คุณสามีพันล้าน - บทที่ 212 นฤเบศวร์ นายเป็นใคร
เทวิกาเปิดโปงความลับของพี่ชาย “แม่ ให้หนูกับพัฒน์ไปกับแม่เถอะ พี่เองก็งานยุ่ง อีกอย่าง ตอนนี้พี่เขาก็มีคนที่ชอบ และกำลังจีบอยู่ เราก็ต้องให้เวลาพี่เขาไปจีบผู้หญิง”
เป็นไปได้อย่างที่คาด พิชญ์สินีได้ยินแล้วก็ถามอย่างตื่นเต้นดีใจว่า “วิกา พี่เธอมีผู้หญิงที่ชอบแล้วงั้นเหรอ? ใคร? เธอเคยเจอหรือเปล่า?”
“หนูยังไม่เคยเจอ พี่ยังไม่ยอมพามาให้หนูดูสักที”
อาจเป็นเพราะว่ายังจีบไม่ติด
ไม่งั้นพี่ชายต้องพาพี่สะใภ้ในอนาคตมาพบเธอแน่ ๆ
นี่คือสิ่งที่พี่ชายเคยสัญญาไว้
พี่ชายบอกว่า ทั้งชีวิตนี้เขามีน้องสาวแค่คนเดียว ในอนาคตหากจะแต่งงานก็จะแต่งกับคนที่เข้ากับเทวิกาได้ จะให้น้องสาวกับพี่สะใภ้มีเรื่องขัดแย้งกันไม่ได้เด็ดขาด
แต่ก่อนเทวิกาเคยแซวพี่ชายว่า หากสมมติว่าเป็นคนที่พี่ชอบแต่เธอไม่ชอบแล้วจะทำยังไง?
พี่ชายกลับตอบเธอว่า หากเธอไม่ชอบ หรือเข้ากับแฟนเขาไม่ได้ งั้นเขาก็จะเลิก แล้วหาแฟนคนใหม่ที่สามารถเข้ากับเธอได้
เทวิกา: ……โชคดีที่เธอไม่ใช่น้องสาวใจร้ายและเข้าหายาก
หากเป็นคนทั่วไปเธอก็สามารถเข้าหาได้ทั้งนั้น
คนที่เข้ากับเธอได้ดีที่สุดก็คือกนกอร
แต่น่าเสียดาย เธอเคยคิดอยากให้กนกอรเป็นพี่สะใภ้เธอ กนกอรก็เคยคิดอยากให้เธอเป็นพี่สะใภ้ ปรากฏว่าทั้งคู่ต่างไม่สมปรารถนา
เธอคิดกับพี่หยางแค่พี่น้อง สำหรับชเนนทร์ กนกอรเองก็เป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง
ต่างฝ่ายต่างไม่ใช่คนในชะตาลิขิต
“หมอนั่นปิดบังไว้มิดชิดซะจริงๆ”
“ไม่ได้ปิดบัง น่าจะเพิ่งมีคนที่ชอบช่วงนี้”
เทวิกาแก้ต่างให้พี่
ตอนที่เธอกับยศพัฒน์จดทะเบียนสมรสกัน พี่ชายยังบอกเธอเลยว่าไม่มีคนที่ชอบ
แสดงว่าต้องเพิ่งเจอคนที่ใช่ช่วงล่าสุดนี้แน่ ๆ
ได้ยินบทสนทนาของสองแม่ลูก จู่ ๆคุณหญิงธิษณาก็พูดแทรกขึ้นมาว่า “วิกา พี่ชายเธอเองก็ยังไม่มีแฟนเลย เธอช่วยหาแฟนสักคนให้พี่เธอด้วยได้ไหม?”
เห็นได้ชัด ว่าพี่ชายที่เธอพูดถึงคือประยสย์ ไม่ใช่ชเนนทร์
ชั่วขณะหนึ่ง นอกจากกนกอร ทุกคนล้วนมองไปที่คุณหญิงธิษณา
เทวิกาเผยแววดีใจ แต่ก็สะกดกลั้นเอาไว้ ก่อนจะถามอย่างระมัดระวังว่า “แม่ พี่ชายที่แม่พูดถึงคือคนไหน?”
คุณหญิงธิษณากระพริบตา ก่อนจะเริ่มสับสน แล้วเอ่ยเสียงพึมพำว่า “ประยสย์ ไม่ได้ชื่อประยสย์ แต่ชื่ออะไรกันนะ? ทำไมฉันจำได้แต่ประยสย์? เขายังแค่ครึ่งขวบเอง ฉันจะให้วิกาหาแฟนให้ได้ยังไงกัน?”
แววตื่นเต้นดีใจในดวงตาของเทวิกาพลันดับลงทันที
แม่เธอมักจะมีสติดีแค่ครู่เดียวเท่านั้น
เมื่อพวกเขาอยากจะคว้าเอาไว้ แม่เธอก็เริ่มสับสนและเลอะเลือน
เพียงแต่ นี่เองก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี
ได้ยินประยสย์บอกว่า ตอนที่คุณหญิงธิษณาอยู่ในคฤหาสต์สาระทา เธอเคยมีสติดีครู่เดียวแค่สองครั้ง
ตอนนี้มาที่เมืองแอคเซสซ์ ห่างไกลจากตระกูลสาระทาที่วุ่นวายซับซ้อน ไม่มีคนรังเกียจคุณหญิงธิษณา ก็ทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นมากเป็นกอง
ตั้งแต่ที่เทวิกาเรียกเธอว่าแม่ เธอก็รู้สึกว่าเทวิกากับเธออายุใกล้เคียงกัน เธอไม่ควรเป็นแม่ของเทวิกา แต่ขณะเดียวกันเธอก็ชอบฟังเทวิกาเรียกเธอว่าแม่ ราวกับว่าเธอก็คือแม่ของของเทวิกา
เธอรู้ว่าพิชญ์สินีคือแม่ของเทวิกา ทุกครั้งที่สบตากับพิชญ์สินี คุณหญิงธิษณาก็จะรู้สึกผิดตลอด
เธอรู้สึกว่าตัวเองหน้าด้านมาก ที่ไปแย่งลูกสาวที่โตขนาดนั้นของคนอื่น
เมื่ออารมณ์ดี คุณหญิงธิษณาก็จะมีสติดีบ่อยครั้งมากขึ้น
ทุกคนเชื่อว่า ตราบใดที่มีเทวิกาอยู่เคียงข้างคุณหญิงธิษณา งั้นเธอก็จะค่อยๆกลับมามีสติดีเหมือนเดิม ไม่เป็นบ้าและฟั่นเฟือนแบบนี้อีก
ยศพัฒน์จับมือภรรยาเอาไว้
พิชญ์สินีเองก็ปลอบลูกสาวเสียงอ่อนโยนว่า “วิกา ให้เวลากับเธอและแม่เธออีกสักหน่อย แม่เธอจะดีขึ้นอย่างแน่นอน”
กนกอรจึงจะเพิ่งรู้ว่าคุณหญิงธิษณาเป็นคนบ้า
เธอดูไม่ออกจริงๆว่าคุณหญิงเป็นคนบ้า
ในสายตาของกนกอร คุณหญิงธิษณาดูเป็นผู้ดีมีออร่า อีกทั้งยังใจกว้างและสง่างาม แม้กอดตุ๊กตาไว้จะดูแปลกๆ แต่กลับทำให้คนไม่สามารถเชื่อมโยงเธอกับคนบ้าได้
คุณน้าณินน่าสงสารมากจริงๆ
กนกอรลอบเอ่ยในใจอย่างรู้สึกเห็นใจ
กำลังจะเปลี่ยนบทสนทนา จู่ ๆประตูกระจกก็ถูกเปิดจากด้านนอก ก่อนจะเห็นนฤเบศวร์พาบอดี้การ์ดไม่กี่คนเดินเข้ามา
บอดี้การ์ดของตระกูลสาระทาเดิมทียังนั่งอยู่ในมุมเงียบๆ เมื่อเห็นดังนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนทันที พลันเดินไปล้อมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยืนขวางอยู่หน้าพวกเทวิกา แล้วล้อมตัวกันวงกลม
นฤเบศวร์ชะงักฝีเท้า พลันด่าคู่อริอย่างตกตะลึงเล็กน้อย “ยศพัฒน์ เราสองคนก็รู้จักกันมานาน บอดี้การ์ดนายไม่รู้จักฉันได้ยังไงนี่มันท่าทางอะไรกัน? เห็นฉันเป็นมาเฟียหรือโจรปล้นหรือไง?”
“นายมาทำอะไรที่นี่?”
ยศพัฒน์ยังไม่ทันตอบ กนกอรก็ชิงถามก่อน
นฤเบศวร์ย้อนถามเธอว่า “ฉันมาไม่ได้หรือไง? เธอเปิดร้านทำมาค้าขาย ฉันมาแล้ว ก็คือลูกค้า เธอจะไม่ต้อนรับฉันได้งั้นเหรอ?”
“ที่นี่คือร้านกาแฟ นายมาตอนนี้คืออยากมาดื่มกาแฟเหรอ? เตรียมไปปล้นธนาคารตอนดึกหรือไง?”
นฤเบศวร์ตอบอย่างเหิมเกริมว่า “ใช่แล้วล่ะ เตรียมไปปล้นธนาคาร ขาดคนดูต้นทางคนหนึ่ง เธอจะไปช่วยฉันดูต้นทางไหม ถ้าสำเร็จ ฉันแบ่งค่าจ้างให้เธอก้อนหนึ่ง”
กนกอรเอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “นายอยากเข้าคุกก็ไม่ต้องลากฉันไปเอี่ยวด้วย”
ยศพัฒน์เอ่ยกับบอดี้การ์ดของตระกูลสาระทาว่า “นี่คือนฤเบศวร์ คุณชายใหญ่ตระกูลเดชอุป ณ ตอนนี้ยังไม่ใช่คนอันตราย”
บอดี้การ์ดตระกูลสาระทามองไปที่เทวิกา
ก่อนจะจากไป นายน้อยสั่งพวกเขาไว้ว่า ไม่ว่าเจอเรื่องอะไร ก็ต้องได้รับอนุญาตจากคุณหนูก่อน คุณหนูอนุญาตแล้วพวกเขาจึงจะสามารถทำได้ หากคุณหนูไม่อนุญาตพวกเขาก็ห้ามทำ
เทวิกาพยักหน้า
บอดี้การ์ดตระกูลสาระทาจึงจะกลับไปนั่งที่เดิม แล้วดื่มน้ำอุ่นกินขนมต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่งรอเดลิเวอรี่ที่คุณกนกอรสั่งให้พวกเขา
นฤเบศวร์สังเกตเห็นความผิดปกติ เขาเผยแววตาใคร่รู้ ทว่าก็ไม่ได้ถามอะไร
ทันใดนั้น เดลิเวอรี่ก็มาถึงแล้ว
นฤเบศวร์เห็นกนกอรสั่งเดลิเวอรี่มาเยอะขนาดนี้ พลันหาโอกาสลากกนกอรไปที่อื่น
“นายทำอะไรน่ะ?”
กนกอรสะบัดมือเขาออก แล้วพูดเสียงเบาว่า “นายมาช้าเกินไป ไม่ได้สั่งของนายไว้ ถ้าหิวก็กลับไปกินที่บ้านนายซะ”
นฤเบศวร์เองก็กดเสียงต่ำพูดเสียงเบาว่า “ปู่ฉันให้ฉันมารับเธอกลับไปกินข้าวที่บ้านด้วยกัน ลุงเซนเองก็โทรมาเร่งหลายรอบแล้ว”
กนกอรมองไปที่เพื่อนสนิทและคนอื่นๆ “ตอนนี้ฉันจะไปยังไง?”
นฤเบศวร์เองก็มองไปที่คนเหล่านั้น ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “ฉันเทียบกับพวกเขาไม่ได้หรือไง?”
กนกอรกลอกตามองบนใส่เขา
เจ้าหมอนี่ไม่รู้ตัวหน่อยเลยเหรอ?
เขาเป็นคนอะไรของเธอ? ก็แค่คนโง่ที่รวยเท่านั้น
ยังอยากจะแย่งตำแหน่งในใจเธอกับเทวิกาอีก
นฤเบศวร์ถูกภรรยามองบนใส่ พลันรู้สึกไม่สบอารมณ์
ตั้งแต่เด็กจนโตขนาดนี้ เขาไม่เคยถูกใครมองบนใส่มาก่อน แม้เปรมาจะเห็นเขาเป็นตัวสำรอง แต่เวลาอยู่หน้าเขาก็ยังคงประจบเอาใจ ไม่มีทางมองบนใส่เขา
กนกอรไม่เพียงแค่มองบนใส่เขา แต่ยังด่าเขาอย่างไร้ซุ่มเสียงว่า: นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร? มีสิทธิ์มาเทียบกับเทวิกาด้วยหรือไง?
นฤเบศวร์: ……
เขาเป็นใครงั้นเหรอ?
ในตระกูลเดชอุปรุ่นของเขา เขาก็เป็นลูกพี่ใหญ่สุดไงล่ะ!