คุณสามีพันล้าน - บทที่ 219 ชายสวมหน้ากาก
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 219 ชายสวมหน้ากาก
หลังจากที่คุณจิ๋วดื่มน้ำแล้ว ได้ถือแก้วใบนั้นไว้ จากนั้นก้มหน้ามองน้ำอุ่นที่ถือไว้ในอก
ผ่านไปสักพัก เธอเงยหน้ามองเทวิกา หัวเราะเยาะตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันกับตาณหย่าร้างกันแล้ว คุณเทวิกาคงรู้สึกสมน้ำหน้าฉัน คิดว่ากรรมตามสนองสินะ?”
“ไม่หรอก ฉันรู้สึกว่าคุณจิ๋วเป็นคนมีสติ การที่ตาณแต่งงานกับคุณ เพราะเห็นแก่ฐานะของคุณ และเห็นแก่ผลประโยชน์ที่ได้มาจากคุณ เพราะถ้าแต่งงานกับคุณ เขาสามารถลดความพยายามไปได้สามสิบปีเลย”
คุณจิ๋วยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณเทวิกาเป็นคนมีเหตุผล และเป็นคนมีความชัดเจนจริงๆ”
“ตอนแรก ฉันเป็นคนเข้าหาตาณก่อนเอง แต่ในตอนแรกฉันไม่รู้ว่าเขามีแฟนแล้ว และหลังจากที่ฉันรู้ ฉันก็ได้ถลำตัวไปลึกแล้ว และไม่เห็นหัวใครเลย คิดว่าด้วยฐานะของตัวเอง สามารถแย่งตาณมาได้อย่าง่ายดาย”
“อีกอย่าง เพราะหน้าตาของฉันสู้คุณเทวิกาไม่ได้ และเมื่อฉันแย่งแฟนของคุณเทวิกาไปได้ ฉันเลยคิดว่าเป็นเพราะความสามารถของฉัน ดังนั้น หลังจากรู้ว่าเขามีคุณเป็นแฟนแล้ว ฉันก็ยังดึงดันคบกับเขาต่ออีก”
คุณจิ๋วถอนหายใจออกมา: “ความจริงเป็นที่ประจักษ์แล้ว ผู้ชายที่ถูกแย่งไปได้ ล้วนไม่ใช่ของดีกันทั้งนั้น”
“แต่ว่า คุณเทวิก มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฉันต้องช่วยตัวเองแก้ตัวหน่อย คนที่ทำให้คุณกับตาณเลิกกันไม่ใช่ฉัน แต่เป็นชายสวมหน้ากาก ชายสวมหน้ากากคนนั้นได้พนันกับตาณ และพวกเขาก็ได้ชกต่อยกัน แต่ตาณเป็นคนแพ้”
เมื่อคุณจิ๋วพูดถึงชายสวมหน้ากากดวงตาของเทวิกาเบิกกว้างขึ้นมาทันที
ทายออกได้ว่าชายสวมหน้ากากคนนั้นคือผู้ชายในบ้านของเธอนั่นเอง
“ชายสวมหน้ากากชนะตาณ สิ่งที่เขาขอไม่ใช่สิ่งของเงินตรา แต่เป็นแฟนของตาณ ตาณบอกว่าไม่รู้ว่าชายสวมหน้ากากคนนั้นเป็นใคร แต่ชอบพนันกับคนอื่น ชกต่อยกับคนอื่น เพียงเพื่อต้องการแย่งแฟนของคนอื่น เขาถูกชายสวมหน้ากากคนนี้รังควันมาหลายปีแล้ว”
“อาจเป็นเพราฉันให้ความหวังตาณก็ได้ เพราะครั้งนั้นหลังจากที่ตาณพ่ายแพ้ ก็ตอบตกลงยกแฟนของเขาให้คนอื่นไปเลย จากนั้นก็ขอเลิกกับคุณ ”
เทวิกา: “……”
ชายสวมหน้ากากชอบพนันกับคนอื่น ชกต่อยกับคนอื่น คนที่พ่ายแพ้ต้องยกคนรักให้เขา และคนรักของคนที่พ่ายแพ้พวกนั้นคงเป็นเธอสินะ?
ต้องเป็นยศพัฒน์เป็นคนทำแน่
ผู้ชายคนนี้มีอีกฉายาว่า:ชายสวมหน้ากาก
“ตาณไม่เคยลืมคุณเลย หลังจากแต่งงานกับฉันแล้ว ความเป็นอยู่ดีขึ้นไปหลายระดับ ทำให้เขาเริ่มเหลิง นอกจากปิดบังฉันแล้วมาตอแยคุณเทวิกาแล้ว ยังมีเมียคนที่สามที่สี่อยู่ข้างนอกอีก และชอบขอเงินขอบ้านขอรถให้คนในบ้านเขาตลอด ทั้งครอบครัวเหมือนเป็นแวมไพร์คลานมาดูดเลือดฉัน”
“ฉันนึกว่าเขาเป็นคนเอาการเอางาน เดิมทีคุณน้าฉันก็ให้ความสำคัญกับเขา นึกว่าพวกเราช่วยเหลือเขามากขนาดนี้ เขาอาจจะซาบซึ้งใจ และทำดีกับฉันตลอดก็ได้ ปรากฏว่า……เป็นการตบหน้าตัวเองชัดๆ !ฉันรู้เขารังเกียจฉันที่ฉันสวยไม่พอ ส่วนเขาหน้าตาหล่อเหลา แต่มาแต่งงานกับฉัน เหมือนเขาเป็นดอกไม้ที่สวยงามแต่มาเสียบอยู่บนขี้วัวอย่างฉัน”
“คงคิดว่าฉันยอมรับในทุกอย่างที่เขาทำได้สินะ?คงคิดว่าฉันขาดเขาไม่ได้สินะ?วันนี้ฉันรักเอ็นดูเขาได้ พรุ่งนี้ฉันก็เปลี่ยนตัวเขาได้เช่นกัน!คิดว่าฉันท้องแล้ว ก็จะตกอยู่ในกำมือเขา ฝันไปเถอะ ฉันยอมเลี้ยงลูกให้โตเพียงลำพังคนเดียวก็ไม่ยอมเลี้ยงครอบครัวเขาทั้งครอบครัวหรอก”
“ดังนั้น พวกเราจึงหย่าร้างกัน ฉันเป็นคนเอ่ยปากเอง แต่เขากลับคิดจะแบ่งสมบัติของบ้านฉัน ฉันเก็บหลักฐานที่เขานอกใจ แล้วให้เขาออกไปตัวเปล่า ตำแหน่งในบริษัทก็ถูกปรับให้อยู่ต่ำแหน่งต่ำสุด เขาทนไม่ไหว เลยขอลาออกไปเอง”
เมื่อเทวิกาได้ยินรู้สึกสะใจมาก
ผู้ชายอย่างตาณที่ชอบไปคบหากับคนที่มีฐานะสังคมสูงกว่าแถมเป็นคนหลายใจอีก ก็ควรได้รับจุดจบแบบนี้!
“คุณเทวิกา ไม่ว่ายังไง ก่อนหน้านั้นฉันเคยนำพาความทุกข์มาให้คุณ วันนี้ จึงอยากมาขอโทษคุณอย่างเป็นทางการอีกครั้ง คุณเทวิกา ขอโทษด้วย!”
เทวิกาพูดขึ้นอย่างใจกว้างว่า: “เรื่องราวได้ผ่านไปแล้ว และฉันก็ไม่ได้รักตาณแล้ว ตอนนี้เมื่อเอ่ยถึงเขา ฉันไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เดิมทีฉันเคยเกลียดคุณจิ๋ว แต่เมื่อเปลี่ยนความคิดอีกมุม ฉันควรจะขอบคุณคุณจิ๋วสำหรับการปรากฏตัวของคุณถึงจะถูก ที่ให้ฉันได้มองเห็นธาตุแท้ของตาณ”
ไม่งั้นหลังจากที่ตาณรู้ฐานะที่แท้จริงของเธอแล้ว ไม่รู้จะดูดเลือดเธอไปเท่าไหร่ หรืออาจถูกเงามืดที่อยู่เบื้องหลังหลอกใช้ก็ได้
เงินเป็นสิ่งที่ทดลองใจคนออกมาได้ง่ายที่สุด
หลังจากที่คุณจิ๋วได้พูดความในใจทั้งหมดออกมาแล้ว รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะเลย
“เธอดื่มน้ำอุ่นแก้วนั้นจนหมด จากนั้นหยิบกระเป๋าตัวเอง แล้วลุกขึ้น พูดกับเทวิกาว่า: “คุณเทวิกา ขอบคุณสำหรับการที่คุณยังยอมนั่งลงรับฟังฉัน”
เทวิกาส่งเธอออกไป
เมื่อมองดูเธอขึ้นรถ และขับรถออกไปแล้ว เธอถึงได้เดินกลับเข้าไปในร้าน
ในใจรู้สึกปลงอนิจจังกับเรื่องที่ผ่านมา
“วิกา”
พิชญ์สินีเรียกลูกสาว
“แม่ หนูไม่เป็นไรค่ะ เธอไม่ได้มาหาเรื่องฉัน หนูก็แค่รู้สึกปลง รู้สึกว่าทุกอย่างบนโลกล้วนไม่แน่นอน และมีการเปลี่ยนแปลงมาก ใครก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น”
เหมือนเธอ ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา คิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นลูกสาวแท้ๆ ของบ้านตระกูลวาชัยยุง
และตาณอีก ตอนแรกเอาเธอเป็นเดิมพันในการพนัน พ่ายแพ้ให้กับชายสวมหน้ากาก แล้วไปมีความสัมพันธ์กับคุณจิ๋ว คิดว่าจะสามารถลดความทะเยอทะยานได้สามสิบปี คิดว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าเธอ
ใครจะไปรู้ ตาณกลับได้ไปอยู่ในยุคก่อนการปลดปล่อยอีกครั้ง และเป็นผลจากการกระทำของเขาเองอีกด้วย
ส่วนเธอกลับกระโดดไปเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลสาระทาแห่งเมืองซูเพร่า และมีโอกาสสืบทอดทรัพย์สมบัติหลายร้อยล้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตาณชาตินี้ทั้งชาติไม่เอื้อมถึงได้เลย
“วิกา”
กนกอรหูไวมาก ได้ยินบางเรื่องที่คุณจิ๋วพูด เธออยากรู้เรื่องราวทั้งหมดจึงเข้าไปใกล้เทวิกา ถามออกมาอย่างอยากรู้ว่า: “ชายสวมหน้ากากที่ชอบแย่งแฟนคนอื่นเป็นใครเหรอ”
เทวิกมองเธอ
กนกอรแลบลิ้นออกมาอย่างทะเล้น หัวเราะฮิๆ: “ฉันอยากรู้ ฉันอยากรู้”
“ฉันทายว่าน่าจะเป็นคุณยศพัฒน์”
เมื่อเธอพูดจบยังเล่นหูเล่นตาใส่เทวิกาอีกด้วย พูดล้อเล่นขึ้นมาว่า: “คนคนนั้นของบ้านเธอนี่จริงๆ เลย!”
เธอยกหัวแม่โป้งให้เทวิกา ทำให้เทวิกาพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“แต่ว่า เมื่อคิดดูแล้วก็รู้สึกมีความสุข ถ้าฉันถูกผู้ชายที่เก่งกาจแบบนั้นวางแผนจีบมาสิบกว่าปี เพียงเพราะวางแผนต้องการได้ฉันเป็นภรรยา แม้แต่ตอนฝันฉันก็คงฝันยิ้มจนตื่นขึ้นมา”
“ยิ้มตื่นขึ้นมา แสดงว่าฝันได้จบสิ้นลงแล้ว”
กนกอรก: “……”
“มีออเดอร์ของบริษัทบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปไหม?”
“เธออยากไปส่งของเหรอ ถึงแม้จะไม่มีออเดอร์ เธอก็สามารถส่งกาแฟร้อนไปให้คุณยศพัฒน์ได้ ใกล้แค่นี้เอง ส่งไป กาแฟก็ยังร้อนอยู่”
กนกอรหัวเราะฮิๆ “ก็แค่ใกล้จะเที่ยงแล้ว ถ้าเธอส่งกาแฟไปให้คุณยศพัฒน์ อาจรบกวนเวลาพักผ่อนตอนเที่ยงของเขาเท่านั้นเอง”
เทวิกาไม่ได้ไปส่งกาแฟให้ผู้ชายตัวเอง แต่เอากล่องใส่ขนมออกมา แล้วใส่ขนมที่แม่ตัวเองทำเข้าไปในกล่อง จากนั้นถือมันออกไป
“คุณหนูใหญ่ ผมไปส่งคุณ”
บอดี้การ์ดรีบลุกขึ้นตามเทวิกาไป
เทวิกามองไปที่แม่ตัวเอง แล้วพูดกับแม่แท้ๆ ว่า: “แม่ หนูออกไปแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับมา แม่รอหนูอยู่ที่ร้านนะ”
คุณหญิงธิษณาพูดออกมาอย่างเข้าใจว่า: “หนูไปทำงานของหนูเถอะ ไม่ต้องสนใจแม่”
บอดี้การ์ดคนนั้นพาเทวิกาออกไปจากOne Day In Coffee
One Day In Coffee ห่างจากบริษัทบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปไม่ไกลนัก ไม่นานนัก ก็มาถึงบริษัทบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป
“แม่ฉันอยู่ในร้าน ฉันไม่ไว้ใจ คุณรีบกลับไปที่ร้าน จำไว้ ต้องคอยปกป้องคนในร้านตลอดเวลา ห้ามให้ใครคนใดคนหนึ่งเกิดเรื่องขึ้นเด็ดขาด”
บอดี้การ์ดรีบพูดขึ้นว่า: “คุณหนูใหญ่วางใจได้ พวกเราถึงแม้ต้องแลกด้วยชีวิต ก็จะคุ้มครองให้ทุกคนในร้านปลอดภัย”
เพราะเวลานี้ ทุกคนที่อยู่ในร้านOne Day In Coffee พวกเขาต่างเป็นคนที่คุณหนูใหญ่รัก ขาดใครคนใดคนหนึ่งไปไม่ได้ และได้รับบาดเจ็บไม่ได้!