คุณสามีพันล้าน - บทที่ 208 เส้นทางเที่ยวกลับซ่อนอันตราย
ตอนนี้เมื่อพูดถึงตระกูลสาระทาของเมืองซูเพร่า ปู่เร็นก็จึงจะนึกขึ้นมาได้
“เทวิกาคือหลานสาวคนโตที่เป็นทายาทสายตรงรุ่นนี้ของตระกูลสาระทา เป็นลูกสาวแท้ๆของผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน เดิมทีชื่อว่าเนตรดาว หายสาบสูญไปยี่สิบกว่าปี ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรจึงมาอยู่ที่เมืองแอคเซสซ์ แล้วถูกบ้านตระกูลวาชัยยุงเก็บไปเลี้ยง แทนที่ลูกสาวแท้ๆของพวกเขาและถูกเลี้ยงดูจนเติบโต”
“เนตรดาว เทวิกา ”
“ที่แท้ก็เป็นหลานสาวคนโตของตระกูลสาระทานี่เอง งั้นก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจแล้ว ลูกของผู้นำตระกูลสาระทาหากอยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ก็ย่อมต้องผ่านความยากลำบากและกลอุบายกันทั้งนั้น เพียงแต่ผู้นำตระกูลทุกรุ่นเองก็มีความสามารถที่จะปกป้องลูกตัวเองจนเติบโตได้”
“ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันเหมือนจะด้อยไปหน่อยนะ ลูกสาวถูกทิ้งอยู่ข้างนอกมายี่สิบกว่าปี อีกทั้งช่วงล่าสุดนี้ยังถูกคนหาเจอและลอบทำร้าย ผ่านมาหลายชั่วอายุคนก็ยิ่งอยู่ยิ่งด้อยลงจริงๆ”
มีน้อยตระกูลมากที่จะสามารถรุ่งเรืองไปได้ตลอด
ตระกูลสาระทาอยู่ในเมืองซูเพร่ามานานหลายชั่วอายุคนแล้ว ย่อมมีรากฐานที่แข็งแกร่ง ในอดีต ผู้นำตระกูลสาระทาก็เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่โดดเด่นและทะเยอทะยาน
ปัจจุบัน ก็เป็นตระกูลเศรษฐีแสนล้านแล้ว
“นายท่าน ตระกูลสาระทาเก่งกาจขนาดนี้ อีกทั้งเทวิกายังเป็นทายาทสายตรงที่หายสาบสุญไป หากเธอกลับไปที่ตระกูลสาระทา สถานะตัวตนก็จะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เดิมทีคุณพัฒน์ก็แกร่งกว่าคุณชายใหญ่แค่นิดเดียวอยู่แล้ว หากมีภรรยาจากตระกูลแบบนี้ คุณชายใหญ่ก็ยิ่งเสียเปรียบแน่ ๆ”
ลุงเซนเอ่ยอย่างกังวลว่า “เราจะทำอะไรหน่อยไหมครับ?”
ปู่เร็นเอ่ยเสียงเรียบว่า “แม้เทวิกาไม่กลับไปที่ตระกูลสาระทา ก็เปลี่ยนแปลงความจริงที่เธอเป็นลูกสาวตระกูลสาระทาไม่ได้ ทำอะไรงั้นเหรอ?”
เขาถามลุงเซนว่า “เราจะทำอะไรได้? อรกับเทวิกาเป็นเพื่อนรักกัน ทั้งคู่สนิทกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ แม้ตอนนี้เบศวร์จะยังไม่รู้สึกอะไรกับอร แต่ใครจะรับประกันได้ว่าในอนาคตเขาจะไม่ตกหลุมรักอร หากตกหลุมรักแล้วจริงๆ เขาจะยังสามารถตั้งแง่ใส่ยศพัฒน์ได้อีกงั้นเหรอ?”
“เพื่อภรรยาสุดที่รักของตัวเอง แม้พวกเขาสองคนจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้ แต่ก็หยุดเป็นศัตรูกันได้ เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่าฉันกับภูธิปสู้กันมาทั้งชีวิต พอมาถึงรุ่นหลานแล้วผลลัพธ์จะกลายเป็นแบบนี้
ปู่เร็นเผยท่าทางเหมือนคาดเดาผลลัพธ์ออกนานแล้ว
“เราเองก็อย่าทำสุดโต่งเกินไป เหลือทางเลือกไว้ให้ลูกหลานบ้างเถอะ อีกอย่าง ตระกูลสาระทาเองก็ซับซ้อนวุ่นวายมาก เทวิกากลับตระกูลสาระทา ก็ย่อมต้องถูกลากเข้าไปพัวพันกับการแก่งแย่งชิงดีกันแน่ ๆ ถึงตอนนั้นยศพัฒน์ก็จะไม่มีทางเมินเฉยไม่สนใจ เขาจะยุ่ง ตระกูลอริยชัยกุลก็จะช่วยอย่างเต็มที่ ไม่แน่นี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุด และเป็นโอกาสที่ดีของเบศวร์ อยู่ที่ว่าเด็กคนนั้นจะคว้าโอกาสไว้ได้หรือไม่”
และที่น่ากลัวที่สุดคือ หากหลานชายเขาตกหลุมรักกนกอร เขาไม่เพียงแค่จะไม่คว้าโอกาสลงมือฆ่าบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป กลับกันคือยังจะช่วยสองสามีภรรยายศพัฒน์……
ช่างเถอะ ลูกหลานย่อมมีวาสนาของลูกหลานเอง
บางที เส้นทางที่พวกเขาเดิน ก็อาจจะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดที่จะสามารถนำพาตระกูลเดชอุปไปได้ไกลยิ่งขึ้นก็เป็นได้
เหลือทางรอดให้ตัวเองย่อมเป็นผลดีในอนาคต
หลังจากที่ปู่เร็นรู้ตัวตนของเทวิกาก็ไม่ได้วางแผนทำอะไร ถือว่าได้เหลือทางเลือกและทางรอดให้กับตระกูลเดชอุป
……
ณ คฤหัสถ์เมเปิล
สองสามีภรรยาและประยสย์ต่างอยู่ในห้องสมุดของยศพัฒน์
เทวิกาเอ่ยอย่างอาลัยอาวรณ์ว่า “พี่ พี่จะกลับวันนี้เลยเหรอ? ไม่อยู่เที่ยวอีกสักสองสามวันเหรอ? หนูยังไม่ได้ต้อนรับพี่ดีๆเลย”
สองพี่น้องเพิ่งพบเจอกันได้ไม่กี่วัน พี่ชายแท้ๆก็จะกลับเมืองซูเพร่าแล้ว
เทวิกาอาลัยอาวรณ์มากจริงๆ
“แม่อยู่ที่นี่ก่อน พี่จะกลับไปบอกพ่อ ไม่ว่ายังไงก็ต้องเตรียมการก่อน ถึงจะสามารถรับเธอกับแม่กลับไปได้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา”
คนร้ายเบื้องหลังหาน้องสาวเจอก่อนเขา และเคยลงมือกับน้องสาวด้วย ดีที่วิกาดวงแข็ง มีสามีที่เก่งกาจ ไม่งั้นคงอยู่ไม่รอดถึงตอนที่เขามาหาแน่ ๆ
เขามาหาเทวิกา คนร้ายเองก็ต้องรู้แล้วแน่ ๆว่าเขามาที่เมืองแอคเซสซ์ อีกฝ่ายย่อมต้องใช้กลอุบายลอบทำร้ายเทวิกาในระหว่างทางที่กลับไปยังตระกูลสาระทา
แล้วก็ เขาเองก็จะเอาผลตรวจดีเอ็เอของวิกากับแม่กลับไปให้พ่อเขาดู แล้วค่อยให้พวกคุณปู่คุณย่าดูต่อ จากนั้นก็บอกคนในตระกูล แล้วค่อยรับวิกากลับไป
หลังจากกลับไปแล้ว เดาว่าคงยังต้องตรวจดีเอ็นเออีกแน่ ๆ
วิกาคือคนที่สามารถสืบทอดมรดกหมื่นล้านของตระกูลได้ อย่าว่าแต่ว่าคนในตระกูลจะรอบคอบ แม้แต่พ่อเขาเองก็จะทั้งรอบคอบทั้งระวัง เพื่อจะป้องกันคนมาปลอมตัว
เทวิกาไม่มีความประทับใจในตัวพ่อแท้ๆ เธอเอ่ยอย่างกังวลว่า “ถ้าเขารู้แล้วจะยิ่งอันตรายขึ้นหรือเปล่า?”
ประยสย์เงียบครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “เขาในตอนนี้ดูไร้หัวจิตหัวใจ แต่ถ้าไม่มีเขาคอยปกป้อง ฉันกับแม่ก็อยู่ไม่รอดมาจนถึงตอนนี้ นี่คือความจริง ฉันเชื่อว่า หากตามหาลูกสาวแท้ๆเจอแล้ว เขาไม่มีทางเพิกเฉยหรอก ไม่ว่ายังไงก็จะต้องเตรียมการเป็นอย่างดีแน่นอน เพื่อจะให้เธอกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย กระทั่งเขาอาจจะมารับเธอเองก็ได้”
เทวิกาไม่รู้สึกอะไรกับพ่อแท้ๆ และก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเขา เพียงแค่รู้จากปากของพี่ชายว่าตอนนี้พ่อแท้ๆเธอห่วยแตกขนาดไหน
เพียงแต่ ในเมื่อพี่ชายพูดแบบนี้แล้ว งั้นเธอเองก็ทำได้เพียงเลือกที่จะเชื่อว่าพ่อแท้ๆจะสามารถจัดการทุกอย่างได้
“พี่ใหญ่”
ยศพัฒน์ปริปาก “พี่จะไปวันนี้ ผมไม่มีปัญหา แต่ผมแนะนำให้พี่อย่านั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับไป มันไม่ปลอดภัย”
เทวิกาครุ่นคิด และเอ่ยอย่างเห็นด้วยว่าว่า “พัฒน์พูดถูก พี่คะ พี่ต้องเปลี่ยนเส้นทาง หรือวิธีเดินทาง ไม่ว่ายังไง ก็ห้ามให้คนรู้ว่าพี่กลับไปวันนี้ คนชั่วร้ายพวกนั้น ต้องทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อจะขัดขวางให้เรากลับไปแน่ ๆ”
สำหรับคนร้าย การกลับไปของเธอ เป็นเสมือนหินก้อนใหญ่ที่สามารถทับพวกเขาให้ตายได้ตลอดเวลา
ใครอยากตายกัน?
ใครกันที่จะยอมให้ความตั้งใจยี่สิบกว่าปีของตัวเองสูญเปล่าจนไม่เหลืออะไร?
เพราะฉะนั้น คนร้ายไม่มีทางยอมรามือและจะทุ่มเทจนถึงที่สุดแน่ ๆ
หากสำเร็จ พวกเขาสามคนแม่ลูกก็จะตาย
หากล้มเหลว คนที่ตายก็จะเป็นคนเหล่านั้น แม้จะไม่สามารถจับกุมพวกเขามาลงโทษได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่จะต้องมีสักวันที่ทำได้แน่ ๆ
ไม่ว่ายังไงเทวิกาก็เชื่อ ว่าไม่มีใครสามารถหนีรอดไปจากการลงโทษของกฎหมายได้ ความยุติธรรมาอาจจะมาถึงช้า แต่ก็ไม่เคยมาไม่ถึง
สิ่งที่สองสามีภรรยาคิดได้ ประยสย์ก็คิดได้เช่นกัน
เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “นั่งเครื่องบินส่วนตัวจะทำให้คนอื่นติดร่างแหไปด้วย ถ้าขับรถก็จะยิ่งไม่ปลอดภัย หากไม่อยากให้คนรู้ว่าฉันกลับไป มีอยู่วิธีเดียวก็คือต้องเปลี่ยนโฉม”
แต่ในเวลาอันสั้น จะให้เขาเปลี่ยนโฉมได้ยังไงกัน?
“บอดี้การ์ดที่ฉันพามาล้วนเป็นลูกน้องคนสนิทของฉันที่เชื่อใจได้ ระมัดระวังตัวหน่อยก็น่าจะไม่เป็นไร”
“พัฒน์ ช่างแต่งหน้าคนนั้นที่นายเคยจ้างพอจะมาแต่งหน้าให้พี่ชายฉันได้หรือเปล่า ให้คนมองไม่ออกว่าเป็นเขา”
เทวิกาพลันนึกถึงช่างแต่งหน้าคนนั้นที่เธอยังไม่เคยพบหน้ามาก่อน
ยศพัฒน์รีบเอาโทรศัพท์ออกมาทันที เอ่ยว่า “ฉันจะให้เธอมาช่วยเดี๋ยวนี้”
หลังจากที่เขาโทรหาอีกฝ่ายเสร็จ เขาก็โทรหากษิดิต่อ
เมื่อกษิดิรับสาย เขาก็เอ่ยกับน้องชายว่า “กษิดิ พี่มีเรื่องอยากขอร้องให้นายช่วย”
“พี่ใหญ่มีเรื่องอะไรก็ว่ามาเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ และก็ไม่ต้องขอร้องอะไรเลย เป็นพี่น้องกัน จะเกรงใจกันทำไม”
“มิลินท์จะไปพักที่บ้านนายสักระยะหนึ่ง”
กษิดิ:……พี่ใหญ่ ผมกลับคำพูดได้หรือเปล่า?