไปพลาง พูดไปพลางว่า “จากนี้ไปแม่จะไม่ปล่อยมือไปอีกแล้ว แม่จะอุ้มเธอไว้ตลอดเวลา ใครอยากแย่งเธอไป ก็ต้องข้ามศพแม่ไปก่อน”
เมื่อเห็นคุณหญิงธิษณาไม่ได้วิ่งอย่างคลุ้มคลั่งและสงบลง เทวิกาก็จึงจะปล่อยมือ
ยศพัฒน์กุมมือเธอเอาไว้ เอ่ยเสียงเบาว่า “เทวิกา ฉันเข้าใจความรู้สึกเธอ แต่เรื่องนี้เราร้อนใจกันไม่ได้จริงๆ ต้องให้แม่เธอค่อยๆชินกับการมีอยู่ของเธอ ค่อยๆพาเธอนึกย้อนถึงเรื่องในอดีต พาเธอเผชิญกับความเป็นจริง เธอจึงจะค่อยๆหายดีได้”
เทวิกาตอบเสียงอืมด้วยตาแดงก่ำ
เธอร้อนใจไปเอง
เธออยากให้แม่รีบกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ทว่าแม่เป็นบ้ามายี่สิบกว่าปีแล้ว แม้จะตามหาเธอเจอ ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถหายดีได้ในระยะเวลาสั้นๆ
ยศพัฒน์ยกมือขึ้นโอบไหล่เธอเข้ามาในอ้อมกอด แล้วปลอบเสียงอ่อนโยนว่า “อย่ากังวลไปเลย จะดีขึ้นแน่นอน เมื่อกี้แม่ก็เพิ่งบอกไปว่าจำเรื่องในอดีตได้บางส่วนแล้ว แม่จำเรื่องในอดีตได้ เพียงแต่แม่สูญเสียเธอไป มันเจ็บปวดมากจนทำให้แม่ไม่สามารถเผชิญกับความจริงได้จึงสติฟั่นเฟือนมาโดยตลอด”
“เห็นแม่เป็นแบบนี้ ฉันรู้สึกเสียใจมากจริงๆ ทั้งที่ฉันก็อยู่ต่อหน้าแม่ ฉันก็คือลูกสาวแท้ๆของแม่ แม่เองก็ชอบฉันมาก บอกว่าชอบอยู่ใกล้ฉัน รู้สึกว่าฉันก็คือลูกสาวของแม่ แต่ว่า……”
“ฉันรู้ ฉันเข้าใจ”
ยศพัฒน์ทำได้เพียงพูดปลอบภรรยาแบบนี้
สักพัก อารมณ์ของเทวิกาจึงจะสงบลง
ไม่ควรร้อนใจเกินไปจริงๆ
ไม่งั้นจะเป็นเหมือนเมื่อกี้นี้อีก ยังดีที่วันนี้อยู่ในคฤหัสถ์เมเปิล หากอยู่ด้านนอก แล้วแม่คลุ้มคลั่งวิ่งไปแบบนี้ ก็จะเกิดเรื่องได้ง่ายแน่ ๆ
ตอนนั้น ตอนที่สองแม่ลูกพบเจอกัน แม่ก็คลุ้มคลั่งวิ่งออกมาจากโรงแรมเช่นกัน
คุณหญิงธิษณาอุ้มตุ๊กตาหันตัวมา เห็นสองสามีภรรยายศพัฒน์ยืนกอดกัน แต่เทวิกาตาแดงก่ำ เธออึ้งชะงัก ก่อนจะถามอย่างเป็นห่วงว่า “วิกา เป็นอะไรไป?ใครรังแกเธองั้นเหรอ?”
เธอถลึงตาใส่ยศพัฒน์ “พัฒน์ นายรังแกวิกาเหรอ?”
ยศพัฒน์รีบเอ่ยว่า “แม่ เมื่อกี้ลมแรง มีเศษทรายพัดเข้าตาของวิกาน่ะ เธอเอาแต่ขยี้ตา ตาก็เลยแดงแบบนี้ ไม่ใช่เพราะร้องไห้”
คุณหญิงธิษณาเคลือบแคลง “เป็นแบบนี้งั้นเหรอ?”
เทวิกาพูดเสริมว่า “ใช่ค่ะ แม่ หนูไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้ร้องจริงๆ ทรายมันพัดเข้าตาน่ะ”
“อ้อ ให้ฉันดูหน่อยสิ ทรายออกมาแล้วหรือยัง?”
คุณหญิงธิษณาอุ้มตุ๊กตายื่นตัวไปข้างหน้า จะดูว่าตาของเทวิกามีทรายหรือเปล่า
เทวิกาให้เธอดู
“ทรายไม่มีแล้ว แต่ตาเธอแดงจังเลย วิกา เมื่อกี้เธอขยี้ตาแรงไปหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร แป๊บเดียวก็หาย”
คุณหญิงธิษณาตอบเสียงอืม แล้วพูดกับยศพัฒน์ต่อว่า “พัฒน์ ในเมื่อวิกาเรียกฉันว่าแม่ ฉันก็เห็นวิกาเป็นลูกสาวแล้วจริงๆ นายอย่ารังแกวิกาเชียวล่ะ อย่าคิดว่าวิกาไม่มีคนหนุนหลัง เธอมีฉันเป็นแม่อยู่ทั้งคน ฉันก็คือแบคหนุนหลังของเธอ สามีฉันเก่งมากเลยนะ คนมากมายล้วนเกรงกลัวตระกูลสาระทาของเรา”
ได้ยินเธอพูดแบบนี้ เทวิกาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าก็ทนไว้
กลัวว่าจะทำให้แม่คลุ้มคลั่งอีก
“แม่ วางใจเถอะครับ ผมไม่มีทางรังแกวิกาแน่นอน ผมรักเธอเสียยิ่งกว่าอะไร จะรังแกเธอลงได้ยังไงกัน”
ยศพัฒน์รับประกันอย่างหนักแน่น
คุณหญิงธิษณาพอใจกับท่าทางของยศพัฒน์มาก
เธอรู้สึกว่าลูกเขยทูนหัวคนนี้ดีไม่เลวเลย และเหมาะสมกับลูกสาวทูนหัวมากด้วย
หวังว่าหลังจากที่ลูกเธอเติบโต ก็จะสามารถพบเจอกับผู้ชายที่รักเธอสุดหัวใจได้เหมือนกับวิกา
ตอนที่ไม่คลุ้มคลั่ง คุณหญิงธิษณาดูปกติมากๆ
เทวิกาไม่กล้าฟื้นความทรงจำของแม่อีกชั่วคราว
เหมือนอย่างที่แม่บุญธรรมและยศพัฒน์พูด เรื่องแบบนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป ร้อนใจไม่ได้
……
รถหรูสองคันจอดอยู่หน้า One Day In Coffee
ร้านกาแฟหลังช่วงกลางวันนั้นเงียบสงบมาก ลูกค้าสี่ห้าคนลิ้มรสกาแฟที่พวกเขาสั่ง บ้างก็พูดคุยกับเพื่อน บ้างก็ก้มหน้าดูโทรศัพท์ หรือมองวิวถนนด้านนอกผ่านกระจกหน้าต่าง
กนกอรนั่งอยู่ในเคาน์เตอร์คิดเงิน จับโทรศัพท์ไถดูคลิปวิดีโอ เมื่อเห็นคลิปตลก ก็มักจะอดหัวเราะไม่ได้ แต่ก็กลัวว่าเสียงหัวเราะจะรบกวนลูกค้าในร้าน เธอจึงป้องปากหัวเราะ
หากไม่มีคนจงใจทำลาย นี่คือภาพที่สงบสุขมากๆ
น่าเสียดาย ที่สุดท้ายก็มีคนทำลายความสงบสุข ณ วินาทีนี้
กนกอรได้ยินเสียงฝีเท้า ก่อนจะเห็นบัณฑิตา แม่สามีในนามของเธอเดินเข้ามา
ข้างกายแม่สามีมีหญิงวัยกลางคนหน้าตาดีคนหนึ่ง หญิงวัยกลางคนคนนั้นหน้าตาคล้ายคลึงกับเปรมาอยู่บางส่วน
ได้ยินว่าคุณณัฏฐากลับมาในประเทศแล้ว
เดาว่าหญิงวัยกลางคนคนนี้ก็คือคุณณัฏฐาสินะ