คุณสามีพันล้าน - บทที่ 211 ความสัมพันธ์ที่ค่อยๆกลมเกลียวกันของแม่ลูก
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 211 ความสัมพันธ์ที่ค่อยๆกลมเกลียวกันของแม่ลูก
เทวิกาอยากบอกว่า เธอเองก็สนับสนุนให้แม่ทำแบบนั้นเหมือนกัน
แต่อย่าทำอย่างโจ่งแจ้ง ให้ทำลับหลัง ให้ย่าของเธอที่ซึ่งไม่มีตัวตนอยู่ในความทรงจำของเธอได้ลิ้มลองรสชาติที่สามีตัวเองถูกแบ่งปันกับคนอื่น
เท่าที่เธอฟังจากพี่ชาย เทวิการู้ว่าแต่ก่อนย่าแท้ๆของเธอนั้นเห็นเธอเป็นแก้วตาดวงใจ เหตุผลเป็นเพราะว่าเธอสืบทอดรูปลักษณ์ที่สะสวยของย่า
ตอนเป็นทารกยังไม่ชัดเจนมาก แต่เธอในตอนนี้ เหมือนย่าตอนยังสาวไม่มีผิดเลยจริงๆ
หลังจากที่เทวิการู้แล้วก็รู้สึกอึดอัดใจ
ย่าที่เห็นเธอเป็นแก้วตาดวงใจแต่กลับทำร้ายแม่แท้ๆของเธออย่างไร้ความปราณี
ตอนนั้นที่เธอถูกวรันธรอุ้มไป คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือแม่เธอ
แต่คุณย่าโทษว่าเป็นความผิดของแม่ได้ยังไงกัน?
“แม่”
เทวิกาโอบโหล่แม่ แล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “มันผ่านไปแล้ว”
รอเธอกลับไปเมื่อไหร่ค่อยสะสางหนี้แค้นเหล่านั้น
คุณหญิงธิษณากระพริบตา เอ่ยว่า “โชคยังดีที่สามีฉันซื่อสัตย์กับฉันมาก แม้จะแค่เล่นสนุกอยู่ข้างนอกก็ไม่ยอม”
เทวิกาอยากแค่นยิ้มเสียงเย็น
หากพ่อซื่อสัตย์จริงๆ ก็คงไม่ไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นที่ข้างนอกหลังจากที่แม่กลายเป็นบ้าทันทีหรอก ซ้ำยังไม่ยอมหย่าอีกต่างหาก
ลูกสาวตระกูลเลิศธนโยธาคนนั้นที่จ้องจะแทนที่แม่มานานก็อายุโตกว่าเธอแค่สองปีเอง
อายุแค่ยี่สิบหกปี แต่อยากจะเป็นแม่เลี้ยงให้คนอายุยี่สิบสี่ปี พลอยต้องใจอะไรในตัวไซม่อน? นอกจากความเป็นผู้ใหญ่และความสุขุมเยือกเย็นของเขา ก็ไม่พ้นยศถาบรรดาศักดิ์และเงินทองของไซม่อน
ในเมืองซูเพร่า ตระกูลเลิศธนโยธาคือตระกูลทรงอิทธิพลอันดับสอง
หากพลอยกลายเป็นนายหญิงตระกูลสาระทา ไม่เพียงแค่จะเป็นการร่วมมือกันระหว่างสองตระกูลใหญ่ แต่ยังเป็นการขยายอำนาจของตระกูลเลิศธนโยธาอีกด้วย กระทั่งอาจจะอยู่เหนือตระกูลสาระทา
การอยู่เหนือตระกูลสาระทาต้องเป็นความปรารถนาของผู้นำตระกูลเลิศธนโยธาแน่ ๆ
ไม่งั้นเขาจะยอมให้ลูกสาวที่ยังสาวยังสวยของตัวเองเป็นภรรยาของไซม่อนหรือไง?
ปีนี้คุณหญิงธิษณาอายุสี่สิบแปดปี ไซม่อนอายุโตกว่าภรรยาสองปี ก็คืออายุห้าสิบนั่นเอง
ไซม่อนอายุโตกว่าพลอยตั้งยี่สิบสี่ปี เป็นพ่อของพลอยได้แล้วด้วยซ้ำ
“วิกา”
จู่ ๆคุณหญิงธิษณาก็เปลี่ยนบทสนทนา เธอถามว่า “เธอบอกว่าเธอเปิดร้านกาแฟไม่ใช่เหรอ? พาแม่ไปนั่งที่ร้านเธอหน่อยได้ไหม?”
เทวิกามองดูท้องฟ้า นี่ก็ไม่เช้าแล้ว แต่ก็ไม่ถือว่าดึก พวกเขายังไม่ได้กินข้าวเย็นกันเลย
“แม่อยากไปดู งั้นหนูจะไปแม่ไปเดี๋ยวนี้”
คุณหญิงธิษณาเอ่ยอย่างดีใจว่า “งั้นเราไปกันเถอะ ฉันไม่ได้ออกบ้านมานานแล้ว”
เทวิกามองผิวที่ขาวผ่องของแม่ มันเป็นความขาวผ่องที่เกิดจากการที่ไม่ค่อยได้เจอแสงแดด
ช่วงนี้ คุณหญิงธิษณามาเมืองแอคเซสซ์กับลูกชาย ได้เจอแสงอาทิตย์มากขึ้น ผิวที่ขาวซีดก็แดงระเรื่อเล็กน้อย ไม่ได้น่ากลัวเหมือนตอนพบกันครั้งแรกแล้ว
คุณหญิงธิษณาอยากไปนั่งที่ One Day In Coffee
เทวิกาถูกสามีห้ามไม่ให้ขับรถ ยศพัฒน์จึงเป็นสารถีขับรถส่งภรรยากับแม่ยายทั้งสองคนไปยัง One Day In Coffee ด้วยตัวเอง
บอดี้การ์ดของประยสย์ก็ขับรถสองคันตามหลัง
สิรภพกับพ่อแม่ไม่ได้ตามไปด้วย คนแก่ทั้งสองคนรู้สึกว่าตัวเองอายุเยอะแล้ว ไม่ชอบนั่งรถไกลขนาดนั้น ให้นั่งไปกลับก็เหนื่อยเอาการ
พวกเขากับสามีภรรยาปู่ภูธิปก็คุยกันถูกคอ ทีแรกสองสามีภรรยาปู่กวินท์ยังเกร็งกันมากๆ แต่พอพูดถึงเรื่องทำไร่ทำนา ก็พลันมีหัวข้อสนทนาเดียวกันทันที คนชราทั้งสี่คนก็เริ่มคุยกันถูกคอ
เทียบกับคนแก่ทั้งสองของบ้านตระกูลวาชัยยุงที่คลุกคลีอยู่กับการทำนามาทั้งชีวิต ประสบการณ์ของสองสามีภรรยาปู่ภูธิปก็ยังถือว่าด้อยไปหน่อยอยู่ดี ทั้งคู่จึงขอคำแนะนำกันอย่างจริงจังและนอบน้อม ทำให้คนแก่ทั้งสองของบ้านตระกูลวาชัยยุงรู้สึกว่าที่แท้ปู่ย่าของลูกเขยก็เป็นคนธรรมดาเหมือนพวกเขานี่เอง
เมื่อมาถึง One Day In Coffee ก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว
ในร้านไม่มีลูกค้า กนกอรเพิ่งสั่งเดลิเวอรี่ให้ตัวเองและพนักงานร้านกับเชฟขนม ขณะที่รอเดลิเวอรี่ ก็เห็นเพื่อนรักพาแม่ทั้งสองคนเดินเข้ามา
“เทวิกา”
กนกอรเดินอ้อมออกจากเคาน์เตอร์คิดเงินไปต้อนรับ
“คุณน้าพิชญ์สินี คุณพัฒน์”
กนกอรยิ้มทักทายพิชญ์สินี
พิชญ์สินีเองก็ยิ้มทักทายเธอตอบ
กนกอรมองไปที่คุณหญิงธิษณา คุณหญิงธิษณาเองก็มองกนกอร รอยยิ้มของหญิงสาวคนนี้เหมือนวิกาที่สนิทสนมกับเธอเลย เห็นแล้วทำให้คนรู้สึกผ่อนคลาย และอยากจะเข้าใกล้เธอ
พูดสั้นๆก็คือกนกอรดูเป็นมิตรมากๆ
คุณหญิงธิษณาลงความเห็น เธอชอบเด็กคนนี้
เทวิกาเห็นในร้านไม่มีลูกค้า มีเพียงเพื่อนรักและพนักงานในร้าน ส่วนเชฟขนมก็อยู่ในครัวทำขนม
เธอแนะนำแม่แท้ๆให้เพื่อนรักรู้จัก “กนกอร นี่คือแม่แท้ๆของฉัน ชื่อญาณิน ส่วนพบเจอกันยังไง ถ้ามีเวลาว่างค่อยเล่ารายละเอียดให้เธอฟัง”
ทั้งคู่เป็นเพื่อนรักที่คุยกันทุกเรื่อง
เทวิกาไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของบ้านตระกูลวาชัยยุง เธอไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้กับเพื่อนสนิท
เรื่องที่ตามหาแม่แท้ๆเจอ เพราะผลตรวจดีเอ็เอเพิ่งออกมาช่วงล่าสุด เธอจึงไม่ได้บอกเล่าให้เพื่อนฟังอย่างละเอียด
เทวิกาแนะนำตัวกนกอรให้แม่รู้จักต่อ
“คุณน้าณิน ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
กนกอรรีบยิ้มทักทายญาณินทันที
ญาณินถือตุ๊กตาด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างก็ไปจูงมือกนกอร แล้วเอ่ยยิ้มๆว่า “เธอชื่อกนกอรเหรอ ฉันเรียกเธอว่าอรได้ไหม?”
“ได้อยู่แล้วค่ะ”
กนกอรตอบอย่างไม่ลังเล
เธอให้ทุกคนนั่งลง แล้วถามเทวิกาว่า “วิกา พวกเธอออกมาชอปปิงกันเหรอ? กินข้าวกันหรือยัง?”
“แม่ฉันได้ยินว่าฉันเปิดร้านกาแฟก็เลยอยากมาดู ฉันก็เลยพาแม่มานั่งสักหน่อยน่ะ ยังไม่ได้กินข้าวกันเลย”
“เมื่อกี้ฉันเพิ่งสั่งเดลิเวอรี่ ตอนนี้เดลิเวอรี่ยังไม่มาส่ง ให้ฉันสั่งเดลิเวอรี่ให้พวกเธอด้วยไหม?”
ตอนที่กนกอรถาม ก็พลางมองยศพัฒน์แวบหนึ่ง
ยศพัฒน์เอ่ยเสียงขรึมว่า “ฉันไม่เลือกกิน”
ตอนที่อยู่กับเทวิกา เขาไม่เลือกกินจริงๆ ให้เขากินอะไรเขาก็กินอันนั้น
เทวิกากังวลว่าแม่จะกินเดลิเวอรี่ไม่ได้ จึงถามแม่เสียงอ่อนโยนว่า “แม่ พวกหนูจะสั่งเดลิเวอรี่มากิน แม่ว่ายังไง? หรือไปกินที่โรงแรมดี?”
“เดลิเวอรี่?”
คุณหญิงธิษณาอึ้งชะงัก ก่อนจะครุ่นคิดอย่างหนัก แล้วยิ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “วิกา เพียงแค่ได้กินกับพวกเธอ จะกินอะไรก็ได้ ฉันชอบอยู่กับพวกเธอ มีความสุขมากๆ”
ในเมื่อคุณหญิงธิษณาไม่มีปัญหา กนกอรก็จึงจะสั่งเดลิเวอรี่มาเพิ่ม ไม่ละเลยแม้แต่ส่วนของบอดี้การ์ดตระกูลสาระทา
คุณหญิงธิษณามองสำรวจ One Day In Coffee แล้วยังออกความเห็นให้วิกาปรับแก้ ร้านกาแฟจะได้ดูสง่าและหรูหรามากขึ้น
แม่แท้ๆของเธอใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลร่ำรวยมาทั้งชีวิต ดังนั้นก็ย่อมตาถึงบ้างเป็นธรรมดา เทวิกาจำคำแนะนำของแม่เอาไว้ และวางแผนจะปรับแก้ทีหลัง ยกระดับความหรูหราของ One Day In Coffee
“อร มีอะไรให้น้าช่วยไหม?”
พิชญ์สินีอยู่ว่างๆไม่ได้ อยากจะหาเรื่องอะไรทำ
“คุณน้าพิชญ์สินี ตอนนี้ไม่มีลูกค้า ยังไม่มีอะไรให้ช่วยน่ะค่ะ คุณน้าก็อย่าเอาแต่หาเรื่องทำเลย ในเมื่อมาเที่ยวก็เที่ยวให้สนุก พรุ่งนี้ก็ให้วิกาพาคุณน้าไปที่สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองแอคเซสซ์”
“วิกางานยุ่ง ถ้าน้าอยากเที่ยว ก็ให้ชเนนทร์พาน้าไปเที่ยวก็ได้”
เทวิการู้ว่าช่วงนี้แม่ชอบเร่งให้พี่ชายสละโสด บอกว่าตัวเองกินอิ่มครอบครัวไม่อดอยากก็พอ ลางานบ้างก็ไม่เป็นไร เธอกับยศพัฒน์แต่งงานกันแล้ว ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว เก็บเงินไว้เลี้ยงลูกในอนาคต……
แม้ยศพัฒน์จะมีเงินเหลือเฟือมาเลี้ยงลูกอยู่แล้ว แต่คนเป็นแม่ก็มักจะคิดแบบนั้นโดยสัญชาตญาณ
ชเนนทร์: แม่! นี่บังคับให้ผมแต่งงานหรือเปล่า!